41. นอกชายแดน (9)
* * *
“ต่อหน้าข้า คนไร้แก่นสารอย่างเจ้าบังอาจพูดจาเหลวไหลกับนักเรียนแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้มีพระคุณต่อเผ่าเสือ ใจกล้าไม่เบานี่”
“เสือเหลือง เจ้าก็พูดเกินไป ไร้แก่นสารอะไรกัน… ไม่ขนาดนั้นกระมัง”
ซอโดลที่ยังคงรักษามาดนิ่ง ไม่อยากยอมรับว่าตัวเอง ‘ไร้แก่นสาร’
วังจีโฮเผยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“เลิกใช้ภาษาทางการที่มันเป็นลางร้ายสักที ทุกครั้งที่เจ้าพูดแบบนั้น ความฉิบหายมักมาเยือน”
“หา… หมายความว่ายังไง”
“ในกรณีเลวร้ายที่สุด… เคยเกิดโรคระบาดที่ทำให้พืชพรรณทั้งหมดบนภูเขาเฉาตาย…”
“อ้อ ไอ้นั่นน่ะหรือ… เดี๋ยวสิ เสือเหลือง! ทำไมถึงพูดต่อหน้าโชอึยชินล่ะ แบบนี้ข้าเสียหายนะ!”
ซอโดลปาดผมที่จัดทรงมาอย่างดี พลางขึ้นเสียงสูงจนฟังดูไม่เป็นธรรมชาติ
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น เขาไม่มีอาการตกใจเลย
“รู้ตัวสินะว่าทำอะไรลงไป ยังมียางอายหลงเหลืออยู่บ้างไหม”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? มีตรงไหนที่ข้าต้องอับอาย!”
แม้จะเผชิญกับถ้อยคำตำหนิของเสือเหลือง ซอโดลยังคงรักษามาดนิ่งไม่ไหวติง
“ถ้าเจ้าหมายถึงพฤติกรรมอันน่ายกย่องอย่างการเสนอพรคุ้มครอง มันไม่ใช่พฤติกรรมที่น่าละอาย ไม่อย่างนั้นโชอึยชินก็ต้องออกอาการแล้วสิ! ไม่เพียงจะไม่ใช่ความน่าอับอาย แต่ข้าทำในสิ่งที่น่าชื่นชม”
“…คำพูดคำจาของเจ้านับวันยิ่งไร้แก่นสาร เป็นเพราะหมกอยู่ในรูหนูหรือไง ถึงได้เอาแต่พล่ามเหลวไหลอยู่นั่น”
ตอนนี้ฉันยังมีข้อมูลไม่มาก แต่มีบางสิ่งที่แน่ชัด
คำว่า ‘โดล’ จาก ‘ซอโดล’ ถูกกร่อนมาจาก ‘โดลี’ ในคำว่า ‘คเวโดลี’ (เด็กเจ้าเล่ห์)
เป็นลูกเล่นที่แตกต่างจาก ‘วังจีโฮ’ ซึ่งแผลงมาจาก ‘วังโฮ’ (เสือเหลือง)
เรียกได้ว่ามีความคมคายทางภาษามากกว่า
‘เคยคิดว่าเขาใกล้เคียงกับสามัญสำนึกของมนุษย์มากกว่าใคร เมื่อเทียบกับผู้นำคนอื่นในการประชุมพันธมิตรสิบสองจักรราศี’
แต่พอลองคิดทบทวนดูใหม่อย่างถี่ถ้วน ผู้นำเผ่าหนูที่เรียกตัวเองว่า ‘เด็กเจ้าเล่ห์’ และคอยสะกดรอยตามคนที่ตัวเองชอบ ไม่มีทางเป็นคนปกติอยู่แล้ว
…ไม่ควรตัดสินใครจากความประทับใจแรกสินะ
ฉันปล่อยให้ผู้นำพันธมิตรสิบสองจักรราศีกัดกันเอง ไม่ต่างจากที่ฮงกยูบินกัดกับเด็กห้อง 2/0 พลางเรียกดู ‘หน้าต่างค่าสถานะ’ ผ่านเมนูพิเศษ
〈เรียกดูข้อมูลส่วนบุคคลของ ‘โชอึยชิน’ 〉
[ชื่อ] โชอึยชิน
[สมญา] ร่างที่เหมาะสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ, ซูเปอร์โนว่าไร้นาม, จอมโจรผาแดง
[พรคุ้มครอง] (โหลดล้มเหลวบางส่วน)
[แสงประทาน] (ปิดใช้งาน)
[สถานะ] ปกติ
[ค่าสถานะโดยรวม] Lv.31
[สกิล]
สรรพภัณฑ์ Lv.5
เมนูพิเศษของร่างที่เหมาะสำหรับเปลี่ยนอนาคตมิติ Lv.4
สื่อสารกับจักรวาลเหนือรูป Lv.2
พลังโชคชะตา Lv.3
(โหลดล้มเหลวบางส่วน)
เลเวลค่าสถานะโดยรวมที่สูงขึ้นมากหลังจากฝึกกับแบคโฮกุน เด่นสะดุดตาฉันเป็นพิเศษก็จริง แต่ประเด็นที่ควรต้องเอาใจใส่คือ ‘พรคุ้มครอง’
ข้อความแจ้งเตือน ‘โหลดล้มเหลวบางส่วน’ หรือที่ผู้เล่นเพลเมโกรู้จักกันดีในชื่อ ‘บั๊กโหลด’
สมัยยังเล่นเกมอยู่ ฉันมักปล่อยผ่านเพราะมีบางกรณีที่ปัญหาถูกแก้ไขได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แต่บั๊กโหลดกลับไม่ยอมหายไปจากหน้าต่างค่าสถานะของฉันในโลกนี้
“ประเด็นมันอยู่ที่ความต้องการของโชอึยชินต่างหาก ไม่ใช่คำพูดของเจ้า เสือเหลือง! การมีพรคุ้มครองไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหายสักหน่อย”
“พรคุ้มครองไม่ได้มีแต่ด้านดี”
“โชอึยชินต้องมีภาชนะที่ยิ่งใหญ่แน่ ถึงจะมอบพรใหญ่ไปเขาก็จะย่อยได้… แต่แน่นอน ข้าจะปรับขนาดให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้จิตใจของเขาล้าเกินไป… พรของข้าน่ะเจ๋งจะตาย ไม่เคยมีใครเสียสติเพราะพรของข้ามาก่อน!”
วังจีโฮและซอโดลหันมาทางฉัน
คำตอบของฉันตายตัวมาตั้งแต่ต้น
“ขอปฏิเสธ”
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันไม่อยากแบ่งจิตกับใครผ่านพรคุ้มครอง และคำนึงจากสภาพปัจจุบัน ฉันอาจรับพรคุ้มครองจากใครเพิ่มไม่ได้
ความสุขและความโศกของสองผู้นำเผ่าแท้ ถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจนด้วยคำตอบของฉัน
วังจีโฮแสยะยิ้มให้ซอโดลด้วยใบหน้าพึงพอใจ ส่วนซอโดลทำราวกับไม่อยากเชื่อหู ตามด้วยการเซ้าซี้อย่างไม่ย่อท้อ
“ได้ยังไง… ลองคิดดูใหม่อีกครั้งเถอะ!”
“ดื้อด้านชะมัด เลิกทำตัวเกาะแกะแล้วไสหัวไปสักที”
“…ฮึ่ย แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกน่า”
ซอโดลยังคงทำหน้าอาลัยอาวรณ์
“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่ คงไม่ได้ถ่อมาไกลเพียงเพื่อมอบพรคุ้มครองให้โชอึยชินใช่ไหม”
“หืม เรื่องนั้น…”
ซอโดลมองสลับระหว่างฉันกับวังจีโฮด้วยรอยยิ้มสดใส
“ข้าอยากจับตาดูพวกเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืนเลยน่ะ”
“ไปให้พ้น”
แม้จะวังจีโฮจะข่มขู่ แต่ซอโดลไม่สะทกสะท้าน
* * *
สมาคมเพลเยอร์สาขาจีน, สำนักงานสาขาเฉิงตู
ตั้งแต่มาถึงจีน ฮงกยูบินต้องปวดหัวกับการเจรจากับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยงานความมั่นคง ที่พูดจาวกวนกลับกลอกไปมา
พอมีจูเก่อแจกอลตามมาสมทบ เพลเยอร์บางคนที่รู้จัก ‘นักกวีหยกคราม’ เริ่มวางตัวดีขึ้น แต่ก็เท่านั้น
‘มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล ขั้นตอนการออกบัตรชั่วคราวสำหรับเพลเยอร์วัยรุ่นไม่น่าจะยุ่งยากขนาดนี้’
แม้นจะได้กลิ่นตุๆ แต่ฮงกยูบินยังคงยิ้มแย้มอย่างสุภาพ ขณะเผชิญหน้ากับเพลเยอร์ชาวจีน
แต่ยิ่งเวลาผ่านไปแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ฮงกยูบินทวีความกังวล
‘…ติดต่อพวกเขาดีไหมนะ’
ตอนแรกคิดว่าคงจะจบเร็วขึ้นถ้าขอให้จูเก่อแจกอลมาช่วย แต่กลับไม่เป็นไปตามแผน
เขารู้สึกผิดที่ตารางการท่องเที่ยวนอกประเทศของจูเก่อแจกอล ต้องยุ่งเหยิงเพราะคำขอร้องจากตน
ทันใดนั้น ใครบางคนช่วยทำลายสถานการณ์ที่ไม่คืบหน้า
“ครูจูเก่อ ไม่ต้องห่วง เราติดต่อคนใหญ่คนโตให้แล้ว”
“ใช่ เชื่อมือเราได้เลย”
“รีบจัดการให้เสร็จแล้วไปเล่นสนุกกันเถอะ!”
กึมชานซอลและวังชานซอลหรี่เสียงกระซิบ
ฮงกยูบินกับจูเก่อแจกอลทำหน้างุนงง แต่ดูเหมือนทุกคนในห้อง 2/0 จะรู้ว่าคู่หูทำอะไรลงไป
นักเรียนห้อง 2/0 ทยอยยิ้มกรุ้มกริ่มทันที
“ถ้าเป็นพวกที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ ก็ต้องแก้เผ็ดด้วยอำนาจที่เหนือกว่า!”
“บังเอิญว่าหนึ่งในเพื่อนของพ่อเขา เป็นสมาชิกระดับสูงของคณะมนตรีรัฐกิจ”
กึมชานซอลพูดขณะชี้ไปทางวังชานซอล
หากกล่าวถึง ‘คณะมนตรีรัฐกิจของจีน’ นั่นมันฝ่ายบริหารโดยตรงไม่ใช่หรือ
การกล่าวถึง ‘คณะมนตรีรัฐกิจ’ ระดับสูง
มิใช่หน่วยงานที่ทำงานอยู่ภายใต้
นั่นเทียบเท่ากับการพูดว่า ‘คนรู้จัก’ มีตำแหน่งระดับรัฐมนตรีกระทรวง
‘ถ้าเป็นครอบครัวของวังชานซอล… พอมีโอกาสเป็นไปได้’
ขณะฮงกยูบินคิดแบบนั้น วังชานซอลชี้ไปทางกึมชานซอลด้วยสายตาทำนอง ‘ยังมีนักเรียนอีกคนที่สามารถใช้อำนาจมืด’
“บังเอิญว่าหนึ่งในญาติของเธอ เป็นกรรมการบริหารจูชเวคอนเซิร์น*” (Zhuque Concern)
จูชเวคอนเซิร์นคือกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่แห่งวงการต่างโลกของจีน
จูชเวคอนเซิร์นถือครองธุรกิจเชิงต่างโลกอย่างครบวงจร ไล่ตั้งแต่การผลิตสินแร่และใยผ้าที่พบในรอยแยก หรือดรอปโดยเอนามี ไปจนถึงการค้าขายและผลิตไอเท็มเกรดหายากเพื่อป้อนสู่ตลาดเพลเยอร์
การดำรงอยู่ของจูชเวคอนเซิร์น ซึ่งผูกขาดธุรกิจต่างโลกทั้งหมดโดยอาศัยความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับรัฐบาล คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้สมาคมเพลเยอร์ถูกลดทอนอำนาจในจีน
‘คำนึงจากพื้นเพของตระกูลกึมชานซอล การจะมีคนรู้จักอยู่ในนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นี่เป็นถึงญาติ?’
ฮงกยูบินเย็นสันหลังวาบเมื่อได้ทราบว่า หัวโจกของพวกเด็กแสบมีเส้นสายระดับผู้ทรงอิทธิพลของโลกโนเวลกูดอทคoม
อย่างไรก็ตาม เขาโล่งใจเพราะเชื่อมั่นว่า ทั้งสองจะใช้เส้นสายเพื่อช่วยเหลือจูเก่อแจกอลเท่านั้น โดยไม่คิดจะนำไปหาผลประโยชน์ส่วนตัว
“อย่างที่คิด พวกเราเจ๋งที่สุด!”
“เราจะยิ่งสมบูรณ์แบบถ้ามีครูจูเก่ออยู่เคียงข้าง!”
เมื่อกึมชานซอลและวังชานซอลทำไฮไฟว์ ห้องสำนักงานด้านหลังกระจกเริ่มระส่ำระสาย
เจ้าหน้าที่แผนกตรวจเพลเยอร์เข้าเมือง ซึ่งเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังเท้า รีบดำเนินการออกบัตรชั่วคราวให้มกอูรัม
“ครูจูเก่อ! เป็นเรื่องดีที่พวกเรามาด้วยใช่ไหม”
“อย่างที่คิด การได้ตอกหน้าด้วยอำนาจที่เหนือกว่า มันช่างเร้าใจเสียจริง!”
ขณะจูเก่อแจกอลส่งภาษากายขอบคุณนักเรียน ฮงกยูบินรับบัตรมาถือพลางยืนครุ่นคิด
‘นี่เป็นแค่ความเรื่องเยอะของเจ้าหน้าที่ตรวจเพลเยอร์เข้าเมือง หรือเป็นผลสะท้อนจากนโยบายของชาติเกี่ยวกับเพลเยอร์… หรือไม่ก็…’
ฮงกยูบินจ้องรูปถ่ายมกอูรัมที่ลงทะเบียนไว้กับฐานข้อมูลสมาคม
‘เป็นเพราะนักเรียนมกอูรัม?’
* * *
แม้จะใช้เวลานานกว่าที่คิด แต่สุดท้ายจูเก่อแจกอลกับกลุ่มเด็กแสบ ก็ออกบัตรยืนยันตัวตนชั่วคราวให้มกอูรัมสำเร็จ
ห้อง 2/0 อยากส่งฮงกยูบินกับมกอูรัมกลับคาบสมุทรเกาหลีทันที แต่ฮงกยูบินส่ายหน้า
“นักเรียนอูรัมยังลืมตาไม่ได้เลย สำหรับเพลเยอร์วัยรุ่นที่มีพรสวรรค์ระดับสอบติดโรงเรียนแสงเงิน มันอันตรายที่จะข้ามชายแดนขณะคลื่นพลังวิเศษไม่เสถียร หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางทาง มันจะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ”
จูเก่อแจกอลเห็นด้วยกับฮงกยูบิน ห้อง 2/0 จึงทำได้แค่หุบปาก
แต่ผู้นำเผ่าเสือกับเผ่าหนูที่ชมอยู่ ดูจะคิดต่างออกไป
“เห็นได้ชัดว่าฮงกยูบินมีเรื่องหนักใจ คงเกี่ยวกับการที่ออกบัตรล่าช้า”
“ถูกต้อง ในฐานะฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย กยูบินต้องทำงาน ‘ขนส่งมนุษย์’ บ่อยครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาจัดการเรียบร้อยได้ด้วยตัวคนเดียว จะต้องมีเหตุผลอื่นเบื้องหลังแน่”
ฮงกยูบินก้าวเท้าออกจากกลุ่ม มองมายังสองผู้นำเผ่าแท้แล้วผงกศีรษะแผ่วเบา
‘ขอความร่วมมือให้เคลื่อนไหวพร้อมกันสินะ คงอยากเกาะกลุ่มกันไว้ จนกว่าจะหมดตารางทัศนศึกษาของชมรมหนังสือพิมพ์’
จริงอยู่ อาจเป็นไปได้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างของฮงกยูบิน ที่อยากอยู่กับจูเก่อแจกอลให้นานขึ้น
แต่สองผู้นำเผ่าแท้มองว่าเรื่องนี้มีมูล จึงตัดสินใจร่วมมือ
“วันนี้ช่วงบ่าย ชมรมหนังสือพิมพ์มีกำหนดจะไปเยี่ยมชมศูนย์ฝึกเพลเยอร์ในเมืองเฉิงตูเพื่อทำข่าว ฉันขอฝากเด็กพวกนี้ไว้กับเธอได้ไหม”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“ครูจูเก่อ! พวกเราขอไปด้วยสิ!”
เมื่อได้ยินว่าฮงกยูบินถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง เด็กห้อง 2/0 รุมถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
แต่จูเก่อแจกอลส่ายหน้า
“ขั้นตอนการผ่านเข้าออกศูนย์ฝึกเพลเยอร์ของจีนค่อนข้างยุ่งยาก เราไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมชมโดยไม่แจ้งล่วงหน้า”
“ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการใช้อำนาจข่มขู่อีกครั้ง!”
ใช้อำนาจข่มขู่อีกครั้ง?
ฉันเริ่มเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการออกบัตรชั่วคราว
“อย่ารบกวนคนรู้จักของพวกเธอบ่อยนักสิ”
“วันนี้ทำไปแล้วครั้งหนึ่ง จะทำอีกครั้งก็คงไม่ต่างกัน!”
“เราอยากไปกับครู่จูเก่อ!”
จูเก่อแจกอลสบตากับห้อง 2/0 แล้วเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน
“ครั้งแรกอาจเกิดจากน้ำใจ แต่การยืมอำนาจคนอื่นนั้นมีราคาเสมอ อีกทั้งพวกเธอยังใช้อำนาจเพื่อรุ่นน้อง ครูจึงยอมหลับตาให้หนึ่งข้าง… แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ครูกังวลว่าพวกเธออาจเดือดร้อนในภายหลัง”
ได้ยินคำพูดจูเก่อแจกอล เด็กห้อง 2/0 ต่างปิดปากสนิท
จูเก่อแจกอลได้รับพรคุ้มครองจากโธธ เขาจึงโกหกไม่ได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คำว่า ‘กังวล’ นั้นออกมาจากใจจริง นักเรียนห้อง 2/0 จึงทำได้แค่ปิดปาก เพื่อบรรเทาความกังวลของครูประจำชั้น
“ระหว่างที่ครูไม่อยู่ สนิทกับฮงกยูบินเข้าไว้ล่ะ”
“ครับ…”
“ค่ะ…”
เด็กห้อง 2/0 ผงกศีรษะรับด้วยใบหน้าอ่อนแรง
ฮงกยูบินมองจูเก่อแจกอลด้วยความตื้นตันใจ
เป็นธรรมดาที่จะนึกชื่นชมเพลเยอร์ผู้สามารถรับมือกับเด็กแสบห้อง 2/0 ได้อย่างอยู่หมัด
“เอ่อ… เกิดอะไรขึ้นหรือ ทำไมมีคนเพิ่ม”
เริ่มจากมุนแซรอนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้างุนงง ชมรมหนังสือพิมพ์ทยอยลงมายังล็อบบี้ และเริ่มหารือเกี่ยวกับตารางกิจกรรมในตอนกลางวัน
* * *
ถึงเวลาชมรมหนังสือพิมพ์เที่ยวชมศูนย์ฝึกเพลเยอร์
วังจีโฮที่เดินลงจากแอร์บัส กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับ
ฉันเข้าใจเหตุผลได้โดยไม่ต้องถาม
ซอโดลเอาแต่ตามเกาะติดพวกเราอย่างไร้ยางอาย
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
“ข้าได้สิทธิ์เข้าเยี่ยมชมด้วยอำนาจของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องรบกวนใคร”
“ดูภูมิใจจังนะ”
“แน่นอน”
ชมรมหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ต่างผุดคำถามทำนอง ‘มีเด็กใหม่เข้ามาเพิ่ม?’ หรือ ‘เคยเห็นหน้าจากที่ไหนมาก่อน…’
ยกเว้นแค่สองคน
มุนแซรอนกับจูเก่อแจกอล
ดูเหมือน ‘นักค้าข่าว’ มุนแซรอนจะรู้ตัวจริงของซอโดล แต่เลือกปิดปากเงียบ
จูเก่อแจกอลมองด้วยสายตาขื่นขมและกล่าวเพียงว่า ‘กรุณาอย่ารบกวนกิจกรรมของชมรม’ และยอมให้ซอโดลตามมาด้วย
‘ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จักบุคคลที่มอบพรคุ้มครองให้นักเรียนคนแรกของตัวเอง’
บางที ซอโดลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในความลับระหว่างฮงกยูบินและจูเก่อแจกอล
ขณะมุ่งหน้าสู่ทางเข้าศูนย์ฝึกเพลเยอร์โดยมีจูเก่อแจกอลเป็นหัวขบวน
“ถอยไป!”
ชิ้ง…!
วังจีโฮพุ่งไปยืนข้างจูเก่อแจกอลพร้อมกับกางบาเรีย
ก่อนจะได้ตั้งข้อสงสัย ฉันสัมผัสถึงกระแสคลื่นพลังวิเศษอันล้นหลาม จึงรีบแผ่คลื่นพลังวิเศษออกมาคลุมร่างตามสัญชาตญาณ
เสียงระเบิดและควันแผ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่