ในโลกที่ขอบเขตระหว่างความจริงกับโลกแฟนตาซียังพร่ามัว เส้นแบ่งระหว่าง ‘พลังวิเศษ’ กับ ‘วิทยาศาสตร์’ ทวีความกำกวมเข้าไปทุกวัน
มีทั้งกฎทางฟิสิกส์ที่กระทั่งพลังวิเศษก็ก้าวข้ามไม่ได้ และมีทั้งพลังวิเศษที่ทำราวกับตรรกศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องขำขัน
เหนือขอบเขตอันคลุมเครือนั่น คือเพลเยอร์และเผ่าแท้ผู้ใช้พลังวิเศษ รวมถึงดาวเทียมเพลเยอร์
ดาวเทียมของสมาคมเพลเยอร์ซึ่งมีหน้าที่ตรวจจับรอยแยก เอนามี และพฤติกรรมผิดวิสัยของเพลเยอร์ คือผลผลิตจากความร่วมมือระหว่างวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ และพลังวิเศษของเผ่าแท้บางคน
หลักการทำงานเบื้องหลังดาวเทียมเพลเยอร์ ถือเป็นความลับสุดยอดแม้กระทั่งภายในสำนักงานใหญ่ของสมาคมเพลเยอร์ประจำประเทศ
มีข้อมูลเพียงน้อยนิดที่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน แต่คนที่อ่านเข้าใจนั้นมีน้อยยิ่งกว่า
“…นักวิจัยพิเศษ?”
“ฉันเห็นเว็บแอปฯ วิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมที่นักเรียนซงแดซอกพัฒนาขึ้นแล้ว หลังจากตรวจสอบอัลกอริทึมที่เขาออกแบบ วิศวกรกับโปรแกรมเมอร์ในทีมต่างยืนกรานว่าต้องพานักเรียนซงแดซอกมาที่ห้องปฏิบัติการให้ได้”
หมายถึงเว็บแอปฯ ที่สมาคมเพลเยอร์ปิดกั้นการเข้าถึงที่มินกือรินเล่าให้ฟังเมื่อวาน?
ฉันเคยคิดแค่ว่า ซงแดซอกเป็นเพลเยอร์ฝีมือดีผู้มีใจรักในดาวเทียม แต่ดูเหมือนจะยิ่งกว่านั้น
ทีมจัดการดาวเทียมของสมาคมแทบไม่เคยหยุดพัก เนื่องจากต้องเตรียมตัวรับมือเหตุไม่คาดฝันที่จอมบงการอาจก่อขึ้นได้ตลอดเวลา
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้งาน ‘เก็บกวาด’ คดีค่ายยุวชนก็ยังไม่เสร็จ
ต้องเป็นเรื่องสำคัญแค่ไหนกัน หัวหน้าทีมอิมจีฮวาถึงยอมถ่อมาหาด้วยตัวเองในช่วงเวลาแสนวุ่นวาย
‘หรือว่าซงแดซอกสามารถทำนายรอยแยกที่จอมบงการอัญเชิญได้แล้ว…!’
สังเกตเห็นใบหน้าตกตะลึงของฉัน อิมจีฮวาอธิบายต่อ
“เดิมที นักเรียนซงแดซอกสมัครเข้ามาในตำแหน่งนักเรียนฝึกงาน แต่ตำแหน่งดังกล่าวจะเข้าถึงข้อมูลได้ในปริมาณจำกัด ส่งผลให้มิอาจใช้ความสามารถของนักเรียนซงแดซอกได้เต็มประสิทธิภาพ… แม้จะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน แต่ผู้บริหารที่มีอำนาจแต่งตั้งบุคลากรฝ่ายดาวเทียม ต่างลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าให้จ้างนักเรียนซงแดซอกในฐานะนักวิจัยพิเศษ”
ยิ่งได้ฟังคำอธิบายของอิมจีฮวา เรื่องราวก็ยิ่งดูน่าทึ่ง
ถ้อยแถลงอันน่าตกตะลึงของเธอ ทำเอาฉันรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่พลุ่งพล่าน
ตัวละครของฉันมีพรสวรรค์แสนวิเศษ!
“…นักเรียนม.ปลายเป็นนักวิจัยได้ด้วยหรือ”
“ถึงจะหายาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย! สมาคมเพลเยอร์พิจารณาแค่ฝีมือกับผลงาน ได้ยินว่ารุ่นพี่ชอนดงฮาของโรงเรียนเราก็ได้เป็นนักวิจัยพิเศษที่ห้องปฏิบัติการเอกชนเหมือนกัน!”
กระทั่งในโลกที่ปราศจากพลังวิเศษ เด็กที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์พิเศษในสายงานบางคน ก็ยังถูกนับหน้าถือตาโดยไม่สนใจอายุหรือวุฒิการศึกษา
โลกนี้ก็เช่นกัน
ชอนดงฮาผู้มีมันสมองระดับสัตว์ประหลาดคือตัวอย่างที่ชัดเจน
“แดซอก คิดว่ายังไงบ้าง ถ้าไม่อยากทำจะปฏิเสธก็ได้นะ”
ซงมันซอกที่รอจนกระทั่งอิมจีฮวาพูดจบ ในที่สุดก็เปิดปาก
สิ้นเสียงมหาบุรุษแขนเหล็ก แววตาของอิมจีฮวากลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง
หากไม่ใช่เพราะฮีโร่ของชาติยืนอยู่ข้างตน เธอคงอ้อนวอนขอร้องซงแดซอกอย่างไม่แยแสภาพลักษณ์
ซงแดซอกที่เพิ่งตื่นและยังแยกแยะความจริงกับความฝันไม่ได้ กะพริบตาถี่พลางอ้าปากค้างอยู่สักพัก จนในที่สุดก็เปิดปากพูด
“เห็นเว็บแอปฯ ที่ผมสร้างแล้ว?”
“ถูกต้อง”
ซงแดซอกในท่านอน ฝืนพยุงตัวนั่งโดยมีมินกือรินคอยช่วย
ถึงจะบอกว่าคอยช่วย แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกันมาก มันดูเหมือนมินกือรินแค่จับแขนเขาไว้เฉยๆ
“…หมายถึงเว็บแอปฯ อันไหน”
“หือ…”
ซงแดซอกพูดในสิ่งที่คาดไม่ถึง
“แอปฯ ถอดรหัสดัชนีดาวเทียม? แอปฯ วิเคราะห์รูปแบบการเกิดรอยแยก? หรือแอปฯ ทำนายการเกิดรอยแยกจากการแปลงค่าตัวแปร?”
ได้ยินรายชื่อโปรแกรม อิมจีฮวาทำหน้าเบิกบานอย่างที่ไม่เคยเป็น
“ไม่ได้มีแค่อันเดียว? ยังมีอีกเยอะไหม”
“บางอันยังอยู่ระหว่างการพัฒนา เพราะต้องดึงข้อมูลสาธารณะจากเว็บไซต์ของสมาคม ผมได้เขียนอัลกอริทึมขึ้นมาใหม่เพื่อดึงตัวแปรลับที่แฝงมากับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่…”
“มาเซ็นสัญญาทำงานกันเถอะ! แดซอก!”
“ฮ…เฮ้ย! ให้แดซอกรับปากก่อนสิ!”
“รุ่นพี่แขนเหล็ก! กรุณาหลีกทางด้วยค่ะ! แดซอกเป็นอัจฉริยะที่สมาคมจะขาดไม่ได้!”
ขณะปรี่เข้าไปหาคนป่วยพร้อมกับถือแทปเล็ต อิมจีฮวาที่ถูกซงมันซอกขวางทาง ชิงกล่าวด้วยคำพูดคำจาขาดความสุภาพ
ความสับสนอลหม่านดำเนินต่อไปอีกสักพัก
* * *
หลังจากปล่อยให้ซงแดซอก ซงมันซอก ฮงคยุงบ๊ก และอิมจีฮวาคุยกันในห้องคนไข้
เด็กๆ ที่ออกมายืนบนทางเดินต่างพากันทำหน้ามึนงง แต่ก็ยังร่วมแสดงความยินดีกับซงแดซอก
“คงไม่ได้แค่ชอบดาวเทียมสินะ… ถึงว่า ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยเวลาที่หมอนั่นพูดถึงดาวเทียม”
“กือริน แดซอกชอบดาวเทียมมากเลยหรือ”
“…แดซอกเลือกของขวัญเป็นโมเดลดาวเทียมในวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบ”
มินกือรินเล่าเรื่องเก่าๆ ของซงแดซอกอย่างร่าเริง ราวกับเป็นเหตุการณ์ในชีวิตเธอเอง
เนื่องจากสังคมวัยเรียนของทั้งสองหยุดลงกลางคันในชั้นประถม เรื่องราวเกือบทั้งหมดจึงมาจากสมัยยังเล็ก แต่ทุกคนสามารถบอกได้ว่าซงแดซอกชอบดาวเทียมแค่ไหน และมินกือรินชอบซงแดซอกมากเพียงใด
‘…สงครามข้อมูลกำลังย่างเข้าสู่ยุคใหม่’
แต่ไหนแต่ไร ซงแดซอกเข้าถึงข้อมูลดาวเทียมได้เทียบเท่าสิทธิ์ของนักเรียนม.ปลายคนหนึ่ง
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้าร่วมทีมวิจัยที่ทำงานกับดาวเทียมโดยตรง?
‘ศักยภาพของดาวเทียมสมาคมก็จะยิ่งเปิดกว้าง!’
ยิ่งมีซงมันซอกกับฮงคยุงบ๊กช่วยเป็นกันชนให้ คงไม่มีใครกล้าใช้แรงงานซงแดซอกหนักเกินตัว
โล่งอกไปทีที่บทสรุปจบได้สวย หลังจากที่ซงแดซอกเกือบต้องตกสัมภาษณ์งาน
“คนนั้นคือปู่ของแดซอกหรือ… พวกเราเคยเจอตอนปิกนิกใช่ไหม”
“จะว่าไปก็ใช่…”
“อ๋อ ผู้ชายใส่แว่นกันลมที่เข้ามาคุยกับครูฮัมกึนยอง! เป็นปู่ของแดซอกนี่เอง”
“เคยเจอคุณปู่ซงตอนไปปิกนิกด้วยหรือ”
“ตอนที่พวกเราเพิ่งไปถึงแม่น้ำฮัน เขาปั่นจักรยานมาพอดี ครูฮัมกึนยองจึงเดินเข้าไปทัก”
มินกือรินผู้ยังไม่ได้สวมแว่น AR เบิกตากว้างขณะฟังเรื่องเล่าตอนไปปิกนิก
ผ่านไปสักพัก ควอนเลนาในท่ากอดกล่องคุกกี้ ก้มหน้ามองแล้วพูด
“นี่ ในเมื่อแดซอกน่าจะคุยกับอยู่ใหญ่อีกนาน เราไปเยี่ยมยูรีกันก่อนไหม”
“ไปสิ!”
“ไปกันเถอะ หมอนั่นอาการดีขึ้นมากแล้ว”
“ถ้ามีคุณปู่ซงกับท่านอาจารย์อยู่ด้วยก็ไม่มีอะไรน่าห่วง ฉันอยากไปเจอยูรีเหมือนกัน!”
เมื่อกำหนดปลายทางได้ วังจีโฮเดินนำ
ไม่เหมือนกับห้องของซงแดซอกที่ใกล้ลิฟต์ ห้องคิมยูรีอยู่ค่อนข้างไกล
“ไกลแฮะ”
“ฉันเห็นจีโฮสแกนการ์ดหลายครั้งแล้วนะ… ทำไมชั้นนี้ถึงกว้างนักล่ะ ไม่ได้เชื่อมกับตึกอื่นสักหน่อย!”
“อาจเป็นลักษณะพิเศษของวอร์ดเพลเยอร์ก็ได้…”
ขณะเดินผ่านประตูหลายบานและทางเดินยาว เด็กๆ เริ่มสะสมความหวั่นวิตก
ยิ่งก้าวเดินอย่างไร้จุดหมาย ความกังวลก็ยิ่งบ่มเบาะ
“วันนั้นมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บจากการเคลียร์รอยแยกอยู่มากก็จริง แต่ทั้งหมดกลับบ้านได้ในคืนเดียว มีแค่คนที่ได้รับพิษวิเศษกับคิมยูรีเท่านั้นที่ต้องพักรักษาตัวต่อ”
“ยูรี… ก็โดนพิษวิเศษ?”
“คิมยูรีไม่ได้รับพิษวิเศษ และร่างกายเธอแทบจะไร้รอยขีดข่วน คนที่อยู่ในเหตุการณ์คงรู้ดี”
วังจีโฮตอบคำถามมินกือรินพลางหันไปมองเม็งเฮียวทงกับควอนเลนา
ทั้งสองคือสักขีพยานในเหตุการณ์แสงประทานของคิมยูรีอาละวาด
พวกเขาเอาแต่เงียบ สายตาจ้องเข้าไปในมุมมืดของทางเดิน
“คิมยูรีครอบครองแสงประทานที่เชื่อมต่อกับเบื้องบนจำนวนมาก เธอพยายามสะกดมันไว้มาตลอด แต่ดันปะทุขึ้นในตอนที่เกิดเรื่องวุ่นวายพอดี และผลข้างเคียงยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน… เธอกำลังทุกข์ทรมานจากแรงดันพลังวิเศษที่ฝืนระงับไว้นานเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่จะหายได้ด้วยการรักษา”
วังจีโฮหยุดยืนหน้าประตูบานสีทอง
ประตูส่องแสง ซึ่งไม่เข้ากับธรรมชาติของโรงพยาบาลเลยสักนิด ประดับประดาไปด้วยอักขระโบราณจนดูคล้ายวงแหวนเวทโuเวลกูดอทคoม
‘วังจีโฮถึงกับต้องกางบาเรียด้วยตัวเอง?’
ฉันอ่านอักขระโบราณไม่ออก แต่จำได้แม่นเพราะเคยเห็นบาเรียของวังจีโฮมาหลายครั้ง
เด็กๆ ย่อมไม่รู้เรื่องที่วังจีโฮร่ายบาเรียขึ้นเอง แต่คงสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของพลังวิเศษ ทุกคนจึงมองประตูด้วยใบหน้าตึงเครียด
“อยู่หลังฉันไว้”
กล่าวจบ วังจีโฮใช้คีย์การ์ดเปิดประตู
ครืด—
ทันทีที่ประตูเปิด คลื่นพลังวิเศษสีน้ำเงินจากด้านในถาโถมใส่พวกเราทันที
ซ่าา! ซ่า!
คลื่นพลังวิเศษที่ดูคล้ายลำธารสีทองระเบิดต่อหน้ากลุ่มนักเรียน
เมื่อแสงสีทองอร่ามเริ่มบรรเทา วังจีโฮส่ายศีรษะ
“ดูเหมือนเบื้องบนรอบๆ คิมยูรีจะยังทำตัวน่ารำคาญอยู่ ถึงจะไม่มีใครคิดร้ายกับเธอก็เถอะ”
ทิวทัศน์ด้านหลังบาเรียสีทองที่วังจีโฮกางคุ้มครองพวกเรา คือคลื่นพลังวิเศษสีน้ำเงินที่กำลังสาดซัดอย่างเกรี้ยวกราด
เสียงกรอบแกรบดังขึ้น
มีใครบางคนอาศัยอยู่ในมุมมืดของห้องพักคนไข้
“…นั่นใคร”
เป็นเสียงเจือความฉงนของคิมยูรี
“หัวหน้าห้อง!”
เม็งเฮียวทงรีบปรี่ไปหาต้นเสียง แต่ถูกซาวอลเซอึมห้ามไว้
“จีโฮบอกว่าให้อยู่หลังเขาไว้!”
“แต่หัวหน้าห้องอยู่นอกบาเรียของหมอนั่น!”
“อย่าได้กังวล คนที่คอยก่อกวนคิมยูรีไม่มีเจตนาจะทำร้ายเธอ”
ไม่นานไฟอัตโนมัติเริ่มสัมผัสถึงการมาเยือน จึงเปิดสวิตช์ตัวเอง
คิมยูรีกำลังนั่งกอดผ้าห่มพลางมองมาทางพวกเรา
ไม่ผิดจากคำพูดวังจีโฮ เธอแทบจะไร้รอยขีดข่วน
“ท…ทุกคนมาเยี่ยมฉัน?”
เมื่อจดจำใบหน้าพวกเราได้ คิมยูรีเผยรอยยิ้มสดใส
เธออาจดูซูบลงมากภายในไม่กี่วัน แต่ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นผองเพื่อน
* * *
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเตร็ดเตร่
อาศัยเงินทองที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้ เขาออกเดินทางเพื่อเที่ยวชมเมืองใหญ่ทั่วโลก ซึ่งถูกกล่าวข่านว่ายังหลงเหลือมรดกจากทวยเทพแห่งศิลปะและดนตรี
ปารีส กรีซ บาร์เซโลนา ซิดนีย์ ฟลอเรนซ์ เซาเปาโล เวียนนา…
เด็กหนุ่มผู้ตระเวนเที่ยวชมเมืองใหญ่และสิ่งก่อสร้างทั่วโลก ซึ่งเหล่านักดนตรีชื่อดังทั้งยุคเก่าและใหม่ล้วนเคยแวะเวียนมาเยือน กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังสุดขีด
‘…ไม่มีเลย’
เด็กหนุ่มผู้สามารถค้นพบความยิ่งใหญ่และสุขสำราญใจของศิลปะได้จากเสียงหยาดน้ำฝน กำลังจมอยู่ในบ่อน้ำแห่งความสิ้นหวังอันไร้ก้นบึ้ง
‘ไม่ว่าจะที่ไหน ก็ไม่พบบุคคลที่เราตามหา…’
หลังจากลองเดินตามรอยเท้านักดนตรีทั้งหมดในยุคปัจจุบัน เขาได้ข้อสรุปแบบนั้น
เด็กหนุ่มนั่งอยู่ใต้ชายคาในสลัมของเขตเสื่อมโทรม พลางนึกทบทวนคำพูดของอาจารย์ผู้ล่วงลับ
[ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ยึดติดกับชีวิต]
อาจารย์ผู้มีอายุขัยเกินกว่าขีดจำกัดมนุษย์ปกติ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นพรหรือคำสาปของเบื้องบนกันแน่ มักลูบไล้ศีรษะเด็กหนุ่มด้วยฝ่ามือเหี่ยวย่น
[สักวันเธอก็จะได้ค้นพบความหมายของชีวิต… เมื่อครั้งได้ฟังดนตรีของเธอผู้นั้นเป็นหนแรก ฉันรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นล้นพ้นที่ช่วยให้มีชีวิตยืนยาว]
แต่ช่วงเวลาแห่งการ ‘ขอบคุณ’ ของเด็กหนุ่มไม่มีวันมาถึง
กระทั่งดนตรีของ ‘เธอผู้นั้น’ ที่มอบความหมายให้กับชีวิตของอาจารย์ ก็ยังปลุกเร้าอารมณ์ส่วนลึกในจิตใจเด็กหนุ่มไม่สำเร็จ
‘เราจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร’
ขณะเด็กหนุ่มคิดแบบนั้น
เสียงแจ้งเตือนดังจากดีไวซ์ของเขา
เป็นการแจ้งเตือนที่ตั้งค่าไว้สำหรับวิดีโอที่ถูกอัปโหลดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อน ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับดนตรีและมียอดผู้ชมสูงถึงจำนวนหนึ่ง
‘…ถึงดูไปก็คงพานพบเพียงความผิดหวัง’
แม้จะคิดแบบนั้น แต่เด็กหนุ่มยังคงเปิดวิดีโอตามการแจ้งเตือน
ในวิดีโอมีแฮชแท็ก (Hashtag) ชื่อโรงเรียนของเขา—โรงเรียนที่ไม่เคยเข้าเรียน
‘โรงเรียนแสงเงิน? โรงเรียนแบบนั้นมีชมรมไหนเล่นดนตรีได้น่าสนใจด้วยหรือ’
เด็กหนุ่มกดปุ่มเล่นอย่างไม่คาดหวัง
เมื่อวิดีโอเริ่มเล่น เขาเห็นทิวทัศน์ที่แตกต่างจากห้องชมรมดนตรีโรงเรียนแสงเงิน
ใครบางคนกำลังเล่นไวโอลินโดยมีทะเลเป็นฉากหลัง
เสียงโน้ตไวโอลินอันหมดจดไร้จุดตำหนิ ดังแทรกกลางระหว่างเสียงคำรามของคลื่น
‘บลูไวโอลินิสต์…’
‘มิวส์’ ของอาจารย์
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว
ไม่ปฏิเสธว่า ‘บลูไวโอลินิสต์’ ควอนเจอินบรรเลงไวโอลินได้ไพเราะเพราะพริ้ง
แต่ก็เท่านั้น
เขาไม่เคยเข้าถึงเหตุผลที่อาจารย์ของตนสรรเสริญควอนเจอิน
ขณะเด็กหนุ่มเผชิญความผิดหวัง และเตรียมกดหยุดวิดีโอเพื่อเลิกฟัง
‘หือ…’
เสียง ‘แปร่งๆ’ ดังสอดรับกับการบรรเลงของควอนเจอิน
เป็นเสียงไวโอลินที่ค่อนข้างแข็ง คล้ายกับยังไม่ถูกขัดเกลาจนสุกงอม
ตัวโน้ตที่ขาดความคม ดูเกร็งและกระด้าง ผสมกลมกลืนกับเทคนิคอันสมบูรณ์แบบของควอนเจอิน
‘งดงาม…’
ตรงข้ามกับความชำนาญของบลูไวโอลินิสต์ โน้ตเหล่านั้นเกิดจากการบรรเลงของมือใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เด็กหนุ่มกลับหลั่งน้ำตาไม่หยุดระหว่างที่บทเพลงดำเนินต่อไป
‘ไพเราะ… จับใจ!’
เมื่อได้ยินตัวโน้ตแฝงความดิบ เขาสัมผัสถึงคุณค่าของชีวิตเป็นครั้งแรก
บนหน้าจอ เด็กผู้หญิงอายุประมาณมัธยมปลายกำลังสีไวโอลินด้วยอาการเกร็งเล็กๆ
สำเนียงไวโอลินของเธอสอดรับกับตัวโน้ตของไวโอลินมือหนึ่งของโลก จนความคิดของเด็กหนุ่มถูกครอบงำโดยสมบูรณ์
“ในที่สุดก็เจอแล้ว… มิวส์ของเรา!”
โรงเรียนแสงเงิน ห้อง 1/0 ม๊กอูรัม
นี่คือวินาทีที่เขาตัดสินใจกลับประเทศ