ย่านพักอาศัย, หอพักนักเรียนปีหนึ่ง, ชั้น 17, เขตส่วนกลาง
เม็งเฮียวทงยังคงนั่งตามลำพังโดยไม่เข้าห้อง แม้จะแยกกับเพื่อนคนอื่นแล้ว
‘ทำอะไรไม่ได้เลย…’
จากนักเรียนเจ็ดคนของห้อง 1/0 ที่เข้าค่ายยุวชน
ท่ามกลางสถานการณ์ฉุกเฉิน โชอึยชินออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น ร่วมมือกับซาวอลเซอึมเพื่ออพยพชาวเมืองจนปลอดภัย
แม้จะบาดเจ็บ ซงแดซอกช่วยปกป้องนักเรียนกว่าหญิงยี่สิบคน โดยในภายหลังได้วังจีโฮตามมาช่วย
แสงประทานของคิมยูรีจัดการเอนามีไปมากมาย ส่วนควอนเลนาคอยยับยั้งความบ้าคลั่งของทะเลร่วมกับควอนเจอิน
เม็งเฮียวทงไม่ได้ทำอะไรเลย
ผลงานเดียวของเขาที่ดูจะสำคัญที่สุด คือการถ่ายทอดคำพูดของโชอึยชิน
‘แล้วถ้ามีวิกฤติทำนองนี้เกิดขึ้นอีกล่ะ…’
ความอึดอัดเริ่มครอบงำจิตใจเม็งเฮียวทง
เขาไม่มีความถนัดอื่นนอกจากต่อสู้และกินเก่ง
กระทั่งการต่อสู้ก็ยังถูกจำกัดแค่ในระยะประชิด ถ้าเกิดสถานการณ์แบบเมื่อคืนอีกก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม
จินตนาการถึงคลื่นยักษ์อันเกรี้ยวกราด เอนามีจำนวนมหาศาล และคิมยูรีที่ล้มลง ใบหน้าเม็งเฮียวทงยิ่งดำมืด
ขณะนั่งทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ เขานึกถึงบุคคลที่มีพลังวิเศษคล้ายคลึงกับตน
‘…ใช่แล้ว คุณปู่เจ้าลัทธิ!’
ทักกอซันที่มีแต่สกิลโจมตีระยะประชิด สามารถซัดพลังกวาดลงทะเลพร้อมกับคร่าชีวิตเอนามีนับไม่ถ้วน
‘ถึงเราจะสู้ประชิดตัวได้อย่างเดียว แต่ถ้าก้าวไปถึงระดับเขา ก็คงพอจะทำอะไรได้บ้าง…!’
คิดถึงตรงนี้ เม็งเฮียวทงนั่งไม่ติดก้น
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดงในฤดูร้อน
เขาเริ่มวิ่งโดยไม่คิด
เลี้ยงดูบิดา
เอาชีวิตรอดในไฟต์คลับ
เมื่อสองเป้าหมายในชีวิตหายไป เม็งเฮียวทงได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในโรงเรียนแสงเงิน
แต่ตอนนี้ เขาค้นพบเป้าหมายใหม่
‘เราต้องแข็งแกร่งขึ้น… ต้องมีส่วนร่วมกับทุกคนให้ได้!’
เม็งเฮียวทงเร่งฝีเท้าผ่านอากาศชื้นๆ
ปลายทางคือเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง—ห้องทำงานครูกิตติมศักดิ์
ตอนนี้เป็นเวลาพัก และยังไม่แน่ชัดว่าทักกอซันที่ต้องอยู่ให้ความร่วมมือกับสมาคม จะกลับถึงโรงเรียนตอนไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยืนกรานจะรอจนกว่าอีกฝ่ายกลับมา เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์
* * *
หน้าทางเข้าคฤหาสน์วังมยองโฮ
เจ้าบ่วงกำลังยืนรอด้วยตาเป็นประกาย
อาการเหนื่อยล้าของฉันหายเป็นปลิดทิ้งทันที
“เจ้าบ่วง! รอฉันอยู่หรือ”
บ๊อกบ๊อก!
เจ้าบ่วงเห่าอย่างร่าเริงแล้ววิ่งไปรอบเท้าฉัน
แม้คราวก่อนฉันจะทำพลาด จนเผลอสร้างความเจ็บปวดให้มันด้วยสติปัญญาอันน้อยนิด แต่มันกลับยังใจกว้างให้อภัยและออกมาต้อนรับฉัน!
ภาพดังกล่าวทำเอาหัวใจกระชุ่มกระชวยเหนือคำบรรยาย ถึงจะยังสับสนอยู่นิดหน่อยก็ตาม
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เอาแต่นั่งรอพี่อึยชินอยู่หน้าบ้าน!”
“ที่จริงก็อยากกินมื้อกลางวันด้วยกัน แต่พวกพี่กลับมาถึงช้ากว่าที่คิด มากินมื้อเย็นกันเถอะ!”
“พี่ชาย อยู่เล่นกับพวกเราหลังจากกินมื้อเย็นด้วยนะ!”
ด้วยการเยียวยาหัวใจของเจ้าบ่วง และการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากลูกหลานเสือเงิน หัวใจของฉันกำลังพองโต
บ๊อก! บ๊อกบ๊อก!
“หือ…? ทางนี้มีอะไรหรือ”
อยู่ดีๆ เจ้าบ่วงก็เดินมาข้างหน้าแล้วกระดิกหางถี่ ราวกับเรียกให้เดินตามไป
ปลายทางคือห้องของมัน
ป้ายชื่อสีสันฉูดฉาดถูกแขวนไว้บนประตู ลูกหลานเสือเงินคงเขียนมันขึ้นมากับมือ
คงเพราะฉันคอยซื้อของขวัญมาให้เรื่อยๆ ก็เลยเตรียมห้องเก็บของให้เจ้าบ่วงเป็นสัดเป็นส่วน
‘ถ้าจำไม่ผิด วังจีโฮบอกว่ามันจะแสดงอะไรให้ดู…’
เมื่อตอบรับคำเชิญแล้วเดินเข้าไป สิ่งที่วางอยู่ใจกลางห้องสะดุดตาฉันเป็นพิเศษ
มันคือถุงเปล่า ที่ไม่เหลือของเหลวด้านในแม้แต่หยดเดียว
‘ถุงใส่ยาวิเศษของเผ่ากวาง…!’
หลักฐานยืนยันคือตราเขากวางที่แปะอยู่บนถุง
ฉันยืนอึ้งด้วยความตกตะลึง
“เจ้าบ่วง… แกทิ้งมันไปหมดแล้ว?”
ต้องไม่อยากกินขนาดไหนกัน ถึงเลือกทำตัวแบบนี้?
ความจริงที่ว่าฉันทำให้เจ้าบ่วงต้องพบเจอช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทำเอาหัวใจเริ่มบีบรัดอีกครั้ง
บ๊อก? บ๊อก…? บ๊อกบ๊อก!
“ฮ…ฮะฮะฮะฮะ! ตั้งใจว่าจะไม่หัวเราะแล้วนะ! ฮะฮะฮะ!”
วังจีโฮที่ดูหงุดหงิดมาตลอดทาง เริ่มขำอย่างเอร็ดอร่อย
เจ้าบ่วงพยายามสื่อสารกับฉันด้วยการกระดิกหาง แต่เนื่องจากจิตใจพังไปแล้ว สิ่งเดียวที่ฉันหวังในตอนนี้คือขอให้ตาแก่เวรนี่ช่วยหยุดขำสักที
“ไม่ได้ทิ้ง แต่กินหมดแล้ว”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของวังจีโฮ เสียงพูดอันนุ่มนวลดังแทรกขึ้นมา
เป็นแบคโฮกุนที่เพิ่งกลับจากข้างนอก
บ๊อก!
เจ้าบ่วงเห่าสั้นแต่หนักแน่น ราวกับเน้นย้ำว่านั่นคือความจริง
มันกินยาวิเศษทั้งหมดที่ฉันซื้อให้?
“ถ้าไม่ใช่เพราะนายซื้อให้ มันไม่มีวันกินเข้าไป”
ได้ยินคำพูดเสริมของแบคโฮกุน หัวใจฉันรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม
“เจ้าบ่วง! ฉันขอโทษ! ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงดูไม่ออกกันนะ… คงลำบากมากเลยใช่ไหม”
บ๊อกบ๊อก!
เมื่อเห็นมันวิ่งมาหา ฉันก้มลงไปอุ้ม
หลังจากอุ้มเจ้าบ่วงเดินเข้าไปในห้องรับแขก ในนั้นมีแขกรออยู่
คนหนึ่งคือยงเจกอน ส่วนอีกคนเป็นชายผมแดงที่ฉันไม่รู้จัก
“สวัสดี ท่านประธานเสือเหลือง ขอบคุณที่เชิญมานะ ข้าพาตัวคนที่พยายามหนีโดยอ้างว่าจะไปทำงานมาด้วยล่ะ”
“…”
คนที่ยงเจกอนพามาด้วย ฉันคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก
‘ใบหน้าอยู่ตรงกลางระหว่างความดุดันของเสือแดง กับความสง่างามของอุงเนียจอมคร่ำครวญ…’
โดยเฉพาะดวงตานั่น
ตาขวาที่เผยให้เห็นใต้เรือนผมดูก้าวร้าวคล้ายเสือแดง ส่วนตาซ้ายที่ถูกเส้นผมปิด มีเปลือกตาสองชั้นเหมือนกับอุงเนียจอมคร่ำครวญ
พอคิดถึงตรงนี้ก็ได้คำตอบ
“ครูคิมชินรก?”
“เจ้าเพิ่งเคยเห็นใบหน้านี้เป็นครั้งแรกสินะ นี่คือหน้าจริงยังไงล่ะ! ดูดีกว่าเยอะเลยใช่ไหม พอเปลี่ยนตัวตนก็ต้องเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตลำบากแย่… ทำไมไม่ทำตัวเปิดเผยเหมือนข้า…”
“พอได้แล้ว”
คิมชินรกพยายามใช้ศอกแยงยงเจกอน แต่ฝ่ายหลังหลบอย่างเป็นธรรมชาติ
ท่วงท่าการหลบดูสง่างาม สมแล้วที่เป็นตัวละครของฉัน
‘ถ้าหน้าจริงเป็นแบบนี้… ซ่อนเถอะ’
ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเป็นลูกของเสือแดงกับอุงเนีย
“คิมชินรก เจ้าเองก็ควรได้ฟังเรื่องราวด้วย”
“…ขอรับ”
สิ้นเสียงวังจีโฮ คิมชินรกตอบหน้าขรึม
ใบหน้าของเขายิ่งแข็งกระด้างหลังจากเห็นเสือแดงเดินตามเข้ามา
“เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ทุกคนนั่งลง”
ขณะทุกคนแยกย้ายไปนั่ง สาวใช้อัตโนมัติได้ยกชากับของว่างออกมาเสิร์ฟ
เป็นชาดาร์จีลิง (Darjeeling*) ที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูฝนเดือนกรกฎาคม
(*ดาร์จีลิง – ชาที่ถูกผลิตในเมืองดาร์จีลิงทางรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ชาดาร์จีลิงถูกผลิตขึ้นในหลายรูปแบบเช่น ชาแดง ชาเขียว ชาขาว และชาอูหลง เมื่อนำไปชงจะได้ชาสีทองสว่าง ให้กลิ่นหอมดอกไม้ จึงทำให้ชาดาร์จีลิงได้ฉายาว่า แชมเปญแห่งชา)
ของว่างคือลูกพลัมประจำฤดูกาล นำไปตากแห้งแล้วผสมน้ำผึ้งกับธัญพืช
เสิร์ฟมาในจานและถ้วยแก้วที่ด้ามจับประดับด้วยทองคำ
“ข้าจะอธิบายสิ่งที่พบเจอและได้รับรายงานมา ถ้าขาดเหลือตรงไหนก็ช่วยเสริมได้”
วังจีโฮเริ่มสาธยายภาพรวมของเหตุการณ์
ข้อมูลที่เสือแดงสืบมาได้และ ‘สิ่งที่ฉันรู้’
สกิล ‘อัญเชิญรอยแยกต่างโลก’ และแผนผังวังจันทรา
การเจรจากับสมาคมเพลเยอร์เพื่อทำให้จอมบงการตายใจ
พฤติกรรมของครูฝึกบางคนที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายโuเวลกูดฺอทคoม
กลุ่มนักเรียนที่นำทีมจู่โจมรอยแยก
การอพยพประชาชนอย่างราบรื่น
เอนามีจากทะเลที่ยกพลขึ้นบก และการอาละวาดของแสงประทานคิมยูรี
อธิบายถึงตรงนี้ วังจีโฮหยุดแล้วหันมาถามฉัน
“นายแน่ใจใช่ไหม เรื่องที่คิมยูรีไม่ได้รับพรคุ้มครองจากเผ่าผีเสื้อแล้ว”
“แน่ใจ พรคุ้มครองของเผ่าผีเสื้อคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เธอทนรับแรงกดดันจากเบื้องบนมาได้ตลอด… ทันทีที่เธออาละวาด นั่นเท่ากับว่าพรคุ้มครองถูกตัดขาดไปแล้ว”
“เป็นโชคดีของเธอที่ได้ตัดขาดกับนังผีเสื้อ”
การมอบพรคุ้มครองจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากมนุษย์ก่อน แต่การตัดพรคุ้มครองไม่ต้อง
ฝ่ายที่มอบพรคุ้มครองสามารถยกเลิกได้ตามใจ
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เหตุการณ์ที่เทพสวรรค์ตัดพรคุ้มครองจากเผ่าหมี
“ถ้าอย่างนั้นขอกลับเข้าเรื่อง”
วังจีโฮเล่าถึงเหตุการณ์ที่ตนจัดการกับครูฝึก การกู้ระเบิด แล้วย้อนกลับไปช่วยนักเรียนที่ได้รับพิษวิเศษ
เผ่าหมีที่เพ่งเล็งคิมชินรก การเผชิญหน้ากับเสือแดงและยงเจกอน
ท้ายที่สุดเป็นการกล่าวถึงจอมลอกเลียน และหมีจอมว้าวุ่นซึ่งเป็นหนึ่งในแปดเซียนแห่งหมีแท้
‘การเพิ่มเข้ามาของตัวแปรไม่คาดฝัน… มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล’
เกือบทั้งหมดเป็นบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟค (Butterfly Effect) จากพฤติกรรมในอดีตของฉันเอง เช่นเรื่องที่เผ่าหมีเพ่งเล็งคิมชินรกกับซาวอลเซอึม
แต่ก็มีบางสิ่งที่ผิดปกติเกินไป
‘มันคล้ายกับในเกมก็จริง แต่ดูเหมือน ‘เหตุการณ์ที่ตรงกัน’ จะมีระดับความยากเพิ่มขึ้นมาก’
เช่นรอยแยกต่างโลกที่ถูกอัญเชิญ หรือความรุนแรงของพิษวิเศษ
แม้ในเกมจะอธิบายว่าชเวย็อนทึกกับพวกครูฝึกพยายามก่อกวนการอพยพ แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขนาดคิดจะวางระเบิดหลุมหลบภัยกลาง
‘เป็นเพราะแผนครั้งก่อนๆ ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง พวกมันจึงลงมือหนักข้อขึ้น?’
อธิบายจบ วังจีโฮเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ที่ข้าจะเล่ามีเท่านี้… เสือแดง ตอนนี้จอมลอกเลียนเป็นยังไงบ้าง”
“หัวหน้าคนทรงขังมันไว้ในบาเรียแล้ว และตามที่ถูกกำชับ เราไม่ได้ตัดแขนขามัน แต่จะคอยหักกระดูกเรื่อยๆ ทุกครั้งที่สมานกลับเป็นปกติ ข้อต่อทุกชิ้นในร่างกายถูกไล่ทุบจนแหลก”
แค่ได้ฟังอีกฝ่ายรายงานด้วยเสียงสงบนิ่ง ฉันรู้สึกเย็นไปถึงสันหลัง
การเพลิดเพลินไปกับน้ำชาและของวางระหว่างฟังรายงานอันน่าขนลุก
สมแล้วที่เป็นเผ่าพันธุ์นักรบ เจ้าของประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าห้าพันปี
ขณะลูบศีรษะเจ้าบ่วงในอ้อมแขน ฉันพยายามรักษาความเยือกเย็น
“ผลการสอบปากคำล่ะ”
“ข้ากับท่านหัวหน้าคนทรงแทบไม่มีความคืบหน้า แต่ดูเหมือนมันจะยอมพูดกับเสือขาว”
“เสือขาว”
แบคโฮกุนเปิดปาก
“มีแต่เรื่องไร้สาระ ข้าจะพยายามเค้นข้อมูลให้มากกว่านี้”
…ทุกครั้งที่อ้าปากคงมีแต่คำเพ้อเจ้อสินะ
“แล้วผลการค้นหาหมีจอมว้าวุ่นล่ะ”
“ศิษย์ของเสือครามที่รออยู่บนเรือเทียนจื่อกำลังตามล่าอยู่”
“แจ้งพวกเขาว่าไม่ต้องหักโหม เสร็จงานแล้วก็กลับมาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นอาจได้กลายเป็น ‘เครื่องเซ่น’ แทนเป้าหมายที่พวกมันพลาดไป”
เครื่องเซ่น
ฉันไม่รู้ว่าเครื่องเซ่นมีไว้เพื่อใคร หรือมีความหมายอย่างไร แต่ฉันรู้ว่าใครถูกกำหนดให้เป็นเครื่องเซ่น
‘เด็กผู้หญิงห้องหนึ่งและสอง… อาจดูเหมือนการเลือกแบบสุ่ม แต่เราคิดว่ามันเจาะจงอันดาอิน’
อย่างไรก็ดี อันดาอินมีร่างกายวิเศษที่สามารถต้านทานพิษ ส่งผลให้แผนของจอมบงการพังไม่เป็นท่าในเกม
ฉันเชื่อว่ามันจะลงมือแบบเดิม จึงส่งวังจีโฮไปแก้ทาง
‘ถ้าเป็นในเกม อันดาอินจะรวมกลุ่มกับนักเรียนหญิงห้องสองด้วย จึงไม่เคยเกิดปัญหานี้’
แผนของฉันคือส่งวังจีโฮไปช่วยนักเรียนหญิงห้องสองแทนอันดาอิน
แต่วังจีโฮไปถึงช้าเนื่องจากเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซงแดซอกที่ไปถึงก่อนจึงได้รับพิษ ส่วนจอมลอกเลียนก็ดันเพ่งเล็งซาวอลเซอึมอีก
ตัวแปรที่ไม่คาดฝันทำให้แผนการคลาดเคลื่อนไปไกล
“หัวข้อถัดไป… เกี่ยวกับโชอึยชิน”
ขณะตรึกตรองอยู่คนเดียว หัวลูกศรหมุนมาทางฉันอย่างไม่คาดคิด
“ก่อนที่ข้าจะไปรวมกลุ่ม พวกเจ้าสัมผัสถึงอะไรบ้างไหม”
“ไม่ขอรับ”
“ไม่มีขอรับ”
เสือแดงกับคิมชินรกตอบพร้อมกัน
จังหวะประจวบเหมาะจนแทบจะประสานเสียง
“หมายถึงแสงนั่นใช่ไหม… มันอยู่ค่อนข้างไกล ก็เลยตรวจสอบระหว่างต่อสู้ได้ยาก แต่ข้ารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาพอสมควร”
“เข้าใจแล้ว…”
วังจีโฮคงหมายถึง ‘แสงเทพสวรรค์’
“โชอึยชินจัดการจอมลอกเลียนด้วยพลังของเสือขาว”
“ไม่ใช่ว่าท่านเสือเหลืองเป็นคนจัดการจอมลอกเลียนหรอกหรือ? แถมยังเป็นพลังเสือขาว…”
“ตอนที่ข้าไปถึง โชอึยชินทำให้จอมลอกเลียนหมดสภาพไปแล้ว”
สายตาทุกคู่เบือนมาหาฉัน ราวกับทุกคนกำลังคิดเห็นเหมือนคิมชินรก
คงเฉไฉไม่ได้แล้ว เนื่องจากวังจีโฮเล่าด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจมาก
“นายใช้พลังของเสือขาวได้… การใช้พลังของเทพนิยายเผ่าเสือนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ดูแล้วคงไม่ใช่แค่สกิล… จะต้องเป็นแสงประทานอย่างแน่นอน ปกติแล้วแสงประทานจะไม่แบ่งเกรด แต่ถ้าจะให้ฉันระบุเกรดแสงประทานของนาย… มันคงเป็น EX”
วังจีโฮยังคงพูดต่อ
“โชอึยชิน… นายมีแสงประทานที่สามารถใช้พลังของคนอื่นได้สินะ”
คงเป็นเรื่องยากที่จะหลบเลี่ยงสายตาเผ่าแท้ที่คอยจับตาดูฉันอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เปิดเรียน
“ก็ใช่”
ขณะฉันรับสารภาพ ดวงตาวังจีโฮเปล่งประกายด้วยลางไม่ดี
“ข้อเท็จจริงนี้ยังช่วยให้ข้าพบอีกหนึ่งความลับของผู้มีพระคุณ นอกจากเรื่องแสงประทาน”
นอกจากเรื่องแสงประทาน?
ก่อนที่ฉันจะได้ถาม วังจีโฮเล่าต่อ
“เมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่ข้าจะรู้จักกับยาสูบ ครั้งหนึ่งเคยได้ประจักษ์พลังของต้นตระกูลซาวอลซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีชื่อ… ในยุคของปัจฉิมราชวงศ์ โลกของเราเกือบจะแยกออกจากโลก แต่ก็มีบางครั้งที่คาบเกี่ยวกัน”
เรื่องราวก่อนที่เสือจะรู้จักยาสูบ
มีบันทึกว่ายาสูบถูกนำเข้าเกาหลีครั้งแรกในปี 1618
หากเป็นเรื่องที่เก่ากว่านั้น ก็คงเกิดในช่วงต้นของปัจฉิมราชวงศ์
“นายคงอพยพชาวเมืองอย่างปลอดภัยด้วยพลัง ‘โองการราชัน’ แบบเดียวกับที่ต้นตระกูลซาวอลมีสินะ… เงื่อนไขของการใช้พลังนั้นคือ ผู้ส่งสารจะต้อง ‘จงรักภักดี’ กับใครสักคนก่อน”
วังจีโฮรู้จักพลังของตระกูลซาวอลละเอียดขนาดนี้เชียว
“จริงอยู่ ในตระกูลซาวอลอาจมีหลายบุคคลที่ซาวอลเซอึมรู้สึกเคารพ แต่ตลอดช่วงชีวิตแสนสั้นของเขา มีแค่คนเดียวที่เด็กหนุ่มคนนั้นจะมอบความ ‘จงรักภักดี’ ให้”
“…คนเดียว?”
“ถูกต้อง ในวันที่งานประมูลมายาถูกถล่ม บุคคลดังกล่าวได้ใช้พลังที่เหมือนกับลูกหลานมังกรเพื่อช่วยซาวอลเซอึมออกมา… โชอึยชิน นายใช้พลังคนอื่นได้สินะ แถมยังทำให้ซาวอลเซอึมใช้โองการราชันได้ด้วย”
ดวงตาวังจีโฮเปล่งประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้อสรุปของฉันก็คือ…”
เดาได้ไม่ยากว่าหมอนั่นจะพูดอะไรต่อ
มือเท้าเริ่มหงิกเกร็งอย่างมิอาจหักห้าม
ฉันอยากจะเสกมังกรแดงขึ้นมาอุดปากวังจีโฮให้รู้แล้วรู้รอด
“โชอึยชิน นายคือจอมโจรผาแดงสินะ”
ไอ้เสือเวรพ่น ‘คำนั้น’ ออกมาจนได้