📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ตัวประกอบแรงค์ EX – ตอนที่ 174

บทที่ 174
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เม็งเฮียวทงออกเดินทางช้ากว่าใคร

พอวิ่งออกจากเต็นท์ เขาก็มองไม่เห็นใครแล้ว

ไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของวังจีโฮกับซงแดซอกที่ต้องมุ่งหน้าไปยังทิศเดียวกันจนถึงครึ่งทาง

แม้ระหว่างทางจะยังไม่เจอกับเอนามี และไม่ได้ยินสัญญาณเตือนภัยจากดาวเทียม แต่ประสาทสัมผัสของเม็งเฮียวทงยังคงจดจ่อ

แถบนี้ทั้งหมดล้วนอันตราย และกำลังจะเกิดการต่อสู้ในอีกไม่ช้า

‘เรายังมีอยู่ครู ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง… ทุกอย่างผ่านจะไปด้วยดี!’

ราวกับต้องมนตร์ เขาเผลอตะโกนเสียงดังใส่ห้องพักครูเมื่อวิ่งมาถึงจุดหมาย

“ครูครับ! ผมเม็งเฮียวทง! ครูฮัมกึนยองครับ! รอยแยกต่างโลกปรากฏตัวขึ้น!”

ไฟสว่างจากห้องพักครูสองห้องทันที

ครูสองคนยืนอยู่หลังประตูสองบานที่เปิดออก

คนหนึ่งคือคิมชินรก ครูประจำชั้นห้อง 1/1

อีกคนคือโนยองมี ครูประจำชั้นห้อง 1/2

ครูทั้งสองเปิดโฮโลแกรมขึ้นมาดู

หลังจากได้ฟังคำพูดเม็งเฮียวทง พวกเขาพยายามตรวจสอบข้อมูลจากดาวเทียม และตระหนักได้ทันทีว่าการสื่อสารถูกตัดขาด

“ช่วยอธิบายเรื่องราวให้ฟังหน่อย”

“คือว่า… เอ่อ… พวกเรากำลังดูหนังกันอยู่ แต่สัญญาณหายไปกลางคัน… พอลองตรวจสอบดูก็พบว่าระบบสื่อสารล่ม”

ขณะเม็งเฮียวทงอธิบายกับโนยองมีอย่างวกวน

“เฮียวทง ให้ฉันอธิบายแทนนะ”

อันดาอินที่นำกลุ่มนักเรียนหญิงของห้อง 1/1 มาถึงหน้าห้องพักครูในสภาพติดอาวุธครบ อธิบายสถานการณ์อย่างฉะฉาน

ได้ฟังคำบอกเล่าอย่างมีหลักการ ไม่เหมือนกับตนที่เล่าตะกุกตะกักจนจับประเด็นได้ยาก เม็งเฮียวทงเริ่มใจเย็นลง

‘ซงแดซอก ไอ้ลูกหมานั่นวิ่งเร็วชะมัด… อธิบายเด็กผู้หญิงเสร็จไปหนึ่งห้องในเวลาสั้นๆ แค่นี้ได้ยังไง…’

อันดาอินขมวดปมระหว่างที่เม็งเฮียวทงเอาแต่ชื่นชม

“…กลุ่มของซังฮุนไปทางเกาะกีจัง กลุ่มของซูย็อกไปทางภูเขาซังจู ได้ยินว่าทางภูเขาซังจูยังมีรอยแยกสองแห่ง พวกเรากำลังจะตามไปสมทบ”

“เข้าใจแล้ว ตอนนี้รองหัวหน้าห้อง 1/2… มุนแซรอนไม่อยู่ที่หอพักเพราะออกไปเก็บข้อมูลทำข่าว… ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ครูคงไม่อนุญาตแน่”

โนยองมีที่ได้ฟังคำอธิบายของอันดาอิน สรุปความคิดอยู่สักพักแล้วเสนอ

“ถ้าอย่างนั้น ครูจะพานักเรียนหญิงห้อง 1/2กับนักเรียนซงแดซอกตามไปสมทบที่ภูเขาซังจู… ครูคิมชินรกไปทางเกาะกีจังก่อน ส่วนนักเรียนอันดาอินพาเพื่อนไปที่ภูเขาซังจูได้เลย”

หากเคลื่อนไหวตามที่โนยองมีบอก ทางรอยแยกบนภูเขาซังจูจะมีครูประจำชั้นห้อง 1/2อย่างโนยองมี และกลุ่มของจูซูย็อกกับกลุ่มของอันดาอิน

ทางรอยแยกเกาะกีจังจะเป็นกลุ่มของครูประจำชั้นห้อง 1/1 คิมชินรก และกลุ่มนักเรียนชายของอูซังฮุน

ระหว่างที่เม็งเฮียวทงจัดระเบียบข้อมูลในหัว คิมชินรกพูดขึ้น

“ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ครูโนยองมีเสนอ… แล้วเฮียวทงล่ะ จะทำอะไรต่อ?”

คิมชินรกเจ้าของใบหน้าเจือความเศร้า ถามด้วยเสียงนุ่มนวล

“…ครูฮัมกึนยองอยู่ไหนครับ”

“…เมื่อวานครูฮัมกึนยองก็กลับมาช้านะ สงสัยออกไปลาดตระเวน”

“ถ้างั้นผมจะไปตามหาเขา!”

เม็งเฮียวทงตะโกนอย่างไม่ลังเล

แม้ครูประจำชั้นของตนจะไม่ใช่เหยื่อที่ถูกเล่นงานได้ง่ายนัก แต่การเคลื่อนไหวโดยไม่มีข้อมูลในเวลาแบบนี้นับว่าอันตรายมาก

“ครูไม่แนะนำให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียว…”

“ในตึกนี้ยังมีเพื่อนร่วมชั้นอีกสองคนครับ! ผมจะไปพร้อมกับพวกเธอ”

“ครูคะ! พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”

อันดาอินมองไปทางเหนือด้วยสายตากระวนกระวาย

ตามที่อันดาอินบอก เวลาเหลือน้อยเต็มที

คิมชินรกและโนยองมีมองหน้ากันแล้วผงกศีรษะรับ

“นักเรียนเม็งเฮียวทง เธอรู้จักนักเรียนมุนแซรอนไหม”

“…เคยถูกสัมภาษณ์อยู่ครับ”

“ถ้าเจอนักเรียนมุนแซรอน รับเธอเข้ากลุ่มด้วยนะ”

“ได้ครับ!”

ขณะขานรับแล้วเตรียมวิ่ง อันดาอินเดินเข้ามาหาเม็งเฮียวทง

“ฝากยูรีด้วยนะ”

เห็นอันดาอินพูดแบบนั้น เม็งเฮียวทงสัมผัสได้ว่า สายตาของเธอช่างละม้ายคล้ายกับจูซูย็อกที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของตน

“อา… ฝากปรามไม่ให้เจ้าซูย็อกทำเกินตัวด้วยล่ะ”

“…อื้อ!”

ขณะขานรับ ดูเหมือนใบหน้าอันดาอินในความมืดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ แต่เม็งเฮียวทงคิดว่าตนอาจตาฝาด

บทสนทนาจบลงแค่นั้น แต่ละคนแยกย้ายไปตามจุดหมายปลายทาง

เพื่อตามหาเด็กผู้หญิงที่อยู่ชั้นสามของตึก เม็งเฮียวทงวิ่งขึ้นบันไดไปทีละขั้น

‘ปกติต้องออกมาดูแล้วไม่ใช่หรือ… ถ้าข้างนอกเอะอะกันขนาดนี้น่ะ’

หากจะแบ่งเพลเยอร์ในโรงเรียนแสงเงินตามพรสวรรค์ คิมยูรีอยู่ฝั่งอัจฉริยะ

มันจึงค่อนข้างแปลกที่เธอไม่เปิดหน้าต่างออกมาดู

ด้วยความกระวนกระวาย เม็งเฮียวทงกัดกรามแน่นขณะเร่งฝีเท้าขึ้นบันได

ในที่สุดก็พบป้ายชื่อบนทางเดินที่มีเพียงไฟฉุกเฉินสว่างอยู่ บนป้ายมีชื่อเด็กผู้หญิงสองคนเขียนอยู่

เม็งเฮียวทงออกแรงเคาะประตู

ปึง! ปึง!

“นี่! ตื่น!”

ด้านในมีความเคลื่อนไหว แต่ประตูไม่เปิด

‘…ถ้าเป็นรุ่นพี่ห้องศูนย์ พวกเขาจะพังประตูก่อนแล้วค่อยอธิบายสินะ’

ขณะเม็งเฮียวทงเตรียมพังประตู หลังจากนึกถึงวีรกรรมของรุ่นพี่ห้อง 3/0 ที่เคยทำลายเวทีในกิจกรรมสันทนาการ

“เดี๋ยวก่อน!”

ไม่แน่ใจว่าพวกเธอยืนยันได้จากเสียงพูดหรือคลื่นพลังวิเศษ หญิงสาวด้านในส่งเสียงห้ามแล้วเปิดประตูออกมาเอง

‘ทั้งสองคนยังปลอดภัย!’

เม็งเฮียวทงรู้สึกโล่งใจชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ทำหน้าเครียด

เนื่องจากเหลือบไปเห็นคิมยูรีกำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียง

“ยูรีฝันไม่ค่อยดีน่ะ เธอตัวสั่นมาก จนฉันลังเลอยู่ว่าจะเรียกครูมาดูดีไหม… เอ่อ… เฮียวทง? เกิดอะไรขึ้น?”

เม็งเฮียวทงนึกถึงสาเหตุที่ตนออกจากเต็นท์ช้ากว่าใคร พลางมองไปทางคิมยูรี

ผู้มีพระคุณที่ช่วยฉุดตนออกจากนรก

รองหัวหน้าห้องจอมพิรุธ

หมอนั่นพูดจาแปลกๆ ก่อนออกจากเต็นท์

—ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคิมยูรี ฝากบอกเธอไปแบบนี้นะ

‘ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น… ทำไมหมอนั่นถึงพูดยังกับรู้ไปหมดทุกเรื่อง!’

คิมยูรีเจ้าของใบหน้าซีดเผือด เพิ่งสังเกตเห็นเม็งเฮียวทง จึงโบกมือเบาๆ ก่อนจะลุกจากขอบเตียง

“…ให้ฉันอธิบายความเป็นมาก่อน”

เม็งเฮียวทงตั้งสติแล้วเริ่มถ่ายทอดสถานการณ์ด้วยทักษะการพูดอันจำกัดจำเขี่ย

* * *

ฉันเริ่มวิ่งเต็มฝีเท้าด้วยสกิลของมินกือริน ด้านหลังมีซาวอลเซอึมบินตามมา

“ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอึยชินวิ่งเร็วขนาดนี้! ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็! ต้องอพยพชาวเมืองทันแน่…”

ซาวอลเซอึมพยายามพูดอย่างมีหวัง แต่เมื่อตระหนักถึงความยากของภารกิจ เขาปิดปากสนิทแล้วก้มหน้าลง

“ถ…ถึงจะอพยพได้ไม่หมด แต่ถ้าพวกเราคอยปกป้องเกาะเอาไว้จนกระทั่งกำลังเสริมมาถึง… การอพยพก็อาจไม่จำเป็นขนาดนั้นก็ได้ ถ้าพวกเราสำเร็จทุกคนจะปลอดภัย… ฉันพูดถูกใช่ไหม”

ซาวอลเซอึมที่คอยบินตามหลังฉัน เริ่มพูดเสียงเบาด้วยอาการห่อเหี่ยว

‘…น่าจะแถวนี้แหละ’

เมื่อฉันหยุดวิ่งโดยไม่พูดไม่จา ซาวอลเซอึมร่อนลงมายืนในระดับเดียวกัน

“อึยชิน?”

“พวกเราต้องอพยพคน โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ และชายฝั่งแมอึมรีทั้งหมด ไม่ว่ายังไงชาวบ้านก็ต้องถูกอพยพไปยังหลุมหลบภัยกลางเกาะ”

“แต่ว่า… รอยแยกเกิดขึ้นทางเหนือไม่ใช่หรือ”

“บินขึ้นแล้วมองไปทางตะวันตกเฉียงใต้สิ”

ตอนนี้พวกมันคงกำลังกระจุกตัวระหว่างเกาะจูมุนกับเกาะจังบอง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะซอกโม

เป้าหมายแรกของพวกมันคือ ‘ประภาคารเพลเยอร์’ —ที่พักอาศัยของผู้ดูแลเกาะซึ่งเป็นเพลเยอร์เพียงคนเดียว จากนั้นค่อยเริ่มกวาดล้างเขตชุมชน

“ทะเลมีรูปร่างแปลกๆ นะ… คลื่น? เรือ? …หือ”

ซาวอลเซอึมที่กำลังหรี่ตาจ้องเข้าไปในทะเล กล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“…ทั้งหมดนั่นคือเอนามี?”

เกาะแห่งนี้กำลังเผชิญหน้ากับกองทัพเอนามีฝูงใหญ่

แม้จะเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ชาวบ้านจำนวนมากตามแถบชายฝั่งจำเป็นต้องถูกอพยพ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความเป็นไปได้ว่าเอนามีที่บาดเจ็บ จะล่าถอยจากแนวหน้าเพื่อกลับไปฟื้นฟูพลังชีวิต โดยการสูบชีวิตมนุษย์จากเขตชุมชนในละแวกใกล้เคียง

“ท…ทำยังไงกันดีล่ะ… เพื่อนๆ กับครูประจำชั้นขึ้นเหนือกันไปหมดแล้วนะ!”

“ใจเย็นไว้ ถ้าสังเกตดูให้ดี พวกเอนามีจะเคลื่อนไหวบนน้ำได้ช้ามาก… มี ‘บางสิ่ง’ กำลังดึงดูดพวกมันเข้ามาหาเกาะ”

เอนามีที่ซาวอลเซอึมเห็นคือ ‘บริวารของเผ่าแท้’ ซึ่งถูกอัญเชิญมาทำภารกิจ

ไม่ได้อ่อนแอต่อน้ำเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ถึงขนาดวิ่งบนน้ำได้

“ยังมีเวลาอพยพอยู่”

“แต่แถวนั้นน่าจะมีชาวบ้านนับร้อยคนเลยนะ! พวกเราจะทำยังไงกันดี…”

“ใช้แสงประทานของนายสิ”

ซาวอลเซอึมเบิกตากว้างขณะมองฉัน

สีหน้าบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ

“แสงประทาน… ของฉัน?”

“ใช่ แสงประทานที่มีแค่นาย—ทายาทตระกูลซาวอล—เท่านั้นที่ใช้ได้”

“อึยชินรู้เรื่องนี้ได้ยังไง…”

“ส่งสารไปยังแถบตะวันตกเฉียงใต้ทั้งหมดว่า: จงมุ่งหน้าไปยังหลุมหลบภัยกลางเกาะ”

เหตุใดฉันถึงรู้ว่ามีเอนามีบุกมาจากทางตะวันตกเฉียงใต้?

เหตุฉันถึงรู้ความลับแสงประทานของซาวอลเซอึม?

เขาคงมีคำถามมากมาย แต่เด็กดีอย่างซาวอลเซอึม ย่อมให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือชีวิตคนก่อน

“…ฉันจะลองดู!”

คลื่นพลังวิเศษเริ่มแผ่ไปรอบตัวซาวอลเซอึม

พลังซึ่งอยู่ในรูปของกลุ่มแสงอันอบอุ่น ห่อหุ้มกายร่างเขาไว้ แล้วเริ่มเคลื่อนไหวตามเจตจำนงที่ต้องการเรียกใช้แสงประทาน

แต่แสงประทานของซาวอลเซอึมกลับไม่ทำงาน

เนื่องจากเขาไม่ได้บรรลุ ‘เงื่อนไขเฉพาะ’ ที่จำเป็นสำหรับการกระตุ้นแสงประทาน

“ขอโทษ… ดูเหมือนจะไม่ได้… ฉันขอลองใหม่นะ!”

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…

ความพยายามทั้งหมดล้วนสูญเปล่า

ซาวอลเซอึมกล่าวคำขอโทษซ้ำๆ ด้วยน้ำตานองหน้า

‘คิดไว้แล้วว่าอาจเป็นแบบนี้… ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด…’

ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าแน่วแน่ ฉันเตรียมกล่าวบางสิ่ง

* * *

คิมชินรกวิ่งไปพร้อมกับกลุ่มของอันดาอินจนถึงกลางทาง และแยกออกมาคนเดียวเพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะกีจัง

เขาประหลาดใจกับความไม่ปกติของสถานการณ์ แต่มิได้วิตกกังวล

บนเกาะแห่งนี้มีทั้งเสือเหลือง—ผู้นำเผ่าเสือ และฮัมกึนยอง สุดยอดครูที่แข็งแกร่งทัดเทียมนักรบเผ่าแท้ระดับกลางโนเวลกูดอทคoม

‘อาจมีคนได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่คงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงแน่’

ความคิดแบบนี้คือรากเหง้าของความฉิบหายหรือเปล่านะ

ก่อนจะถึงจุดหมาย ใครบางคนโผล่มาขวางทางคิมชินรก

…ซ่อนตัวมิดชิดอะไรขนาดนี้

ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสถึงตัวตนอีกฝ่ายหรือความมุ่งร้ายไม่ได้เลย

ความรู้สึกอันไม่พึงประสงค์ ผสมผสานเข้ากับความอับอายของการตกเป็นเหยื่อ

คิมชินรกเคยลิ้มรสความรู้สึกนี้หลายครั้งตลอดช่วงชีวิตอันยาวนาน

“ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องถูกฆ่า แต่เครื่องเซ่นต้องไว้ชีวิตแล้วลากตัวไป… ข้ามักคิดถึงก้าวถัดไปอยู่เสมอ ทุกสิ่งถูกเตรียมการมาอย่างรัดกุม แล้วมันไปพลาดที่ตรงไหนกันนะ… เหตุใดเด็กๆ ของโรงเรียนแสงเงินถึงเคลื่อนไหวกันมากมายเช่นนี้? โลกช่างเต็มไปด้วยเรื่องพิศวง… แต่เอาเถอะ ในที่สุดเจ้าก็อยู่ตามลำพัง”

แม้คิมชินรกในปัจจุบันจะได้รับโทสะเทพสวรรค์จน ‘ศักดิ์’ ลดลง แต่เขาก็ยังเป็นบุตรที่เกิดจาก ‘เทพนิยายเผ่าเสือ’ กับยอดนักรบอัจฉริยะแห่งเผ่าหมี

สองตัวตนที่สามารถย่ำยีอัจฉริยะอย่างเขาได้ง่ายดาย มีเพียงเผ่าเสือและเผ่าหมีเท่านั้น

และจากสองฝ่ายที่ว่ามา ตอบได้ไม่ยากเลยว่าใครคอยมุ่งร้ายกับเขา

‘…เผ่าหมี… พวกมันอยู่เบื้องหลังสินะ!’

เขานึกถึงช่วงเวลาที่เคยเผชิญหน้ากับผู้ฝึกสัตว์เผ่าหมี

ตอนนั้นก็เช่นกัน การสื่อสารถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์

‘แย่ละสิ’

เหตุร้ายในตอนนั้นเกิดขึ้นที่โรงเรียนแสงเงิน

ต่างจากโรงเรียนแสงเงินที่เต็มไปด้วยบาเรียและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทนทาน เกาะแห่งนี้มีระดับความปลอดภัยต่ำมากจนไม่มีทางรับมือการบุกรุกของเผ่าแท้

ยังไม่แน่ชัดว่าการสื่อสารจะกลับมาตอนไหน

‘คงยากที่ท่านเสือเหลืองจะมาช่วยทันเวลา’

หากเสือเหลืองรู้เรื่องเผ่าหมีมาก่อน ป่านนี้พวกมันคงถูกกวาดล้างจนสิ้นซากไปแล้ว

เห็นได้ชัดว่าวังจีโฮอยู่ไกลจากตรงนี้มาก

นอกจากนั้น ตามคำอธิบายของอันดาอิน เสือเหลืองมุ่งหน้าไปยังที่พักของหัวหน้าครูฝึก ซึ่งตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของเกาะ

“เจ้าเป็นใคร? เผยตัวออกมาซะ”

เขาพูดพลางเสกการ์ดอาวุธให้กลายเป็นของจริง แต่กลับทำไม่สำเร็จ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเผ่าหมี ดูเหมือนลูกหลานอย่างคิมชินรกไม่มีสิทธิ์กระทั่งจะจับอาวุธ

แม้คิมชินรกจะรู้เรื่องนี้อยู่เต็มอก แต่ยิ่งเห็นการ์ดไม่ยอมแปรสภาพ ในใจก็ยิ่งทวีความสิ้นหวัง

“เอายังไงดีนะ… บอกหรือไม่บอกดีล่ะ”

“สุดแล้วแต่ท่าน”

“อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดกับมันเลย”

ด้านข้างเผ่าหมีที่กำลังครุ่นคิด ชายหญิงคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแสดงความเห็นในท่าก้มหน้าอย่างนอบน้อม

คิมชินรกพยายามซัดหมุดเหล็กที่ซ่อนอยู่ระหว่างซอกนิ้วใส่จุดตายอีกฝ่าย แต่กลับขยับมือไม่ได้

…เผ่าหมีสามคน

ชายหญิงที่เพิ่งโผล่มา ดูแล้วคงมี ‘ศักดิ์’ ต่ำกว่าคิมชินรก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิอาจฝ่าฝืนกฎของสวรรค์

“จะเอาชีวิตลูกชายของอุงเนียทั้งที… ให้เกียรติสักหน่อยดีไหม? ไม่เอาดีกว่า เผ่าหมีทำพลาดมาหลายหนแล้ว… นับตั้งแต่เจ้าหมีจอมชิงชังที่เป็นอดีตผู้นำเกิดเสียสติ เผ่าหมีก็เกือบล่มสลาย โชคดีแค่ไหนที่ยังรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนอยู่ได้”

เผ่าหมีเจ้าของดวงตาพร่ามัวยังคงเอาแต่พล่าม

อุงเนีย และหมีจอมชิงชังที่เคยเป็นผู้นำเผ่า

สองคนนี้มีจุดร่วมเพียงเรื่องเดียว

‘แปดเซียนแห่งหมีแท้…!’

หลังจากความลังเลสั้นๆ จบลง มันเริ่มแนะนำตัว

“ก็ได้… ในเมื่อเจ้าต้องตายอยู่แล้ว ถึงพูดไปก็คงไม่มีปัญหา… ข้าคือหมีจอมว้าวุ่น หนึ่งในสามแปดเซียนแห่งหมีแท้ที่ยังไม่เสียสติ”

เมื่อหมีแห่งความว้าวุ่นเปิดเผยตัวตน สมองคิมชินรกประมวลผลอย่างหนัก

ผนวกกับข้อมูลที่รีดได้จากการทรมานเผ่าหมี เขาตกผลึกข้อสรุปให้ตัวเอง

‘เราหนีได้… หากละทิ้งความตั้งใจที่จะต่อต้านหรือโจมตี แล้วจดจ่ออยู่กับการหนีเพียงอย่างเดียว เราจะยังใช้สกิลกับแสงประทานได้’

หากกระเสือกกระสนพาตัวเองไปหาเสือเหลืองสำเร็จ โอกาสชนะก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า

คิมชินรกปักหมุดความหวังอย่างแน่วแน่

เขารวบรวมพลังไว้ที่ขา พลางเพิ่งสมาธิมองหาช่องว่าง

อย่างไรก็ดี ราวกับอ่านความคิดคิมชินรกออก ชายหญิงสองคนพูดขึ้น

“ถ้าเจ้าหนี พวกนักเรียนจะตายกันหมดนะ”

“จะให้ดูตัวประกันก็แล้วกัน”

สองคนสนิทของหมีจอมว้าวุ่นฉายโฮโลแกรม

บนหน้าจอเป็นภาพของนักเรียนชายห้องศูนย์ กำลังนอนหมดแรงท่ามกลางกลุ่มนักเรียนหญิง

“พวกเราสั่งให้บริวารคอยเฝ้าอยู่แถวนั้น ต่อให้เด็กผู้ชายยังขยับตัวได้ แต่พวกเด็กผู้หญิงที่กำลังนอนทุกข์ทรมานคงไม่รอดแน่”

หากจัดการกับเผ่าหมีทั้งสามได้เร็ว ก็ยังพอมีโอกาสย้อนไปจัดการกับบริวารของเผ่าหมี

แค่คิมชินรกไม่มีอำนาจที่จะเอาชนะเผ่าหมี

เขาถามอย่างเยือกเย็นแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบเต็มประตู

“ถ้ายอมให้ฆ่าแล้วจะไว้ชีวิตนักเรียน? จะให้ข้าเชื่อคำพูดนั่นได้ยังไง”

“จะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของเจ้า”

“ลองชั่งน้ำหนักคุณค่าของชีวิตเจ้า กับชีวิตของนักเรียนดู”

ชายหญิงซัดคลื่นพลังวิเศษไปในอากาศ

ทันใดนั้น มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากโฮโลแกรม

เพล้ง! เพล้ง!

บนหน้าจอ หน้าต่างทุกบานในหอพักแตกกระจายเข้าไปในห้อง

เด็กผู้ชายคนหนึ่งใช้ร่างกายเป็นโล่รับเศษกระจกแทนนักเรียนหญิง

นอกหน้าต่างมีเอนามีตัวหนึ่ง ร่างกายหุ้มด้วยแสงที่เป็นลางร้าย

คิมชินรกจำใจต้องเชื่อว่า อีกฝ่ายสามารถทำร้ายนักเรียนได้ดั่งใจ

‘…เด็กผู้ชายคนนั้นคือซงแดซอก เพื่อนของท่านเสือเหลือง และครูที่เย็นชาอย่างโนยองมี มักจะเอ่ยปากชมนักเรียนหญิงห้อง 1/2ว่ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม’

ผลของการชั่งน้ำหนักคุณค่าชีวิต

คิมชินรกยอมแพ้การหลบหนี ร่างกายผ่อนคลายในสภาพยอมจำนน

นับตั้งแต่รู้ตัวว่าตนคือลูกหลานที่ไม่มีฝ่ายใดต้อนรับ เขาคิดอยู่เสมอว่าสักวันอาจต้องตายด้วยเงื้อมมือของเผ่าหมีหรือไม่ก็เผ่าเสือ

อันที่จริง ช่วงปลายปีที่แล้วก็เคยเกือบจบชีวิตด้วยฝีมือเผ่าหมี

จึงทำใจยอมรับสภาพปัจจุบันอย่างง่ายดาย

‘…ถ้าเลือกได้ก็อยากตายด้วยมือเผ่าเสือมากกว่า’

เมื่อเห็นคิมชินรกละทิ้งความคิดที่จะหลบหนี หมีจอมว้าวุ่นยกมือขึ้น

ขณะคลื่นพลังวิเศษซึ่งมีสีคล้ายสนิม กำลังพุ่งใส่เขา

‘นี่มัน…!’

คิมชินรกไม่อยากเชื่อสายตา

กึ่งกลางระหว่างคลื่นพลังวิเศษที่พุ่งเข้ามา กับร่างคิมชินรก

หมอกสีแดงและแสงสีหยก โผล่มาขวางไว้ได้ทันเวลา

* * *

แสงประทานของซาวอลเซอึมนั้นมีเงื่อนไขพิเศษ

ซาวอลเซอึมจะต้องอยู่กับบุคคลที่ตนเทิดทูน และเขาต้อง ‘อยาก’ ถ่ายทอดสารนั้นจากก้นบึ้งหัวใจ

เป็นแสงประทานที่เหมาะกับทายาทผู้ส่งสารแห่งปัจฉิมราชวงศ์

มีเพียงคนเดียวในเกมที่เติมเต็มเงื่อนไขนั้นได้

จูซูย็อก

“ขอโทษ… เดี๋ยวฉันจะลองอีกครั้ง!”

“เพื่อนร่วมชั้นคงกระตุ้นแสงประทานไม่ได้สินะ”

“อึยชินเป็นเพื่อนที่มีค่าของฉัน แต่ว่า…”

เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะรักษาสกิลบินเอาไว้

ซาวอลเซอึมร่อนลงพื้นแล้วร้องไห้ในท่าคุกเข่า

เด็กหนุ่มล้มเหลวซ้ำซาก หลังจากทุ่มเทเรี่ยวแรงทั้งหมดไปกับการลองใช้แสงประทาน

‘…ไม่มีทางอื่นแล้วสินะ’

ซาวอลเซอึมสืบทอดสายเลือดมาจากตระกูลผู้รับใช้กษัตริย์

แค่เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ใกล้ชิดและสนิทสนม ‘โชอึยชิน’ ยังไม่บรรลุเงื่อนไขของแสงประทาน

หลังจากตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ ฉันหยุดซาวอลเซอึมที่ฝืนเรียกใช้แสงประทาน

จากนั้นก็กล่าว

“…ชีวิตในโรงเรียนสนุกไหม”

“หือ? ก…ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว…”

“โล่งอกไปที”

“นายถามทำไม…”

“ยังจำได้ไหม ตอนที่ฉันเคยพูดว่า… ‘เจอกันที่โรงเรียน’ …”

ซาวอลเซอึมชะงักทันที

ด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาเงยหน้าจ้องฉันที่กำลังยืนหันหลังให้พระจันทร์

ซาวอลเซอึมกะพริบตาอย่างเชื่องช้า

ท่าทีราวกับว่า คำพูดเมื่อครู่ของฉันเป็นเพียงภาพหลอน

‘แสดงให้ดูคงเร็วกว่าสินะ’

〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉

ปกติแล้วฉันจะรักษารูปลักษณ์ของโชอึยชินไว้

แต่คราวนี้ตัดสินใจแปลงร่างเป็นตัวละครที่เคยยืมใบหน้าเมื่อนานมาแล้ว

เมื่อเห็นฉันค่อยๆ แปรเปลี่ยน ดวงตาของซาวอลเซอึมทวีความลุกวาว

〈ท่านใช้แสงประทานของเป้าหมาย ‘อัญเชิญมังกรแดง’ 〉

ซู่ว—!

มังกรไฟขนาดมหึมาผงาดขึ้นจากรอยแยกมิติ แล้วโอบกอดฉันกับซาวอลเซอึมเอาไว้

ด้วยใบหน้าของย็อมจุนยอลร่างสมบูรณ์

“ฉันคือ… จอมโจรผาแดง”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ตัวประกอบแรงค์ EX

ตัวประกอบแรงค์ EX

EX Rank, Ex Rank Supporting Role’s Replay in a Prestigious School, EX Rank Side Character's School Replay, 명급리, 명문고 EX급 조연의 리플레이
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
หลังจากเคลียร์บทสุดท้ายของเกมกากแห่งชาติสำเร็จ เขากลายเป็นตัวประกอบไร้นามในเกมที่ตัวเองเคยเล่น ตัวประกอบแรงค์ EX ที่เหนือธรรมดาและยากจะหยั่งถึง ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset