ดวงตาอ๊กโทยอนส่องแสงสีแดงขณะสำรวจโดซีฮูหัวจรดเท้า
จากนั้นก็เปิดปากถาม
“คราวก่อนนายก็อยู่ที่สนามด้วยกันใช่ไหม… ข้าจำได้ว่ามีนักเรียนม.ปลายใส่หมวก TC ไนท์แบบเดียวกันอยู่… หรือว่าจำผิด?”
หลักในการจดจำผู้คนของอ๊กโทยอน คือการใส่กับไม่ใส่หมวกของทีมเบสบอลกากๆ?
โดซีฮูถอดหมวกเบสบอลที่จางนัมอุกบังคับให้ใส่แล้วกล่าวทักทาย
“สวัสดีครับท่าน CEO อ๊กโทยอน จำไม่ผิดหรอก วันนั้นผมก็อยู่ที่สนามด้วย”
สีหน้าอ๊กโทยอนพลันดำมืดเมื่อได้ยินคำตอบ
“หลังจากนั้นมีคนรอบตัวเจ้าได้รับบาดเจ็บหรือเคราะห์ร้ายบ้างไหม? หรือว่าเพิ่งไปเมรุเผาศพมา? หรือว่ามีคนสนิทเสียชีวิต?”
“ครับ? ไม่มีนะ… เท่าที่จำได้”
หากนักเรียนหรือครูของโรงเรียนเตรียมทหารบาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิต ข่าวต้องเขียนถึงบ้างแล้ว เช่นเดียวกันกับคนของ TC กรุป
ทั้งจางนัมอุกและโดซีฮูทำหน้ามึนงง เป็นการยืนยันว่าไม่มีสิ่งใดใกล้เคียง
“งั้นหรือ… แล้วทำไมข้าถึงเห็น ‘ลางมรณะ’ ล่ะ”
“ลางมรณะ…? ลางที่บ่งบอกความตาย?!”
จางนัมอุกตกตะลึงกับคำพูดอ๊กโทยอน
ตรงกันข้าม โดซีฮูยังคงมีสีหน้าเฉยเมย
…ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนใจเย็นหรือเพี้ยนกันแน่
“ข้าคือกระต่ายหยกแห่งวังจันทราผู้ได้รับพรคุ้มครองจากท้าวสักกะ เคยประจักษ์และสัมผัสความตายมานับไม่ถ้วน จึงมีอำนาจมองเห็นลางมรณะ”
ท้าวสักกะ, กระต่ายหยก, ลางมรณะ
ตำนานกระต่ายหยก (กระต่ายจันทร์) กับท้าวสักกะ (พระอินทร์) ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานอันโด่งดัง
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ลิง จิ้งจอก และกระต่าย ได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยชีวิตชายชราผู้หิวโหย
ลิงกับจิ้งจอกขวนขวายหาอาหารมาให้ชายชรา แต่กระต่ายหาอาหารไม่ได้ จึงกระโดดเข้ากองไฟเพื่อเสียสละตัวเองเป็นอาหาร
นั่นทำให้ชายชราประทับใจในตัวกระต่ายมาก
ชายชราที่ว่าคือท้าวสักกะ
ท้าวสักกะได้คืนชีพให้กระต่ายผู้ไหม้เกรียม
กระต่ายตัวนั้นเกิดใหม่ในฐานะกระต่ายหยก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความ ‘อมตะ’
“แตกต่างจากเผ่าแท้คนอื่น ข้าไม่มีวันวิญญาณหลุดออกจากร่างหรือกลายเป็นนิทรา… หรือต่อให้สูญเสียร่างเนื้อก็จะกลับมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องผ่านบ่วงแห่งสังสารวัฏ แต่อาจต้องใช้เวลานานหน่อย”
อ๊กโทยอนพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ราวกับเด็กๆ กำลังติดหนี้บุญคุณเธอ
“ปกติข้าจะไม่บอกใครหรอกนะ… แต่เจ้าคือสหายของผู้มีพระ… เอ่อ… อย่างน้อยเราก็เคยเจอกันมาก่อน และในเมื่อเจ้ายังเด็ก ให้ถือเสียว่านี่เป็นคำแนะนำในการใช้ชีวิต… ถ้าไม่อยากตายเร็ว อย่าเข้าใกล้เตาเผาศพ อยู่ให้ห่างจากวัตถุต้องสาป หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยู่ห่างๆ ผู้มีพระ… แอ่ก!”
ป้าบ!
คำพูดของอ๊กโทยอนชะงักกลางคันพร้อมกับเสียงฝ่ามือกระทบหลัง
แม้จะสวมชุดกีฬาทับเสื้อยืด แต่เสียบ ‘ป้าบ!’ กลับดังสนั่นเข้าข้อมาก
ผู้ลงมือต้องบุคคลเป็นระดับปรมาจารย์
อ๊กโทยุนที่อยู่ดีๆ ก็ได้เป็นปรมาจารย์ กำลังบีบไหล่อ๊กโทยอนที่พยายามดิ้นให้หลุด
“โทยอน เจอตัวแล้ว”
“ท่านพี่! พี่โทยุน? ไหล่ข้าจะหลุดแล้ว! อ๊า! ข้ากำลังจะตาย! ช่วยกระต่ายหยกผู้นี้ด้วย!”
อ๊กโทยอนที่เพิ่งโอ้อวดสรรพคุณความเป็นอมตะของกระต่ายหยก ไม่กี่วินาทีถัดมาเริ่มแหกปากร้องขอชีวิตเหมือนคนใกล้ตาย
อ๊กโทยุนเพิ่มแรงบีบที่มือ
“โทยอนไม่ตายหรอกน่า ตราบใดที่ยังมีพรคุ้มครองอยู่”
“แต่มันเจ็บนะ! ถึงจะคืนชีพได้ แต่ข้าก็ต้องลิ้มรสความตายอยู่ดี!”
“มีงานค้างอยู่เพียบเลยล่ะ ไปกันได้แล้ว”
“ตกลง! ข้าจะไป! แต่ช่วยปล่อยมือจากไหล่ก่อนได้ไหม… จริงสิ แวะไปคาเฟ่ขนมต็อกใกล้ๆ กันเถอะ! ข้าอยากกินเซตขนมต็อกเย็นกับท่านพี่… อุ๊ฟ! อู๊อี้!”
หลังจากปิดปากอ๊กโทยอน อ๊กโทยุนหันมาคำนับพวกเราเล็กน้อยก่อนจะพาตัวน้องสาวกลับไป
ไม่อยากเชื่อว่าหายไปจากสนามกีฬาที่มีผู้คนเนืองแน่นได้เร็วขนาดนี้
เคยได้ยินวังจีโฮเรียกอ๊กโทยุนว่า ‘นักรบแห่งกระต่าย’ อยู่หลายหน ดูเหมือนจะมีฝีมือสมคำร่ำลือ
ขณะเดียวกัน โดซีฮูที่ถูกทักว่ามีลางมรณะ กล่าวอย่างสุขุม
“แค่ระวังตัวให้ดีก็พอสินะ… พักนี้คงไปร่วมงานศพไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครใกล้ตายสักหน่อย… แล้วต้องใช้ข้ออ้างบ่ายเบี่ยงแบบไหน? จริงสิ… ถ้าเราก่อเรื่องอะไรสักอย่างขึ้น ไม่นานก็จะถูกลากตัวไปขังในห้องสำนึกผิด แค่นี้ก็ไม่ต้องไปเคารพศพแล้ว”
“ซีฮู…”
ถ้าหมอนี่เลือกสอบเข้าโรงเรียนแสงเงิน รับประกันได้เลยว่าต้องอยู่ห้องศูนย์
จางนัมอุกเผยสีหน้ากังวล
ครึ่งหนึ่งเป็นห่วงโดซีฮู ส่วนอีกหนึ่งเป็นห่วงอุบัติเหตุที่จะเกิดเพราะโดซีฮู
แม้หนึ่งในผองเพื่อนจะถูกอ๊กโทยอนทัก แต่พวกเรายังคงทำตามกำหนดการเดิม
หลังจากอิ่มเอมกับเกมเบสบอลและอาหาร เราสี่คนเช่าสนามบาสในร่มเพื่อเล่นเรียกเหงื่อ
ฉันกับอูซังฮุน และจางนัมอุกกับโดซีฮู แบ่งทีมเล่น 2v2 กัน แต่ดูเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ อูซังฮุนกับโดซีฮูดวล 1v1 กันต่อ
ระหว่างที่สองคนบนสนามกำลังเพ่งสมาธิกับการดวล ฉันกล่าวกับจางนัมอุกบนม้านั่ง
“ฉันมีคำถามเกี่ยวกับกฎของโรงเรียนเตรียมทหาร”
กฎเกี่ยวกับการพกพาสัมภาระ
โดยไม่ลังเล จางนัมอุกเริ่มสาธยายละเอียดยิบ ราวกับจดจำกฎของโรงเรียนได้ทุกข้อ
ตรงตามที่บุคคลภายนอกทราบ ข้าวของเครื่องใช้ของนักเรียนนายร้อยส่วนใหญ่ทางโรงเรียนจัดหามาให้
“…ที่ว่ามาคือรายการวัตถุต้องห้าม และตามกฎของโรงเรียน ถึงจะเป็นวัตถุที่ได้รับอนุญาตก็ต้องลงบันทึกไว้ทั้งหมด”
หลังจากฟังคำอธิบาย ฉันเงียบไปสักพักก่อนจะกระซิบข้อเสนอ
“แอบเปลี่ยนของใช้ทั้งหมดที่โดซีฮูซื้อหลังเดือนพฤษภาคมให้หน่อย… ซื้อของที่คล้ายกันมาสับเปลี่ยน แล้วนำของเดิมมาให้ฉันโดยไม่ให้เขารู้”
“ก็ทำได้อยู่หรอก แต่ถ้าแอบทำมันต้องใช้เวลานานมาก… เราขอความร่วมมือจากเขาไม่ดีกว่าหรือ…”
“ไม่ได้”
ภายในเกม โดซีฮูเคลื่อนไหวอย่างรอบคอบและรัดกุมมาก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกลอบสังหารในโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งถูกยกย่องว่ามีระดับความปลอดภัยสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเกาหลี
ผู้ลงมือจะต้องเป็นญาติที่เข้าออกโรงเรียนได้ตามใจชอบ หรือไม่ก็คนในโรงเรียน
…แถมยังน่าจะเป็นคนที่โดซีฮูเชื่อใจด้วย
‘ถึงโดซีฮูจะสนิทกับจางนัมอุก แต่ถ้าเขาเชื่อใจคนร้ายมากกว่า ทุกอย่างก็เป็นอันจบเห่ และจางนัมอุกก็จะเป็นอันตราย’
นึกทบทวนวีรกรรมเมื่อครั้งโดซีฮูผิดหวังในตัวจางนัมอุก จนหนีออกจากโรงเรียนเพื่อไปกระโดดทะเลตะวันออก
แม้ฉันจะเชื่อใจมนุษย์ที่ชื่อโดซีฮู แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงกับความคิดของเขา
‘ตอนนี้เรายังขาดข้อมูล ต่อให้ยืมอำนาจของเผ่าเสือ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะสืบข่าวภายในโรงเรียนเตรียมทหาร และสืบหาความขัดแย้งภายใน TC กรุป… ทำไมสิ่งที่ต้องทำมันถึงได้เยอะขนาดนี้’
เมื่อข้อมูลจำกัด วิธีการก็ถูกจำกัดตาม
ในบรรดาภูมิหลังอันซับซ้อนรอบตัวโดซีฮู สองคนที่เชื่อได้ว่าไม่ใช่คนร้ายแน่นอน มีเพียงจางนัมอุกกับโดวอนอูเท่านั้น
‘ที่จริงก็นับรวมฝั่งครอบครัวของผู้นำ TC รุ่นถัดไปเข้าไปด้วยได้ แต่ก็ยังยากที่จะด่วนสรุป เพราะเราไม่มีจุดเชื่อมโยงกับพวกเขา และไม่มีอำนาจในโรงเรียนเตรียมทหารเลย’
ฉันกล่าวเสียงหนักแน่น
“นายต้องทำคนเดียว ห้ามถูกนักเรียนคนอื่นหรือครูฝึกจับได้เด็ดขาด”
นึกทบทวนคำพูดของอ๊กโทยอน จางนัมอุกผงกศีรษะรับอย่างเคร่งขรึม
อูซังฮุนกับโดซีฮูที่ไม่ได้ยินบทสนทนาของเรา ยังคงยิ้มร่าเริงขณะไล่ตามลูกบาส
* * *
เมื่อเสร็จสิ้นการประกาศคะแนนสอบสุดท้าย อีกไม่กี่วันก็จะย่างเข้าสู่วันหยุดฤดูร้อน
สภานักเรียนลงประกาศเกี่ยวกับอีเวนต์ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนพร้อมกับขอร้องอ้อมๆ ไปยังห้องศูนย์ว่า ‘ได้โปรดก่อเรื่องแต่พอดี’
อีเวนต์แรกของชั้นปีหนึ่งในช่วงวันหยุดคือค่ายยุวชน
กำหนดการเข้าค่ายคือสัปดาห์แรกหลังจากเริ่มปิดภาคเรียน
‘เตรียมการเบื้องต้นเสร็จแล้ว’
คำนวณจากข้อมูลที่ฉันรู้ ผนวกกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของโลกใบนี้ แผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม
นอกจากนั้นยังเตรียมตัวเพื่อรับมือกับตัวแปรไม่คาดฝัน
‘ถึงจะไม่รู้ว่าตัวแปรกว้างแค่ไหนก็เถอะ…’
ถึงเวลาที่ต้องเชื่อใจตัวละครของฉัน, NPC และเผ่าเสือ
“ท่านอาจารย์!”
วันนี้ฉันนัดเจอกับย็อมจุนยอลก่อนจะปิดภาคเรียน
หอพักยังให้เปิดให้บริการตามปกติในช่วงปิดเทอม เพื่อรองรับนักเรียนที่ต้องการติวเพิ่ม เรียนซ่อม หรือเด็กต่างจังหวัดที่ยังอยากอยู่ในกรุงโซลต่อ เนื่องจากรอทำกิจกรรมภายนอกโรงเรียน
และสำหรับฉัน แน่นอนว่าไม่มีที่ไปอื่นนอกจากหอพัก
การนัดพบที่โรงเรียนในช่วงปิดเทอมจึงไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาอยู่ที่ฝั่งย็อมจุนยอล
“โชคดีที่อาจารย์นัดก่อนปิดเทอม… ถ้าเข้าวันหยุดเมื่อไรผมคงมาได้ยากแล้ว”
ในฐานะสตาร์เพลเยอร์ ย็อมจุนยอลต้องแบ่งเวลาชีวิตให้กับการถ่ายรายการทีวี รวมถึงการตระเวนเที่ยวเพื่อแวะเวียนไปหาแฟนคลับ
“แม้จะน่าเสียดายที่สอบได้อันดับสองและพ่ายแพ้ในการแข่งหมากรุก แต่ผมจะทำงานให้หนักขึ้นในช่วงปิดเทอม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีในภาคเรียนถัดไป! นอกจากนั้นยังจะพัฒนาตัวเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ท่านอาจารย์ตั้งไว้ครับ!”
เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นลูกศิษย์ผู้มีตารางชีวิตเบียดเสียด ประกาศความมุ่งมั่นด้วยรอยยิ้มแจ่มใสโนเวลกูดอทคoม
ฉันเคยเป็นกังวลในตอนที่เขากล่าวคำขอโทษอย่างห่อเหี่ยว
โล่งอกไปที
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันจะมอบการบ้านให้ทำช่วงปิดเทอม… พยายามเข้าล่ะ”
“ถ้าไม่เข้าใจการบ้าน ผมทักมาถามได้ไหมครับ”
“แน่นอน”
“…ขอบคุณครับ!”
ได้รับการบ้านช่วงปิดเทอมต้องดีใจขนาดนี้เลยหรือ
หลังจากจบคาบสอนกับย็อมจุนยอลผู้กระตือรือร้น
“วันนี้ฉันจะรอส่งนาย กลับไปก่อนได้เลย”
ปกติฉันจะใช้แสงประทาน ‘ห้วงเวลาไร้เงา’ เพื่อชิงกลับไปก่อน แต่วันนี้ฉันตัดสินใจกลับทีหลัง
ย็อมจุนยอลแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็มีความสุข
“ท่านอาจารย์จะรอส่งผมกลับ? ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ…!”
ย็อมจุนยอลคอยมองกลับมาพร้อมกับโบกมือลาเป็นระยะ
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับจริงๆ แล้วนะครับ!”
หลังจากย็อมจุนยอลกลับไปสักพัก
ฉันเรียกชื่อของบุคคลที่น่าจะซ่อนตัวอยู่ในมิติ
“ครูยงเจกอนอยู่ไหมครับ”
สิ้นคำดังกล่าว มุมห้องเรียนฝุ่นเขรอะบิดเบี้ยวเล็กน้อยจนกระทั่งยงเจกอนโผล่ร่างออกมา
หลังจากเห็นย็อมจุนยอลดูห่อเหี่ยวหลังจากสอบปลายภาคเสร็จ เดาได้ไม่ยากว่าย็อมบังยอลหรือมังกรคราม คงฝากฝังให้ยงเจกอนช่วยจับตาดู
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“สัมผัสถึงข้าได้ด้วย? น่าทึ่งจริงๆ”
ในความเป็นจริง ระหว่างกำลังใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ ในร่างย็อมจุนยอล คงยากที่ฉันจะสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของยงเจกอน
“ดูยังไงก็เหมือนจุนยอลมาก… ลองถอดหน้ากากได้ไหม”
ไม่มีปัญหา
ขณะกำลังถอดหน้ากากอีกา ฉันยกเลิกแสงประทานแล้วกลับไปเป็นโชอึยชินคนเดิม
เมื่อเห็นร่างกายฉันเปลี่ยนไประหว่างทาง ยงเจกอนทำหน้าผิดหวัง
“สงสัยคราวหน้าต้องเล่นทีเผลอ”
…หลังจากนี้คงต้องระวังตัวสินะ
“แล้วเรียกหาข้าทำไมหรือ”
“ครูยงเจกอนเคยพูดไว้ไม่ใช่หรือ… ‘ครั้งหน้าเรียกข้าด้วยนะ’”
ดวงตายงเจกอนเป็นประกายทันที
“เล่าสิ”
“ค่ายยุวชนน่ะ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ตอนนี้ข้าเป็นผู้ช่วยครูประจำชั้นแล้ว ครูผู้ช่วยสามารถไปร่วมค่ายได้ และข้าก็เก็บกระเป๋าเสร็จแล้ว… ได้ยินว่าห้องศูนย์ หนึ่ง และสองเข้าค่ายร่วมกันสินะ ข้าก็คงติดเรือไปด้วย…”
“ครูไม่ต้องขึ้นเรือ”
ได้ยินคำพูดขึงขังของฉัน ยงเจกอนปิดปากสนิทด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เห็นเขาเป็นฝ่ายตกใจบ้าง ฉันที่มักถูกอ่านใจอยู่ข้างเดียวรู้สึกมีความสุขเล็กๆ
“กลับกัน ผมมีเรื่องจะขอร้อง”
* * *
ชื่อปัจจุบันคือคิมชินรก—ลูกหลานเผ่าเสือและเผ่าหมี
ต้องรอจนกระทั่งโต กว่าจะได้รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร
แม้บิดาของเขาจะถูกลบชื่อออกจากเทพนิยายสร้างชาติ แต่วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ก็ยังถูกบันทึกไว้ในเผ่าเสือ
ตำนานวีรกรรมของเสือแดง ผู้เป็นหัวหอกในการขับไล่ศัตรูร่วมกับเสือขาว เสือเหลือง และเสือคราม ทำเอาหัวใจคิมชินรกเต้นระรัว
จากบรรดาสี่นักรบ มีเพียงเสือแดงที่สามารถให้กำเนิดลูกหลาน
เขารู้สึกซาบซ่านทุกครั้งที่ตระหนักว่า ตนคือร่องรอยเดียวที่ยังหลงเหลือจากเทพนิยายอันยิ่งใหญ่
‘…แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่เราอีกแล้ว’
ถึงจะไม่ใช่นักรบหาญกล้า แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งครอบครัวจากเผ่าเสือ
เสือเงิน
อดีตผู้นำเผ่าเสือ ซึ่งร่วมมือกับเสือแดงเพื่ออ้อนวอนขออภัยโทษให้เผ่าหมี
แต่หลังจากเกิดเรื่องกับเสือแดง เสือเงินต้องรับผิดชอบร่วมกันในฐานะหัวหน้า ส่งผลให้ถูกลบชื่อออกจากเทพนิยาย
เมื่อลูกหลานเสือเงินปรากฏตัว คิมชินรกจึงมิใช่ร่องรอยเพียงหนึ่งเดียวของเทพนิยายอีกต่อไป
‘เลือดผสมอย่างเราไม่มีทางถูกยอมรับในระดับเดียวกับลูกหลานเสือเงินอยู่แล้ว… เราคือมลทินของเทพนิยาย’
คิมชินรกผู้ตำหนิตัวเองด้วยสีหน้าขื่นขม เดินไปตามสวนวงกตหน้าประตูคฤหาสน์ผู้นำเผ่าเสือ
ในอ้อมแขนของเขาเต็มไปด้วยซองบรรจุเอกสารแบบแผ่น
เป็นเอกสารที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร สามารถส่งผ่านดีไวซ์ได้โดยไม่ต้องกลัวการรั่วไหล แต่ถึงอย่างนั้นเสือเหลืองก็ยันยืนกรานที่จะเรียกเขามาหา
—วันนี้แวะมาหาหน่อยสิ… เหตุผลน่ะหรือ? อ้อ อยากได้ข้ออ้างสินะ… งั้นก็เอาเป็น… ถือกระดาษเอกสารงบประมาณติดตัวมาด้วย
ลีลาการพูดบ่งบอกชัดเจนว่า เป้าหมายของการแวะมาที่บ้านไม่ใช่เอกสาร แต่เป็นตัวคิมชินรก
เมื่อมิอาจขัดคำสั่งเสือเหลือง—ผู้นำเผ่าเสือ—คิมชินรกจำใจต้องถ่อมา
‘ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่กินมื้อเย็นเลยดีกว่า สอนลูกหลานเสือเงินทำกับข้าวด้วย…’
แอ๊ด—
เมื่อเปิดประตู คิมชินรกได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
เสือแดง
เสือแดงยืนมองมา ราวกับกำลังรอคิมชินรกอยู่
‘…อยู่ที่นี่เองสินะ’
แม้จะไม่เย็นชาเท่าเสือขาว แต่เสือแดงผู้มักมีสีหน้าเฉยเมย เผยความโล่งใจเล็กๆ เมื่อได้เห็นคิมชินรก
‘…ต้องตาฝาดไปแน่ๆ’
คิมชินรกดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นบิดา—วีรบุรุษในเทพนิยาย—ยังมีชีวิตอยู่หลังจากตนก่อเรื่องไปตั้งมากมายขนาดนั้น
เสือแดงยอมแบกรับบาปทั้งหมดแทนคิมชินรก
ส่งผลให้คิมชินรกยอมจำนนต่อความจริงที่ว่า ตนเปรียบดังโซ่ตรวนที่คอยพันธนาการความก้าวหน้าของบิดา
และเชื่อว่าตนไม่คู่ควรกับการเป็นลูก
คิมชินรกทักทายอีกฝ่ายด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
“สวัสดีครับ ท่านเสือแดง”
ได้ยินคำทักทาย ใบหน้าเสือแดงพลันหมองคล้ำ
นั่นไง
…ไม่ต้องทักเลยจะดีกว่าสินะ
“ชินรกอปป้า! สวัสดีค่ะ!”
“ว้าว! วันนี้พี่ชินรกก็มาด้วยหรือ ท่านเสือเหลืองก็กำลังกลับ มาจัดปาร์ตี้กันเถอะ!”
“พักนี้ท่านเสือแดงก็อยู่ที่คฤหาสน์ตลอด สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ออกไปเดินเล่น ข้ารู้สึกว่าคฤหาสน์มีชีวิตชีวามากเลยล่ะ!”
เสือแดงอยู่ที่คฤหาสน์ตลอด?
คิมชินรกไตร่ตรองหาเหตุผล และสรุปได้ในเวลาไม่นาน
‘คงยังบาดเจ็บจากครั้งก่อนอยู่สินะ ท่านเสือเหลืองก็ดูจะเป็นห่วงมาก… บางที ท่านพ่อคงรวบรวมข้อมูลของตือหงอเหนงเสร็จหมดแล้ว และมองว่าสมควรแก่เวลาพักฟื้นให้หายขาด… ถ้าไม่มีเรา เขาคงพักผ่อนได้ดีขึ้น’
หลังจากประเมินว่าสุขภาพของบิดาสำคัญที่สุด คิมชินรกวางซองเอกสารไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นแล้วพูด
“ข้าแค่แวะมาทำธุระให้ท่านเสือเหลือง… เมื่อเสร็จแล้วก็ต้องขอลา”
ได้ยินคำพูดคิมชินรก ลูกหลานเสือเงินทำหน้าเศร้า
“อยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหม…”
“ใช่!”
“ทำไมชินรกอปป้าถึงงานยุ่งทุกวันเลย? ท่านเสือเหลืองใช้งานพี่หนักเกินไปหรือ”
“ใช่แล้วล่ะ…”
คิมชินรกพูดเย้าแหย่ลูกหลานทั้งสามแล้วเดินออกจากบ้าน
เสือแดงเฝ้ามองแผ่นหลังของบุตรชายอยู่นาน
คอยคุ้มกันอยู่หน้าประตูจนกระทั่งลับสายตาไป