ในยุคแห่งเทพนิยาย ซึ่งเสียงของเทพสวรรค์ยังคงดังกังวานไปทั่วคาบสมุทรเกาหลี
ช่วงเวลาที่เหล่าพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ถูกยกย่องในฐานะเทพนิยาย
ยังไม่มีแม้แต่ ‘ชื่อแท้’ ให้สมฐานะเผ่าแท้
สมัยนั้นคาบสมุทรเกาหลีคือดินแดนอันโหดร้าย ชนิดที่เผ่าเสือกับเผ่าหมีต้องผนึกกำลังกัน ต่อกรกับศัตรูจากภายนอกที่มิใช่มนุษย์หรือสัตว์ร้าย
ผู้นำของเผ่าเสือและเผ่าหมีที่สัมผัสถึงการมารุกรานของศัตรูจากภายนอก ได้อ้อนวอนขอความเมตตาจากเทพสวรรค์
วิวรณ์หนึ่งถูกส่งลงมา
[เราจักประทานพลังใหม่ แด่ผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดด้วยอาหารเหล่านี้ โดยไม่สัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน]
สิ้นเสียงดังกล่าว จิงจูฉ่ายและกระเทียมศักดิ์สิทธิ์ยี่สิบต้นถูกส่งมาจากท้องฟ้าผ่านต้นอารามสวรรค์
ได้เห็นปริมาณอาหาร ผู้นำเผ่าเสือ—เสือเงิน—ตระหนักว่าอย่างมากก็คงมีนักรบแค่สองคน ที่สามารถได้รับพลังจากเทพสวรรค์
หลังจากปรึกษากับผู้นำเผ่าหมี พวกเขาตกลงกันว่าจะเลือกนักรบมาเผ่าละหนึ่งคน
ด้วยเหตุนี้ เสือเงินได้เรียกประชุมเหล่านักรบผู้เหมาะแก่พลังของเทพสวรรค์ เพื่อถ่ายทอดข้อความที่ได้รับ
“ให้กินแต่จิงจูฉ่ายกับกระเทียมตลอดหนึ่งร้อยวันโดยไม่เจอแสงแดด? ใครสนกันล่ะ! ข้าแข็งแกร่งได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังนั่น”
เสือเหลืองผู้มีความอดทนต่ำส่ายหน้าทันที
“ข้าก็คิดเหมือนเสือเหลือง”
เสือขาวกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“ข้าปรารถนาพลังของเทพสวรรค์… แต่ไม่อยากอยู่ห่างจากเทพมนุษย์นานถึงหนึ่งร้อยวัน ยิ่งพักหลังพระองค์ไม่สนใจข้าเพราะมัวแต่เอ็นดูน้อง”
เสือครามตอบหลังจากคิดหนัก
“ข้าก็ไม่อยาก”
เสือแดงตอบโดยลังเลไม่นาน
ในเมื่อไม่มีใครอาสา เสือเงินจึงเจาะจงเลือกคนที่คิดไว้ในใจ
“เสือแดง ไม่นานมานี้เจ้าเพิ่งลอบเข้าไปในตำหนักของท่านพุงแบก (เทพวายุ) กับท่านอูซา (เทพพิรุณ) สินะ? เพื่อแกล้งนำแป้งปะหน้าพวกท่านขณะบรรทม”
“ท่านรู้ได้ยังไง!”
“ข้ายังรู้ด้วยว่า เจ้าแอบนำชุดน้ำชาชิ้นโปรดของท่านอุนซา (เทพเมฆา) ไปซ่อนจนท่านหัวเสีย”
เสือเงินอ่อนแอมากหากเทียบกับนักรบเหล่านี้ แต่เขารู้วิธีควบคุมคน
กระทั่งตัวปัญหาอันดับหนึ่งอย่างเสือแดงก็ไม่มีข้อยกเว้น
“อดทนแค่ร้อยวันเท่านั้น… ไม่อย่างนั้นแล้ว หากข้ารายงานวีรกรรมนี้ไป พวกท่านคงเสกเมฆาทมิฬและพิรุณกระหน่ำเหนือศีรษะเจ้าสองร้อยวันเต็ม… ยอมเลือกทางที่เดือดร้อนน้อยกว่าเถอะน่า”
เสือแดงไม่พอใจ แต่ก็ยอมจำนนต่อคำพูดของเสือเงิน
ใครบางคนจำเป็นต้องผ่านบททดสอบของเทพสวรรค์ และสี่นักรบเผ่าเสือก็คู่ควรแก่พลังนั้น
อย่างไรก็ดี เสือเหลืองกับเสือขาวแข็งแกร่งตามที่พวกเขาโอ้อวด และเสือครามที่มีลูกศิษย์มากมายก็ไม่อยากแยกกับเทพมนุษย์
“ก็ได้… แต่ท่านต้องทำเหมือนเรื่องพวกนั้นไม่เคยเกิดขึ้น”
“จะลองคิดดูก็แล้วกัน… กับพุงแบกและอูซาจอมโลเลน่ะ ข้าไม่ว่าอะไรหรอก แต่ข้าไม่อยากเห็นอุนซาผู้อ่อนโยนต้องเดือดร้อนเพราะการกลั่นแกล้งของเจ้า”
หลังจากตกลงกันได้ เสือเงินนำทางเสือแดงไปยังถ้ำลึกในแดนศักดิ์สิทธิ์
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่อัดแน่นไปด้วยปราณศักดิ์สิทธิ์ เสือแดงได้พานพบโชคชะตา
“อุงเนียแห่งเผ่าหมี ขอคารวะท่านเสือเงินและท่านเสือแดง”
โชคชะตาที่ว่าก็คือ ยอดสตรีอัจฉริยะแห่งเผ่าหมี
ผู้นำเผ่าหมีถึงกับออกตัวโดยไม่เหนียมอาย ว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่คู่ควรกับนาม ‘อุงเนีย’ ซึ่งเป็นชื่อที่ค่อนข้างสามัญในเวลานั้น
‘คาบสมุทรเกาหลีมีสตรีผู้งดงามและสูงศักดิ์เช่นนี้อยู่ด้วยหรือ…’
เสือแดงพ่ายแพ้ให้แก่เสน่ห์ของอุงเนีย
ในถ้ำมืดที่แสงส่องไม่ถึง
เสือแดงพยายามเกี้ยวพาราสี
“…ข้าไม่มีใจให้บุรุษผู้ใช้วาจาแข็งกร้าว”
เสือแดงเปลี่ยนสำเนียงการพูดทันที
นึกถึงน้ำเสียงอันนุ่มนวลของเสือเงิน คำพูดคำจาภูมิฐานของพุงซา อูซา และอุนซา รวมถึงเสียงอันไพเราะของเทพมนุษย์ เสือแดงเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นการใหญ่
จนกระทั่งวันหนึ่ง เสียงเพลงดังมาจากด้านนอกถ้ำ
ชาวเผ่ามักเผยแผ่พระวจนะของเทพสวรรค์ผ่านท่วงทำนองเพลง
[เทพมนุษย์ได้อ้อนวอนขอความเมตตาจากเทพสวรรค์ ให้พระองค์ทรงช่วยประทานพลัง แด่สองยอดนักรบหาญกล้าผู้เตรียมใจรับบททดสอบนานหนึ่งร้อยวัน!]
เนื้อหาที่สื่อเป็นนัยว่าเทพมนุษย์เอ็นดูอุงเนีย ทำเอาหัวใจเสือแดงพลันดำดิ่ง
เทพมนุษย์ผู้สง่างามและอ่อนโยนองค์นั้นยังคงไร้คู่ครอง และอุงเนียก็มิใช่คนรักของเสือแดง
เสือแดงถามด้วยหัวใจกระวนกระวาย
“อุงเนียคิดเช่นไรกับเทพมนุษย์”
“ข้ามิได้คิดเช่นไร”
อุงเนียผู้หลับตาครุ่นคิดในความมืดอยู่สักพัก มอบคำตอบแก่เสือแดง
“แต่ข้าคิดกับท่าน”
วันที่อุงเนียเริ่มแต่งกายด้วยชุดสีแดงสด—สัญลักษณ์ของเสือแดง—มิใช่วันครบหนึ่งร้อยวันตามที่ให้สัญญากับเทพสวรรค์ หากแต่เป็นวันที่สามสิบเจ็ด ซึ่งปากถ้ำเปิดออกเพราะการอ้อนวอนจากเทพมนุษย์
นับแต่นั้น เสือแดงและอุงเนียผู้รับพลังจากเทพสวรรค์ กลายเป็นทัพหน้าในการต่อกรกับศัตรูจากภายนอก
ทั้งสองสาบานกันเป็นมั่นเหมาะ ว่าจะอยู่ด้วยกันในวันที่ศัตรูจากภายนอกถูกกวาดล้างจนสูญสิ้น
แต่วันนั้นก็ไม่มาถึง เนื่องจากเผ่าหมีเปลี่ยนฝังไปเข้ากับศัตรูจากภายนอกเพื่อต่อต้านเทพสวรรค์แทน
หลังจากสงครามอันยาวนานสิ้นสุดลง เผ่าเสือได้นำพาสันติสุขมาสู่คาบสมุทรเกาหลีด้วยการบดขยี้ศัตรูจากภายนอกทั้งหมด พร้อมกับกำราบเผ่าหมีจนไม่สามารถเหิมเกริมได้อีก
เพื่อยกย่องความสำเร็จของเผ่าเสือ เทพสวรรค์ได้เสด็จเยือนในวันฟ้าเปิด
เมื่อเทพสวรรค์ตรัสถามความปรารถนาของเหล่าพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทยอยตอบ
“ข้าต้องการพลังที่ไปได้ทุกหนแห่ง”
“ข้าต้องการพลังที่สามารถดำรงอยู่ในทุกหนแห่ง”
“ข้าต้องการรับใช้เทพมนุษย์ตลอดไป”
หลังจากเสือขาว เสือเหลือง และเสือครามบอกความปรารถนา เสือแดงครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบ
“ข้าอยากให้พวกท่านอภัยให้เผ่าหมี”
เทพสวรรค์มอบสามพรแรกในทันที แต่ลังเลกับความต้องการของเสือแดงอยู่นาน
“ข้าก็หวังเช่นเดียวกับเสือแดง”
เสือเงินก้าวออกมาพร้อมกับก้มศีรษะคำนับ จากนั้นเทพมนุษย์ก็ยกมือเพื่อสนับสนุนเสือเงินและเสือแดง
หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก เทพสวรรค์ได้ยอมรับคำขอนั้น พร้อมกับประกาศไปยังเผ่าเสือและเผ่าหมีภายใต้ฟ้าเปิด
[วีรกรรมของพวกเจ้าจะกลายเป็นเทพนิยายของแผ่นดินนี้ ร่างกายและวิญญาณจะเกิดใหม่ในฐานะ ‘เผ่าแท้’ ผู้หลุดพ้นจากกฎเกณฑ์แห่งมนุษย์และสัตว์ โดยข้าจักถ่ายทอดพลังลงใน ‘ชื่อแท้’ ที่พวกเจ้าได้รับ]
หลังจากเทพสวรรค์หายไป เสือแดงที่กลายเป็นเผ่าแท้ได้หวนกลับมาหาอุงเนียในชุดแต่งงานสีแดง
เทพสวรรค์ทรงตรัสว่าเผ่าแท้มีลูกหลานได้ยาก แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผลผลิตแห่งความรักของทั้งสองได้ถือกำเนิด
อย่างไรก็ดี ความสุขที่ไขว่คว้ามาได้อย่างยากลำบาก ต้องพังทลายลงราวกับปราสาททราย
ปัจจุบัน เหลือเพียงไม่กี่สิ่งที่เสือแดงต้องปกป้อง
และสิ่งนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย
“ตือหงอเหนง เจ้าได้ฟังอยู่หรือไม่”
“แน่นอนขอรับ! ข้าตั้งใจฟังด้วยสองรูหู!”
ฐานของเผ่าหมู, ห้องนอนตือหงอเหนง
ขณะซ่อนตัวในควันแดง เสือแดงแทบไม่เชื่อหู
…เราคงได้ยินผิดไปเอง ต้องใช่แน่!
แต่เสียงจากอีกฟากของหน้าจอ ทำลายความหวังของเขาจนป่นปี้
“คิมชินรกแห่งโรงเรียนแสงเงินจะต้องตาย… ไม่ว่ายังไงก็ตาม”
“ข้าเข้าใจขอรับ… แต่เราแทบไม่มีคนเหลืออยู่ในโรงเรียนแสงเงินแล้ว ถึงจะฆ่ามันไปก็ไม่มีใครไปแทนตำแหน่ง”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องฆ่า เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกัดกร่อนลูกชายของเสือแดงกับอุงเนีย”
เสือแดงถลึงดวงตาอันแดงก่ำใส่หน้าจอที่ตือหงอเหนงกำลังจ้อง
บนหน้าจออันพร่ามัวซึ่งคอยเปล่งเสียงที่คล้ายกับผ่านเครื่องแปลง สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือนิ้วอันเรียวยาว
ได้ประจักษ์ความช่วยร้ายที่พุ่งเข้าใส่เด็กคนหนึ่ง ผู้ต้องเผชิญความยากลำบากเพียงเพราะเกิดมาเป็นบุตรของตน เสือแดงทำได้เพียงยืนสั่นสะท้านอย่างไร้พลัง
* * *
‘เจ้านั่น’ เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และตือหงอเหนงก็ฟื้นฟูร่างกายกลับมาถึงจุดที่ทำภารกิจได้
เป้าหมายของมัน: คิมชินรก
เหตุผล: ไม่ทราบ
ชัดเจนแล้วว่า ไม่ใช่แค่เพราะคิมชินรกเป็นครูประจำชั้นห้อง 1/1 และที่ปรึกษาสมาคมปีกธรณีโนlวลกูดอทคoม
‘…จอมบงการเพ่งเล็งเขาทำไม’
มีไม่บ่อยนักที่จอมบงการจะตามกัดใครสักคนไม่ปล่อย
แม้จะซุกซ่อนเจตนาผ่านการยืมมือคนอื่น แต่สวะติดเกมอย่างฉันย่อมเอะใจในความผิดปกติ
เหตุใดมันถึงตามจองเวรฆ่าหรือกัดกร่อนตัวละครใดตัวละครหนึ่งเป็นพิเศษ?
การกัดกร่อนตัวละครอาจสร้างประโยชน์ให้จอมบงการได้บ้างก็จริง แต่ก็ถือว่าเล็กน้อยมาก หากพิจารณาถึงเป้าหมายใหญ่ของมัน
‘ตัวอย่างที่ชัดเจนคือซาวอลเซอึม’
ซาวอลเซอึมถูกจูซูย็อกช่วยออกมา
แสงประทานของเขาจะทำงานก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ซึ่งจูซูย็อกมีมัน
และทันทีที่ฉากการใช้แสงประทานของซาวอลเซอึมถูกเปิดเผยออกสื่อ จอมบงการได้สั่งให้นาบีรยองไปฆ่าซาวอลเซอึม
จริงอยู่ การฆ่าซาวอลเซอึมจะเป็นการตัดกำลังโรงเรียนแสงเงินและทีมของจูซูย็อกได้มาก
แต่จำเป็นต้องให้หมากตัวสำคัญอย่างนาบีรยองเคลื่อนไหวเชียวหรือ?
นาบีรยองพูดราวกับทิ้งคำบอกใบ้
[ทั้งหมดเป็นเพราะความไร้เดียงสาของเด็กผู้ส่งสารคนนั้น… ใครบางคนคิดว่าการทรมานเขาสักสองสามปีคงช่วยกัดกร่อนเขาได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน]
มันฟังดูเหมือนว่า หากซาวอลเซอึมถูกกัดกร่อน เขาก็จะมีชีวิตรอด
‘ถ้ากัดกร่อนไม่ได้ก็ต้องฆ่า… คิมชินรกคือหนึ่งในเป้าหมายนั้น’
ได้ฟังรายงานจากเสือแดง วังจีโฮตอบกลับ
“เสือแดง หลังจากนี้เจ้าห้ามเข้าใกล้ฐานของเผ่าหมูอีกเป็นอันขาด”
“ต…แต่ว่า…!”
“แม้ ‘เจ้านั่น’ จะมองไม่เห็นเจ้าผ่านควันแดงที่ถูกยกระดับ แต่หัวใจเจ้าพังเกินกว่าจะรับมือไหว โชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้เห็นอีกฝ่ายผ่านหน้าจอ”
วังจีโฮยกมือราวกับสื่อเป็นนัยว่าห้ามคัดค้าน
“หากขัดคำสั่ง ลูกของเจ้าจะถูกลงโทษแทน”
“…ขอรับ”
“แต่ข้ามีตัวเลือกอื่นให้ อยากคุ้มกันคฤหาสน์หลังนี้หรือคอยปกป้องลูกของตัวเอง? เลือกมา”
ถ้าให้ตัวเลือกแบบนี้ เสือแดงก็ต้องตอบว่าปกป้องคิมชินรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
แต่ผิดคาด เสือแดงหลับตาลังเลอยู่นาน
“เด็กคนนั้นจะไม่ออกนอกแดนศักดิ์สิทธิ์เว้นเสียแต่จะเป็นกิจกรรมของโรงเรียน”
“ใช่ เพราะงานยุ่งจนออกไปไหนไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอรออยู่ที่คฤหาสน์… เด็กคนนั้นจะไม่สบายใจเวลามีข้าอยู่ใกล้ๆ”
เป็นคำตอบที่คาดไม่ถึงจริงๆ
สายสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้คงซับซ้อนกว่าที่ฉันเข้าใจ
“แต่ถ้าเมื่อใดเขาต้องออกนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้โปรดอนุญาตให้ข้าตามไปปกป้องด้วย”
“จะลองคิดดู”
เสือแดงเบิกตากว้างก่อนจะก้มหน้าลง
คงเล็งเห็นว่าวังจีโฮในตอนนี้ไม่รับคำโต้เถียง
‘…ทำเป็นปากแข็ง ถ้าคิมชินรกต้องออกนอกเขตอึนกวาง เสือแดงคงได้รับอนุญาตให้ตามไปด้วยแน่’
ขณะเสือแดงปิดปากสนิทแล้วนั่งลง วังจีโฮหันมามองฉัน
“โชอึยชิน ในตอนที่นายทราบว่า ‘เจ้านั่น’ เพ่งเล็งค่ายยุวชน ได้ทราบด้วยหรือไม่ว่าคิมชินรกตกเป็นเป้าหมาย”
แน่นอนว่าไม่
ถ้าอิงจากเวลาในเกม คิมชินรกตายไปครึ่งปีแล้ว
“ไม่… ‘สิ่งที่ฉันรู้’ แตกต่างจากปัจจุบัน”
“… ‘สิ่งที่ฉันรู้’”
วังจีโฮทวนคำพูดฉัน
แม้จะเปล่งเสียงแผ่วเบา แต่สมองของเขากำลังประมวลผลเต็มกำลัง
ฉันเองก็ต้องปรับแนวคิดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และข้อมูลใหม่
“วันนี้คงมีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยล่ะ”
วังจีโฮพูดแบบนั้นขณะสำรวจสีหน้าของฉัน
ลงเอยด้วย ฉันประชุมโต้รุ่งกับวังจีโฮ แบคโฮกุน และเสือแดงจนถึงเช้า
เมื่อรุ่งสางมาเยือน โฮโลแกรมนับสิบตัวกำลังถูกฉายบนโต๊ะในห้องรับแขก ทั้งหมดคือแผนที่และข้อสรุป
“ได้กินมื้อเช้ากับอึยชินอปป้าด้วยล่ะ!”
“ถ้ารู้ว่าพี่จะไม่นอน ข้าคงมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว…”
ฉันค้างคืนที่นี่ แต่ไม่ได้นอนสักงีบ
ขณะยิ้มรับอย่างคลุมเครือ ฉันก้มหน้าจัดการ ‘ผักห่อ’ และโจ๊กเนื้อถั่วเขียวที่เป็นมื้อเช้า
“งั้นฉันแวะกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอพักก่อน”
“ที่นี่มีชุดนักเรียนสำรองอยู่เพียบ”
“ไม่มีไซซ์ของฉัน”
“มีชุดที่เหมาะกับนายอยู่”
ในเมื่อวังจีโฮปรับเปลี่ยนอายุได้ตามใจชอบ ความสูงย่อมไม่ใช่ปัญหา
บางที เขาคงมีชุดนักเรียนทุกไซซ์เพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์
“ไม่จำเป็น ยังไงฉันก็ต้องกลับไปเอากระเป๋านักเรียนอยู่ดี”
พูดจบ ฉันเตรียมเดินออกจากประตูหน้าด้วยหัวใจว่างเปล่า
หลังจากประชุมกับเผ่าเสือเสร็จ ฉันอ้อนวอนขอโทษเจ้าบ่วงที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมให้อภัย
เกลียดยาวิเศษของเผ่ากวางขนาดนั้นเลย?
เมื่อลองมานึกดู มันก็สมเหตุสมผล
ความเคียดแค้นที่มีต่อวังจีโฮ เอ่อล้นในใจขณะฉันฝืนกลืนหนองน้ำจากนรกนั่นเข้าไป
ลงเอยด้วย ฉันต้องออกจากคฤหาสน์วังมยองโฮโดยไม่มีเจ้าบ่วงเดินมาส่ง
‘ทั้งที่เราควรจะได้ออกมาเดินเล่นด้วยกัน…!’
หลังจากกลับห้องมาเปลี่ยนชุดนักเรียนด้วยหัวใจอันปวดร้าว
ปิ๊งป่อง!
คำทักทายตอนเช้าจากศิษย์รักอย่างย็อมจุนยอล ถูกส่งมาพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนดีไวซ์
อย่างไรก็ดี คำเกริ่นผิดแผกไปจากทุกที
[ย็อมจุนยอล] สวัสดีครับอาจารย์
[ย็อมจุนยอล] ขอโทษครับ
[ย็อมจุนยอล] (ลิงก์)
เขาแนบลิงก์
สองลิงก์
หนึ่งคือบันทึกการแข่งหมากรุกกับชอนดงฮาเมื่อวาน
อีกหนึ่งคือผลคะแนนสุดท้ายหลังจากสิ้นสุดการประท้วงข้อสอบ
เป็นลิงก์ประกาศรายชื่อนักเรียนที่สอบได้สิบอันดับแรกของทุกชั้นปี
ในบรรดารายนามเหล่านั้น ย็อมจุนยอลได้อันดับที่สองของชั้นปีสอง