‘ถึงจะตอบยาก แต่ก็ต้องตอบ’
ความเงียบกินเวลายาวนานขึ้น
ก่อนจะถูกทำลายโดยเสียงพูดกึ่งสะอื้นของบังยุนซบ
“ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ! บ้าจริง…”
“เบ๊ขนมปัง…”
“โธ่เว้ย! ไปได้ยินคำนั้นมาจากไหนเนี่ย!”
ในช่วงวินาทีที่สำคัญและตึงเครียด บรรยากาศสูญเสียความจริงจังในทันที
ทักกอซันคงเรียกชื่อเล่นบังยุนซบเพื่ออยากให้สนิทกัน แต่ในเวลานี้เขาควรเรียกด้วยชื่อจริงมากกว่า
ทักกอซันคงยังไม่เข้าใจความหมายของ ‘เบ๊ขนมปัง’ ดีนัก แต่ก็เลือกที่จะใช้โดยคิดว่า ‘หึหึ! ในเมื่อเพื่อนๆ ของศิษย์ชั่วคราวพร้อมใจกันเรียกเขาแบบนี้! ฉันก็จะเรียกบ้าง!’
“…ถ้ามีเด็กทั่วประเทศอยากเป็นศิษย์ปู่มากขนาดนั้น ก็อย่ามาเซ้าซี้ฉัน ไปเซ้าซี้พวกเขาโน่น!”
บังยุนซบโยนประโยคสุดท้ายด้วยเสียงห่อเหี่ยวแล้วปรี่ออกจากห้องพักครูพิเศษ
เมื่อเห็นฉันกำลังยืนเอาหลังพิงกำแพงใกล้ทางเข้า บังยุนซบผงะเล็กน้อย พึมพำบางอย่างแล้วก็วิ่งออกจากเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง
‘ทำยังไงดีนะ…’
บังยุนซบอาจเป็นพวกหัวรุนแรงและชอบสูบบุหรี่ แต่ก็เป็นเด็กที่น่าสงสาร
เป็นพวกทำตัวแย่เสมอต้นเสมอปลายไม่ว่าจะโดนด่าหรือรุมกระทืบหนักแค่ไหน อย่างมากก็แค่กลัวอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับไปทำตัวแบบเดิม
ภายในเกม เขาคือตัวละครที่มักถูกซ้อมหรือดุด่าเพื่อช่วยเสริมความเท่ให้กับตัวละครหลัก
‘ถ้าบังยุนซบแข็งแกร่งขึ้น ขุมพลังของโรงเรียนแสงเงินก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น การบังคับให้หมอนั่นอยู่ในความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่นัก’
ฉันสามารถบังคับเขาด้วย ‘แหนบแห่งคำสัญญา’ หรือไม่ก็ยอมทำลายพันธสัญญาเก่า เพื่อล่อให้เขาติดบ่วงที่ใหญ่กว่ากับทักกอซัน
…ถ้าเราท้าสู้โดยเดิมพันการเป็นศิษย์กับทักกอซัน หมอนั่นจะรับคำท้าแน่นอนเพราะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าเรา
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง คราวนี้ฉันไม่อยากใช้วิธีนั้น
‘เหมือนกับตอนที่เราบังคับให้เรียนหลักสูตรการฝึกแสงเงินทุกเช้า การถูกบังคับให้เรียนมักไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก… เฮ้อ… แต่การได้เป็นศิษย์คนแรกของทักกอซันก็มีความหมายยิ่งใหญ่มากเหมือนกัน’
ฉันนึกถึงใบหน้ามีความสุขของเด็กๆ ในห้องขณะกินขนมปังที่บังยุนซบไปตระเวนไปซื้อมาอย่างบ้าคลั่ง
…เพื่อนของเราปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ บางครั้งก็แบ่งขนมหรือนมให้ บางครั้งก็กล่าวทักทายทุกครั้งที่เดินสวนกับเบ๊ขนมปัง
‘ไม่ลองก็ไม่รู้’
คิดแบบนั้น ฉันเคาะประตูห้องพักครูพิเศษที่เปิดค้างไว้อยู่
“สวัสดีครับ ครูทักกอซัน”
“…รองหัวหน้าห้องศูนย์เองหรือ เข้ามาสิ”
ก้าวเข้าไปในห้องที่มีแต่กล่อง
ทักกอซันกำลังเก็บโล่รางวัลและชุดกีฬาใส่กล่อง ฉันที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จึงถาม
“จะย้ายห้องทำงานหรือครับ”
“ไม่… ฉันไม่มีลูกศิษย์แล้ว และคงไม่มีอีก ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม”
“ครับ?”
“ฉันให้คำมั่นสัญญากับเฮียวทงไว้แล้ว และดันเผลอทำให้เบ๊ขนมปังคนนั้นเสียความรู้สึกอีก”
ทักกอซันจ้องสัมภาระที่ยัดใส่กล่องด้วยใบหน้าเปี่ยมริ้วรอย
“เจ้าหัวทึบนั่นไม่มีพรสวรรค์ ไม่มีฝีมือ ไม่มีความอดทน แถมนิสัยก็ยังแย่สุดๆ …”
ถ้อยคำตำหนิบังยุนซบที่เขาเรียกว่าเบ๊ขนมปัง พรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
สมแล้วที่เคยประกาศเอาไว้ว่า คนเดียวที่จะตำหนิศิษย์ของฉันได้คือตัวฉันเอง
แต่ที่ด่ามาก็ไม่ผิดเลยสักข้อเดียว
“แม้ฉันจะตั้งใจสอนเจ้าเด็กไร้ค่านั่นเพียงเพราะอยากให้เฮียวทงมาเป็นศิษย์ แต่ยิ่งเวลาผ่านไป แทนที่จะเกลียดเขา ฉันกลับรู้สึกว่าการได้สอนใครสักคนก็มีความสุขดีเหมือนกัน…”
ทักกอซันยืนเหม่อมองประตูที่บังยุนซบวิ่งออกไป
ด้วยฝีมือของเขา หากคิดจะไล่จับบังยุนซบก็คงทำได้ทันทีต่อให้อีกฝ่ายขี่แอร์บอร์ด
แต่ทักกอซันกลับไม่ยอมไล่ตามไป เนื่องจากรู้สึกผิดที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด
“…โชคดีที่ทุกอย่างเกิดขึ้นในตอนใกล้จะปิดภาคเรียน จึงไม่กระทบต่อตารางเรียนมากนัก ถ้ายังไงก็ฝากไปบอกทั้งสองคนด้วยนะ… ว่าฉันขอโทษ”
ทักกอซันคิดจะลาออกเพราะรู้สึกผิดต่อคำพูดของบังยุนซบ
ฉันส่ายหน้า
“อย่าไปเลยนะครับ”
“หือ…”
“ครูจะลาออกทำไมในเมื่อมีลูกศิษย์อยู่ทั้งคน”
ทักกอซันทำหน้าไม่เชื่อหู
“ก่อนจะหมดช่วงปิดเทอมยาว เฮียวทงจะมาเป็นศิษย์ของครูทักกอซันแน่นอน ดังนั้นช่วยอย่าเพิ่งลาออกแล้วรออีกหน่อยนะครับ”
“ว่ายังไงนะ!”
ทักกอซันเบิกตากว้าง
สีหน้าแววตาเผยความกังขาโดยไม่ปิดบัง
แต่ฉันมั่นใจ
พฤติกรรมของเม็งเฮียวทงในเกม คำพูดแต่ละคำ รวมถึงนิสัยที่สังเกตได้จากชั้นเรียน
ฉันได้ข้อสรุปจากการนำทุกปัจจัยมาปะติดปะต่อกัน
“ผมไม่แน่ใจในกรณีของบังยุนซบ… แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะมาเป็นศิษย์ครูเหมือนกัน เอาเป็นว่าลองเชื่อดูสักครั้งนะครับ”
หลังจากฟังคำอธิบายของฉัน แม้จะทำหน้าคลางแคลงใจ แต่ทักกอซันก็ไม่คัดค้าน เพราะมองว่าการอดทนรอศิษย์นานขึ้นอีกสักนิดไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“เธอดูฉลาดเหมือนกับที่ท่านจิตรกรพูดเลย แต่ว่า…”
ขณะเดินออกจากห้อง ฉันได้ยินคำว่า ‘พิรุธๆ’ อะไรสักอย่างดังไล่หลัง แต่ก็มิได้แยแส
ทางเดินค่อนข้างเงียบเนื่องจากยังเช้าเกินกว่านักเรียนจะมาถึง
ฉันหาบังยุนซบไม่เจอแล้ว
‘มีระบบ ‘เปิดแผนที่ละแวกใกล้เคียง’ จากเมนูพิเศษก็จริง แต่หน้าที่ของมันทำได้การยืนยันภูมิประเทศหรือไม่ก็จำแนกมิตรศัตรู’
ลำพังการดู ‘จุด’ คนเดินในแผนที่ ยังยากเกินไปที่จะบอกว่าใครคือบังยุนซบ
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีวิธีตามหา
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
เมื่อได้ยินเสียงจากระบบ การ์ดใบหนึ่งที่หุ้มด้วยคลื่นพลังวิเศษปรากฏขึ้นตรงหน้าแล้วก็หายไป
ตัวละครที่ฉันเลือกคือชอนดงฮา กรรมการรักษาระเบียบชั้นปีที่สอง เจ้าของสกิล ‘เนตรรู้แจ้ง’
ถ้าได้ยืมแสงประทานของเขา การมองไปทั่วเขตอาคารเรียนปีหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก
〈เรียกใช้งานแสงประทานของเป้าหมาย ‘เนตรโอบกอดฟ้าดิน’ 〉
ทันทีที่ ‘เนตรโอบกอดฟ้าดิน’ เริ่มทำงาน ฉันรู้สึกเหมือนจิตและความคิดกว้างขึ้น
ถ้าจะให้เปรียบล่ะก็ มันรู้สึกเหมือนการเปิดกล้องถ่ายรูปนับพันตัวพร้อมกัน โดยที่ข้อมูลถูกส่งเข้าสมองโดยตรง มิได้ผ่านดวงตา
‘เจอแล้ว’
ฉันหยุดแสงประทานทันทีแล้วย้ายตำแหน่งไปหาบังยุนซบ
จุดที่พบเขาคือถนนกรวดอันเปล่าเปลี่ยวในเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง
ปลายทางของถนนเส้นนี้มีเพียงโกดังเก็บของสำหรับเก็บเครื่องทำความสะอาดอัตโนมัติ จึงไม่ค่อยมีนักเรียนเดินผ่าน
บังยุนซบที่นั่งขดตัวข้างผนังโกดังพลางอัดบุหรี่ ดูโดดเดี่ยวและน่าสงสารจับใจ
“ไง”
“เชี่ยแม่! แค่ก!”
บังยุนซบเริ่มลำสักอย่างหยุดไม่ได้ สีหน้าตึงเครียดเหมือนคนถูกปล้นประเทศ พลางขมวดคิ้วคายควันด้วยความยากลำบาก
ชายผู้น่าสมเพชที่ยังสูบไม่หมดสักมวน นั่งจ้องหน้าฉันอยู่สักพัก ก่อนจะเริ่มอัดบุหรี่ต่อโดยไม่พูดไม่จา
“ทำไมถึงชอบสูบบุหรี่นักทั้งที่สูบไม่เก่ง”
“ฉ…ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน แค่ก! ค่าก!”
บังยุนซบเริ่มสำลักอีกครั้ง เนื่องจากไม่ชำนาญการพูดไปสูบไป
“นี่ ครูทักกอซันรอนายอยู่นะ”
“…แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“ไม่ว่าจะด้วยสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ถ้าโอกาสมาถึงก็ควรคว้าไว้ไม่ใช่หรือไง”
บังยุนซบยังคงเงียบ
เจ้าทึ่มรายนี้คงเข้าใจความสำคัญของการได้เป็นศิษย์ทักกอซัน
สอบติดโรงเรียนแสงเงินได้ทั้งที สติปัญญาก็ไม่ได้ไก่กาขนาดนั้น
“ถ้าใจเย็นลงแล้วลองไตร่ตรองดูใหม่ ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไรก็อย่าลืมรีบแวะไปหาครู”
คำนึงจากความรักศักดิ์ศรีที่มากเกินพอดีของบังยุนซบ มีโอกาสสูงที่หมอนั่นจะไม่ไปหาทักกอซันแม้จะเปลี่ยนใจภายหลัง
ฉันก็ไม่คิดจะบังคับเขา แค่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าประตูบานนั้นรอต้อนรับอยู่เสมอโuเวลกูดoทคoม
จนกระทั่งฉันพูดจบ บังยุนซบยังเอาแต่ปิดปากเงียบพลางนั่งจ้องบุหรี่ไหม้ในมือ
ไม่ได้ใส่ปากมาสักพักแล้ว เอาแต่คีบไว้ระหว่างนิ้วโดยไม่มีความคิดที่จะสูบ
เมื่อมั่นใจว่าบังยุนซบคงไม่สูบต่อ ฉันกล่าวทิ้งท้าย
“วิ่งไปซื้อขนมปังมาส่งก่อนคาบโฮมรูมเช้าจะเริ่ม เอาเป็นขนมปังเย็นเซตหน้าร้อนสิบสองชิ้นจากร้าน MITRON ฝั่งประตูตะวันตก แล้วก็เอาขนมปังเดนิชเย็นมาด้วย”
“ไอ้ลูกหมา…”
“ได้ยินว่าจังหวัดกังวอนมีขนมปังกับคอร์นเบรดอร่อย…”
“โธ่เว้ย!”
ทันทีที่ฉันเอ่ยคำว่า ‘จังหวัดกังวอน’ บังยุนซบที่กำลังสบถ รีบหุบปากแล้วสับตีนแตกไปทางประตูตะวันตก
ฉันมีความสุขเมื่อจินตนาการถึงภาพเด็กๆ มีความสุขหลังจากได้ยินขนมปังเย็นๆ ในช่วงเช้าอันร้อนระอุ
เมื่อบังยุนซบลับสายตาไป
“อึยชิน”
ใครบางคนเปิดบทสนทนา
“ข้าสัมผัสถึงพลังของดงฮาได้ในเขตอาคารเรียนปีหนึ่ง สงสัยว่าอาจเป็นเจ้าก็เลยตามมาดู”
เสียงที่ฉันได้ยินดังมาจากด้านบน
ยงเจกอนกำลังลอยตัวอยู่บนฟ้า
คงใช้ศาสตร์แห่งมิติกับสกิลบิน เพื่ออำพรางตัวเองแล้วแอบตามมาดู
เดิมทีฉันลองตรวจสอบภาคพื้นดินแล้วแต่ไม่พบความผิดปกติ ก็เลยคลายความระแวงลง
ดูเหมือนจะถูกต้มจนเปื่อย
การสัมผัสถึงเขาไม่ได้ ทำให้ฉันหงุดหงิดนิดหน่อย
“ถ้าดูเสร็จแล้วก็กลับห้องเรียนกันเถอะครับ”
“ฮะฮะ! ยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนคาบโฮมรูมจะเริ่มไม่ใช่หรือ”
ยงเจกอนหยุดใช้สกิลบินเพื่อร่อนลงมายืนตรงหน้าฉัน
ระหว่างกำลังทิ้งดิ่ง เรือนผมยาวสลวยที่มัดไว้หลวมๆ ได้ลากยาวเป็นเส้นตรงแนวตั้ง
ย้อนกลับไปในตอนที่ยงเจกอนทำพันธสัญญาครูครั้งแรก ยุคนั้นการไว้ผมยาวยังไม่ถูกยอมรับมากนัก เรือนผมยาวสลวยสีหยกของเขาจึงค่อนข้างเป็นปัญหา
ลงเอยด้วย หนึ่งในเงื่อนไขการรับเข้าทำงานเป็นครูก็คือ ต้องยอมผมสีหยกให้ดำขลับ หรือไม่ก็ตัดมันให้สั้น และยงเจกอนเลือกการย้อม
‘ถ้าเป็นเราคงตัดให้สั้น’
คงเพราะมัดเอาไว้ค่อนข้างหลวม แม้จะปล่อยผมตรง ปลายผมยงเจกอนยังยาวเลยสะโพก
“ไม่ร้อนหรือครับ”
“ถ้าชินแล้วก็ไม่มีปัญหา ยังมีคำถามอีกไหม? ทางข้าก็มีเหมือนกัน”
ยงเจกอนหันมาจ้องฉัน
ฉันพยักหน้าเป็นนัยว่าให้ลองถามมา
“ดูเหมือนว่าเจ้าล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของ ‘ศัตรู’ ที่เผ่าเสือกำลังเผชิญหน้าอยู่สินะ…”
“…ครับ”
“คิดว่าอย่างไรหากว่าข้าเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง? มีโอกาสชนะไหม”
แม้คำถามกะทันหันจะชวนให้มึนงง แต่ฉันคิดคำตอบได้ทันที
ถ้าแค่พลังของยงเจกอนคนเดียว แน่นอนว่ายังไม่พอ
ต่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของพันธสัญญา แต่ก็แทบไม่มีโอกาสเลย
ยงเจกอนถามอีกครั้งหลังจากเห็นฉันไม่ตอบ
“แล้วถ้านับรวมขุมพลังของเผ่ามังกรเข้าไปด้วยล่ะ”
…ถ้ามีพลังของยงเจกอนกับเผ่ามังกรทั้งหมด
ไม่จำเป็นต้องคิดนาน
‘ยังไม่ไหว’
ภายในเกม เมื่อย็อมจุนยอลเสียชีวิตขณะเรียนอยู่ปีสาม ทีมสิงโตแดงกับเผ่ามังกรเริ่มอาละวาด
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด หลังจากถูกนางทรงแห่งราชันเทพมังกรหักหลัง ย็อมบังยอลที่สูญเสียพรคุ้มครองของราชันเทพมังกรถูกเพลิงสีชาดของตัวเองแผดเผาจนสิ้นลม ส่วนมังกรครามเข้าสู่ภาวะหลับลึก
‘หากราชันเทพมังกรคอยสนับสนุนมังกรครามจนถึงที่สุด ผลลัพธ์อาจต่างออกไป แต่ราชันเทพมังกรดันเลือกข้างนางทรง’
สมาชิกที่เหลือรอดของสิงโตแดงกับเผ่ามังกรพยายามทำสงครามแบบกองโจร แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย
‘แค่แก้แค้นให้ย็อมจุนยอลยังทำไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจอมบงการ’
ตามเนื้อเรื่องในเกม หลังจากเหตุการณ์ ‘แฟนเกมเดนตายแห่เลิกเล่น’ จูซูย็อกกำลังเรียนอยู่ชั้นปีสอง เป็นเวลาที่ย็อมจุนยอลกลับจากต่างประเทศพอดี และเริ่มปรากฏตัวในโรงเรียนแสงเงินบ่อยขึ้น
เมื่อทางเพลเมโกเริ่มโหมโฆษณาเปิดตัว PV ของย็อมจุนยอล พร้อมกับเผยภาพวาดกึ่งเคลื่อนไหวอันงดงาม ผู้เล่นใหม่จำนวนหนึ่งได้หลงเข้ามาติดกับ
หลังจากความตายของย็อมจุนยอล แฟนเกมส่วนใหญ่ประกาศเลิกเล่นถาวรเนื่องจากจิตใจแตกสลาย
แต่ก็ยังมีบางส่วนยึดมั่นพร้อมกับตะโกน ‘พวกเราจะรอดูการแก้แค้นให้มังกรแดง!’ และ ‘ธรรมะย่อมชนะอธรรม!’
หลังจากบทสรุปสุดท้ายของเผ่ามังกรออกมา ผู้เล่นกลุ่มท้ายๆ ได้ทยอยประกาศเลิกเล่นเกมรวมแล้วหลายสิบหน้า
‘แอปฯ เกมเพลเมโกที่มีคะแนนเฉลี่ย 1 ดาวกว่าๆ มาตลอด ลดเหลือไม่ถึงหนึ่งดาวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น’
คนบางกลุ่มเย้ยหยันว่า ‘นี่ไม่ใช่ดาวแล้ว แต่เป็นดาวเคราะห์น้อย’ หลังจากคะแนนเฉลี่ยของเพลเมโกบางเฉียบยิ่งกว่าไส้ดินสอกด
“สงสัยจะไม่ไหวสินะ”
“…ทำไมอยู่ๆ ถึงถามล่ะครับ”
“ไม่ใช่อยู่ๆ แต่ข้าคาใจบางเรื่องมานานแล้ว”
ยงเจกอนที่เดาคำตอบได้เองแม้ฉันจะไม่ตอบ เปิดปากถามอีกครั้ง
“อึยชิน เจ้ามักสวมหน้ากากอีกาอยู่บ่อยๆ มีความหมายใดพิเศษหรือไม่”
“ถามทำไมครับ”
“มีราชันอสูรอีกาที่รสนิยมแตกต่างจากข้ามากอยู่… พักหลังตัวแทนของเจ้านั่นทำตัวสะดุดตาเป็นพิเศษ”
“…ครูรู้ที่อยู่ของราชันอสูร?”
“เปล่า… หืม… หน้ากากของเจ้าเกี่ยวข้องกับราชันอสูรจริงๆ สินะ”
โดนอ่านความคิดอีกแล้ว
ยงเจกอนที่ยังคงรักษาบรรยากาศเคร่งขรึม กล่าวด้วยใบหน้าเย้าแหย่
“ข้าอาจไม่ทราบตำแหน่งของราชันอสูร แต่รู้ว่ามนุษย์ที่ได้รับพรคุ้มครองจากมันกำลังทำอะไรอยู่ หากเจ้าสงสัยก็ถามมาได้ แต่แลกกับการตอบคำถามของข้าอย่างซื่อตรง”
ราชันอสูรอีกา ราชันอสูรแห่งความเงียบและเพิกเฉย—ซีเดเลนเทียม
มนุษย์ที่ได้รับพรคุ้มครองจากมัน
แน่นอนว่าฉันอยากรู้ แต่หากคำนึงถึงเรื่องราวในเกมและสถานการณ์ปัจจุบัน
“ตอนนี้ยังไม่อยากรู้ครับ ไว้ค่อยถามตอนที่อยากรู้ได้ไหม”
ยงเจกอนทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยอมถอยโดยไม่เซ้าซี้ขุดคุ้ย
สีหน้าของเขามิได้แสดงอาการไม่พอใจ
สมแล้วที่เป็นตัวละครผู้ใจกว้างของฉัน ยอมถอยแต่โดยดีโดยไม่ทำตัวเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนวังจีโฮ
* * *
ในห้องเรียนหลังจากคุยกับยงเจกอนเสร็จ
เด็กๆ ทุกคนมาถึงครบแล้ว คงเพราะมีหลายเรื่องถ่วงเวลาฉันไว้
แต่วันนี้ทิวทัศน์ในห้องเรียนดูแปลกไปนิดหน่อย
“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”
หน้ากระจกที่แขวนอยู่หลังห้อง
ควอนเลนายืนถือกรรไกรซอย
ตรงหน้าเธอคือซงแดซอกที่กำลังนั่งด้วยสีหน้าซับซ้อน
แล้วก็…
‘ทำไมหมอนั่นถึง’
วังจีโฮกำลังนั่งอยู่ข้างซงแดซอก