MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> Final Exam/สอบปลายภาค (3)
[จางนัมอุก] โทษ’ ที ฉันเพิ่งเห็นข้อความน่ะ
ข้อความที่จางนัมอุกส่งมา มีเครื่องหมายกำกับว่าอ่านแล้ว ราวกับอูซังฮุนเฝ้าหน้าจออยู่ตลอด
[จางนัมอุก] ขอโทษที่ตอบช้านะ
[จางนัมอุก] เป็นเพราะอึยชิน ฉันถึงได้กลับมาอย่างปลอดภัย
ปลอดภัย…?
ฉันส่งคำตอบกลับไปทันที
[ฉัน] ได้ยินว่าอยู่ที่ห้องพยาบาลไม่ใช่หรือไง
[จางนัมอุก] หือ? ไปได้ยินมาจากไหน… ฉันแค่แวะมาให้หมอตรวจดูอาการเฉยๆ
[ฉัน] ฉันรู้นะว่านายผ่านอะไรมาบ้าง
[อูซังฮุน] ไม่ต้องมาทำไก๋!
วัตถุประสงค์ของโรงเรียนเพลเยอร์เตรียมทหารคือการเคี่ยวเข็ญเพลเยอร์ให้เป็นดังอาวุธมนุษย์
ที่นี่โด่งดังด้านความเข้มงวดที่มากยิ่งกว่าโรงเรียนเตรียมทหารทั่วไป
หากคิดจะลงโทษหัวหน้ากองร้อยเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแล้วล่ะก็ ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำเล่นๆ
[จางนัมอุก] พอดีฉันถูกจับได้ว่าแอบเซ็นใบค้างคืนนอกค่ายแทนซีฮู แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ ฉันยังสบายดี
[อูซังฮุน] ㅡㅡ
…สบายดีกับผีน่ะสิ ถูกลงโทษเพราะดันไปพูดจาเหลวไหลต่อหน้านายทหารวินัย
คำนึงจากอีโมติคอนที่อูซังฮุนส่ง เขาคงคิดแบบเดียวกับฉัน
[จางนัมอุก] ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ตอนนี้ในห้องพยาบาลมีเด็กอาการสาหัสกว่าฉันนอนอยู่ ไม่อยากทำให้อาการของตัวเองดูเป็นเรื่องใหญ่
[ฉัน] เด็กอาการสาหัส?
[จางนัมอุก] ใช่ ระหว่างที่ไปตรวจ ฉันได้ยินหมอคุยกันว่า เด็กคนที่นอนอยู่ใช้ไอเท็มฟื้นฟูครบขีดจำกัดประจำวันแล้ว ตอนนี้จึงต้องนอนรักษาแบบเก่า
[อูซังฮุน] ?
[จางนัมอุก] เห็นว่าเด็กคนนั้นแพ้การประลองมานะ
ฉันรู้แล้วว่าใคร
ไอ้เด็กปากสว่างที่โดซีฮูเล่าให้ฟัง
[จางนัมอุก] เขาคงเตรียมตัวสำหรับการสอบที่กำลังจะมาถึงน่ะ เพื่อนคนอื่นบอกว่า เด็กคนนี้ยังต้องฝึกอีกหลายยก สงสัยจะเป็นพวกชอบเอาชนะ คงกำลังฝึกหนักเพื่อหวังทำเกรดสูงๆ ในช่วงปลายภาคนั่นแหละ… เห็นแบบนี้แล้ว หัวหน้ากองร้อยอย่างฉันคงทำตัวเหลาะแหละไม่ได้
ดูเหมือนพวกนักเรียนนายร้อยปีหนึ่งจะรุมซ้อมเด็กปากสว่างผ่านการ ‘ประลอง’ อย่างสนุกมือ
จากนั้นก็ส่งไปรักษาแล้วกลับมาซ้อมต่อ
‘เหตุการณ์นี้อาจจำให้หมอนั่นขอลาออกจากกองร้อย… และตราบใดที่จางนัมอุกยังคงเป็นหัวหน้ากองร้อย คงไม่มีเรื่องทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีกแล้ว’
เพราะถ้าเกิดมีอีก แล้วคนในกองร้อยรู้เรื่องขึ้นมา ก็จะถูกซ้อมจนน่วมด้วยระบบ ‘ท้าประลอง’ แบบเดิม
อูซังฮุนไม่ได้พูดอะไรมากนัก คงสังเกตเห็นเหมือนกับฉัน
[จางนัมอุก] ฉันยังต้องไล่ตอบข้อความอีกเพียบเลย ไว้ว่างแล้วจะติดต่อไปนะ ขอบคุณพวกนายมากจริงๆ ถ้าไม่มีอึยชิน ป่านนี้ก็คงยังหาซีฮูไม่เจอ และฉันคงต้องคิดหาทางออกอยู่ตามลำพัง
[จางนัมอุก] ไว้เจอกันคราวหน้าจะเลี้ยงข้าวนะ!
[อูซังฮุน] ด (ได้)
[ฉัน] ได้สิ
แม้เรื่องนี้จะจบลงด้วยดี แต่จางนัมอุกที่เกือบพาตัวเองไปตายตามลำพัง จำเป็นต้องถูกลงโทษ
ฉันค้นหารายชื่อภัตตาคารหรูๆ เพื่อลงโทษเขาด้วยการสั่งอาหารอร่อยๆ ราคาแพง
* * *
วันถัดมา, หลังเลิกเรียน
อาคารชมรมทั่วไป, ในห้องกลุ่มย่อยสเทลเมตอันวุ่นวาย
“วันนี้ก็มีแข่งอีกแล้ว? หือ… จีโฮก็มาด้วย?”
“ฮะฮะฮะ! ถ้ารู้ว่าหมอนี่มีแข่ง เมื่อวานฉันคงมาดูด้วยแล้ว”
“…นายดูสนใจหมากรุกดีนะ เล่นเก่งหรือไง”
ได้ยินคำถามฮันอี วังจีโฮหัวเราะแฝงเลศนัย
ฮันอีขมวดคิ้วเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างซุกซน
เธอคงเอะใจว่า คนที่ทำได้ทุกอย่างแบบวังจีโฮ มีโอกาสสูงที่จะเล่นหมากรุกเก่ง
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปในห้องแข่งกันเถอะ! อ๊ะ… นั่นรุ่นพี่ย็อมจุนยอลนี่นา!”
ก่อนที่พวกเราจะเดินเข้าห้องแข่ง ย็อมจุนยอลกับชอนดงฮาปรากฏตัว
“สวัสดีครับรุ่นพี่!”
“…อา สวัสดี”
สีหน้าย็อมจุนยอลดูหมองลงเล็กน้อยเมื่อเห็นซาวอลเซอึม
ยงเจกอนที่สังเกตเห็นการความผิดปกติเล็กๆ นี้ มองสลับระหว่างย็อมจุนยอลกับซาวอลเซอึมสักพัก ก่อนจะหันไปคุยกับชอนดงฮา
“ดงฮาก็มาดูแข่งด้วยหรือ”
“ครับ ตอนแรกจินซึงโวยวายว่าจะตามมาด้วย แต่ผมกลัวว่าจะรบกวนการแข่ง ก็เลยบอกเขาว่าจะมาดูให้แทน”
ชอนดงฮา กรรมการรักษาระเบียบชั้นปีที่สอง คือเพลเยอร์ผู้มีความทรงจำระดับสัตว์ประหลาด
ถ้าได้อัจฉริยะผู้เป็นแชมป์หมากรุกปีที่แล้วอย่างเขาช่วยดูแทนและคอยอธิบาย มาจินซึงก็คงไม่คัดค้าน
“ไปนั่งกันเถอะ”
ย็อมจุนยอลชี้ไปทางโต๊ะหมากรุกข้างๆ
ถึงตรงนี้ คำถามหนึ่งผุดขึ้นในใจฉัน
‘ทำไมเขาเห็นวังจีโฮแล้วไม่มีปฏิกิริยาเลยล่ะ…’
ต่อให้ไม่รู้ว่าวังจีโฮคือเผ่าเสือ แต่ก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าเป็นเผ่าแท้
ราวกับวังจีโฮ ‘ไม่อยู่ในสายตา’ ของย็อมจุนยอลเลย
“พยายามเข้าล่ะ”
“…อื้อ”
แม้ชอนดงฮาจะพูดให้กำลังใจ แต่ย็อมจุนยอลดูตอบสนองแบบขอไปที
ก่อนจะเริ่มแข่ง เมื่อได้จับมือกับย็อมจุนยอล ฉันเริ่มได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากล
‘มือเย็นกว่าคราวก่อนมาก…’
อุณหภูมิร่างกายอาจยังสูงกว่าฉัน แต่มือของย็อมจุนยอลเย็นกว่าคนปกติ
ถ้าสภาพร่างกายไม่พร้อม เลื่อนการแข่งออกไปก่อนดีกว่าไหม?
ยงเจกอนที่เป็นกรรมการ ดูเหมือนจะคิดตรงกัน แต่ย็อมจุนยอลชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยเสียงสุภาพ
“โยนเหรียญเลยครับ”
แม้ยงเจกอนจะไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุด เขายอมตามใจลูกหลานมังกรที่เอ็นดูเหมือนน้องชาย
และผลการโยนเหรียญ
ย็อมจุนยอลเป็นฝ่ายเดินก่อน ฉันเดินทีหลัง
เมื่อผ่านช่วงต้นซึ่งฉันเปิดเกมด้วยซิซิเลี่ยนดีเฟนส์ (Sicilian Defense) มาได้อย่างราบรื่น เกมดำเนินไปสู่ช่วงกลาง
‘…หมากแบบนี้หมายความว่ายังไง จะสื่อถึงอะไร?’
หมากที่ไม่คาดคิดของย็อมจุนยอลถือเป็นการเดินที่แย่ ไม่ใช่ดี
‘เขาจะแก้เกมยังไง… เล่นแจกทั้งม้าทั้งเรือพร้อมกันแบบนี้’
แม้ย็อมจุนยอลจะยื่นมือมาขอจับกลางเกม แต่เขายังไม่ได้ยอมแพ้ ฉันจึงบุกใส่อย่างไม่ปรานี
เมื่อจำนวนตัวหมากลดลงเรื่อยๆ
ตั่ก!
วินาทีที่ย็อมจุนยอลกดหยุดนาฬิกาเพื่อส่งตาเดินมาให้ฉัน
ดวงตาของยงเจกอนกับผู้ชมต่างพากันเบิกกว้าง
ฉันไม่อยากเชื่อว่าย็อมจุนยอลจะเดินหมากนี้ จึงตรวจสอบอยู่หลายหน แต่ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่เปลี่ยน
‘ย็อมจุนยอลฆ่าตัวตาย…?’
ในกีฬาหมากรุกสากลจะมีสิ่งที่ห้ามทำอยู่จำนวนหนึ่ง
เช่นเดินคิงมาให้กิน หรือเดินหมากตัวอื่นหนีคิง จนคิงของตัวเองโดนกิน
จริงอยู่ หากว่า ‘ทุกหมากที่สามารถเดินได้’ ล้วนเป็นการฆ่าตัวตาย เกมจะจบลงแบบ ‘สเทลเมต’ หรือผลเสมอ
แต่หมากของย็อมจุนยอลยังเดินได้มากกว่านั้น
ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเดินหมากฆ่าตัวตายจะถือว่าแพ้ฟาวล์
‘ลืมดู…?’
หมากรุกสากลเป็นเกมของมารยาทและการให้เกียรติ
ฉันพูดอะไรไม่ได้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้เอง
จึงตัดสินใจเงยหน้าแล้วจ้องไปทางย็อมจุนยอล
“…?”
อีกฝ่ายสัมผัสถึงสายตาของฉัน จึงเงยหน้ามองตอบ
ฉันกลอกตาไปหาคิงของเขา
ย็อมจุนยอลเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เห็นคิงตัวเอง
“…ฉันแพ้แล้ว”
เขายื่นมือเย็นๆ ออกมาขอจับ
ลูกบาศก์มิติของยงเจกอนค่อยๆ สลายตัวพร้อมกันส่งเสียง ความวุ่นวายจากภายนอกเริ่มดังเล็ดลอดเข้ามา
คงเพราะมีแฟนๆ ไม่น้อยตามมาเชียร์หลังจากได้ยินว่าย็อมจุนยอลจะแข่ง เสียงซุบซิบจึงดังระงมจากทุกทิศโนlวลกูดอทคoม
“หือ? เกิดอะไรขึ้นน่ะ อึยชินยังคงไม่ได้รุกเลยนี่”
“โชอึยชินชนะเกมนี้แล้ว ลูกหลานมังกรแพ้ฟาวล์น่ะ”
“แพ้ฟาวล์?”
“ดูตำแหน่งที่ขุนเดินออกมาให้ดีสิ…”
วังจีโฮกำลังอธิบายให้ซาวอลเซอึมกับฮันอีเข้าใจผ่านโฮโลแกรม
ยงเจกอนเดินเข้ามาใกล้พวกเราด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วพูดกับย็อมจุนยอล
“จุนยอล วันนี้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“อ…เอ่อ… เกมนี้จบเร็วกว่าปกติ น่าจะยังมีเวลาเหลือใช่ไหมครับ… อึยชิน ขอแข่งอีกรอบเถอะนะ…!”
ปาซ! ปัซ! ปัซ!
ยงเจกอนใช้ศาสตร์แห่งมิติ คลุมกระดานหมากรุกทุกแผ่นในห้องด้วยลูกบาศก์มิติสีหยก
คลื่นพลังวิเศษอันทรงพลังพลันแผ่ขยาย ทำเอาบรรยากาศในห้องชมรมเงียบสงัดราวกับน้ำนิ่ง
ดูเหมือนยงเจกอนจะปิดกั้นเสียงจากผู้ชมอีกครั้ง
“ในสภาพนี้น่ะหรือ? มันเสียมารยาทกับคู่แข่งนะ”
“พี่เจกอน…”
“ตอนนี้ยังอยู่ในโรงเรียน ต้องเรียกข้าว่าครู”
“…ขอโทษครับ”
บางครั้งยงเจกอนก็ต้องเข้มงวดกับย็อมจุนยอล
แต่เมื่อย็อมจุนยอลหันหลังกลับ มังกรพิสดารแอบทำหน้าเศร้า
ดูเหมือนจะเสียใจกับคำพูดเมื่อครูของตน ที่ทำให้ย็อมจุนยอลต้องเจ็บปวด
“ขอโทษนะอึยชิน ถ้าไม่ถือสา ช่วยนัดแข่งกับฉันอีกได้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะหาวันนัดให้”
“ขอบคุณนะ”
ย็อมจุนยอลยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนแรงแล้วเดินจากไป
ยงเจกอนยกเลิกศาสตร์แห่งมิติแล้วเดินตามไปด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรงยิ่งกว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับรุ่นพี่ย็อมจุนยอลกันนะ”
“หืม…”
ซาวอลเซอึมกล่าวด้วยเสียงเจือความกังวล วังจีโฮที่เห็นเหตุการณ์ทำตาเป็นประกายทันที
ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่วังจีโฮจะขุดคุ้ย
“รีบไปกันเถอะ ฉันต้องไปชอปปิ้งให้ยูรีก่อน”
“จริงสิ วันนี้กือรินกับแดซอกก็มาด้วย ซื้อขนมเพิ่มกันเถอะ!”
“ลูกอมที่ได้แถมมาเมื่อวานอร่อยสุดๆ ไปเลย! ซื้ออันนั้นด้วยนะ”
วันนี้ฉันตัดสินใจจะพาเด็กๆ ไปร้าน MITRON อีกครั้ง โดยอ้างว่าเป็นการเลี้ยงขอบคุณที่มาเชียร์
เมื่อได้ยินว่าฉันจะไปซื้อขนม วังจีโฮแสยะยิ้มแล้วเสนอว่า เขาจะไปเอาขนมหรูๆ จากร้านขนมในวังมยองทาวเวอร์มาให้แทน
ฉันไม่ขัดข้อง เพราะเผ่าเสือรายนี้เลือกขนมเก่ง อีกทั้งยังเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้องจากใจจริง
หลังจากชอปปิ้งเสร็จ พวกเรามาถึงบ้านคิมยูรี
“ยินดีต้อนรับ!”
คิมยูรีทักทายด้วยเสียงร่าเริงกว่าปกติหลายเท่า
แต่บรรยากาศในห้องนั่งเล่นค่อนข้างซบเซา
เม็งเฮียวทงกำลังนั่งทำหน้ากระอักกระอ่วน
ควอนเลนายิ้มเขินๆ พลางโบกมือ
ฉันสัมผัสถึงความไม่เข้ากันของบรรยากาศ
‘ไม่เห็นมินกือรินเลย กลับบ้านไปแล้วหรือ’
แต่ซงแดซอกยังนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงมุมห้อง
เป็นเครื่องยืนยันว่ามินกือรินยังไม่กลับ
เพราะถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ ซงแดซอกก็คงเก็บของกลับไปนานแล้ว
มองไปรอบห้องสักพัก ฉันหันไปถามคิมยูรี
“เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“จะอธิบายยังไงดี… เอ่อ… แดซอกกับกือรินทะเลาะกันน่ะ”
* * *
สวนทะเลสาบโซลตะวันตก
ตึกทีมทะเลสาบนิรันดร์
สมาชิกทีมกำลังเดินขวักไขว่อยู่หน้าทางเข้าอาคาร
พวกเขาท่องจำบทที่เขียนไว้ในโฮโลแกรม พลางตรวจสอบการเคลื่อนไหวของตัวเอง
“เห็นทีต้องจ้างนักเขียนบทมืออาชีพแล้วมั้ง… อีกนานแค่ไหนกว่าจะเสร็จเนี่ย”
“ใช้ไอเท็มฟื้นฟูไปตรงๆ ยังจะดูเป็นธรรมชาติกว่าอีกมั้ง”
“หมอประจำทีมแสดงได้ห่วยแตกมาก แข็งเป็นท่อนไม้เลย”
ปัจจุบัน ตึกทีมทะเลสาบนิรันดร์ถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์
ความโกลาหลเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคำพูดของหัวหน้าทีมควอนเจอิน
— คราวหน้าที่เลนาแวะมา ฉันจะใช้ไอเท็มแก้คำสาป เพื่อรักษาคำสาปสาบานให้เงียบของเธอ
สมาชิกทีมทำหน้างุนงงในตอนต้น แต่ไม่นานก็ทวีความโกรธแค้นเมื่อได้ยินเกี่ยวกับคำสาปสาบานให้เงียบสองชั้นของควอนเลนา
จาเร็ดลีอาจล่วงรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่พอได้ยินก็ต้องเดือดดาลอีกครั้ง ถึงขั้นอยากไปหาพ่อแม่บุญธรรมของควอนเลนาเพื่อระบายอารมณ์
จากนั้น เขาเรียกประชุมทีมเพื่อขัดขวางมิให้ควอนเจอินใช้ไอเท็มแก้คำสาปอย่างกระโตกกระตาก
ผลของการประชุมก็คือ พวกเขาตัดสินใจเล่นละครเพื่อ ‘บังเอิญใช้ไอเท็มแก้คำสาปใส่ควอนเลนาโดยไม่ตั้งใจ’
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของละครที่กำลังซักซ้อมกัน
“เอาล่ะ เริ่มซ้อมอีกรอบ!”
ได้ยินสัญญาณจากจาเร็ดลี สมาชิกทีมเริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น
แต่การซ้อมแทบไม่คืบหน้า เพราะผู้กำกับอย่างจาเร็ดลีไม่พอใจและสั่งให้แสดงใหม่เรื่อยๆ
‘ยังอีกนานกว่าจะถึงคิวเราสินะ’
ควอนเจอินยืนมองทุกคนจากด้านนอกตึก จากนั้นก็หันไปทางทะเลสาบอย่างเงียบงัน
ปัจจุบันเป็นช่วงบ่ายแก่ๆ ของฤดูร้อน แสงแดดจึงยังพอมีอยู่
ผ่านไปสักพัก ทิวทัศน์พระอาทิตย์ตกดินเริ่มปรากฏให้เห็น
ขณะยืนชื่นชมแสงอัสดงสะท้อนบนผิวน้ำ หญิงสาวตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล
อาจเป็นเพียงความรู้สึกบางๆ แต่ควอนเจอินค้นพบมันได้ในทันที
‘เกล็ดผีเสื้อ…!’
เมื่อนึกถึงเผ่าผีเสื้อ ควอนเจอินรู้สึกเหมือนลำไส้กำลังถูกแผดเผา
เธอวิ่งไปบนผิวทะเลสาบเพื่อไล่ตามเกล็ดเหล่านั้น
หลังจากวิ่งมาไกลจนอยู่ห่างจากตึกทีมพอสมควร
ควอนเจอินเห็นเงารางๆ ในเดรสที่ชายผ้าสะบัดพลิ้ว
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
น้ำเสียงของควอนเจอินสั่นเครือ แต่ร่างกายอาบด้วยคลื่นพลังวิเศษสีน้ำเงินอันคมกริบราวกับใบมีด
“โบราณกล่าวไว้ว่า นกจะแอบฟังตอนกลางวัน และหนูจะแอบฟังตอนกลางคืน… แต่ข้าไม่ชอบทั้งนกและหนู จึงมาเยือนในช่วงเวลาที่มิใช่ทั้งกลางวันและกลางคืน”
ร่างจริงของเผ่าผีเสื้อมิได้อยู่ใต้ละอองเกล็ดเหล่านั้น
ถึงจะโจมตีไปสุดแรงก็ไม่เกิดประโยชน์
ควอนเจอินเริ่มใจเย็นลง พลางค่อยๆ สลายคลื่นพลังวิเศษ
“ฉันไม่อยากฟังอะไรจากเธอ ถ้ามีอะไรก็ไปบอกเผ่าเสือสิ”
“ทางนั้นมี ‘ตา’ อยู่เพียบเลยล่ะ”
“งั้นฉันจะส่งจาเร็ดมาคุยแทน”
ก่อนที่ควอนเจอินจะหันหลังแล้วเดินจากไป เผ่าผีเสื้อกล่าวเสียงสดใส
“เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย… ได้ยินว่าท่านผู้นั้นจะเลือก ‘เครื่องเซ่น’ จากนักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนแสงเงินล่ะ”
ควอนเจอินค่อยๆ สูดลมหายใจ
ลำไส้ที่เคยลุกไหม้รู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง
‘รู้เรื่องเลนาด้วย…?’
คำพูดของเผ่าผีเสื้อ ทำเอาหญิงสาวเผลอนึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัว
‘…แล้วก็… ท่านผู้นั้น… เครื่องเซ่น?’
นัยน์ตาสีฟ้าของควอนเจอินเริ่มพร่ามัว