MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> A Senior’s Request/คำขอของรุ่นพี่ (2)
โรงเรียนแสงเงิน, หน้าทางเข้าหลัก
ช่วงเวลานี้ไม่มีนักเรียนเดินผ่านเข้าออก เนื่องจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
เมื่อหอนาฬิกาซึ่งกำลังส่องแสงสลัว ขยับเข็มมายังตัวเลขที่ฉันนัดหมายไว้กับฮงกยูบิน
“ขอโทษที่ให้รอ! อึยชิน ขึ้นมาได้เลย!”
เพลเยอร์คาร์คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าทางเข้า
เสียงของฮงกยูบินดังผ่านกระจกหน้าต่างที่เปิดลง
เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเขาพูดด้วยเสียงร่าเริงขนาดนี้
‘ก็ทุกทีเจอกันแต่ตอนทำงานนี่นะ’
ฮงกยูบินผู้แต่งตัวเนี้ยบอยู่เสมอ มักมีดวงตาอิดโรยหรือไม่ก็แดงก่ำ
แต่วันนี้กลับสดใสจนดูผิดธรรมชาติ
โดยเฉพาะเมื่อชำเลืองเห็นถุงกระดาษที่มีนิตยสารฉบับพิเศษใส่ไว้
“คุณคงงานยุ่งมาก ไม่พักผ่อนจะดีหรือ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีแผนจะไปดื่มกับคนในทีมอยู่แล้ว มากับเธอผ่อนคลายกว่าตั้งเยอะ”
“อ้อ… งานเลี้ยงทีม?”
ถ้าเจ้านายไม่ไปร่วมงาน ลูกน้องจะไม่ว่าอะไรหรือไง
“เปล่า… ก็แค่นั่งดื่มกันสามคน… อีกสองคนเธอเคยเจอแล้ว”
“หมายถึงคนที่เจอในหอสมุดโรงเรียน?”
“ใช่… ผู้ช่วยยุนมีสภาพจิตใจย่ำแย่นับตั้งแต่เลิกกับแฟนสาว ตอนแรกฉันแค่จะเลี้ยงเครื่องดื่ม แต่ตอนนี้ฝากการ์ดเอาไว้แล้วมาหาเธอแทน”
หมายความว่า ผู้ช่วยยุนกับเจ้าหน้าที่จองต้องนั่งดื่มกันสองคน?
ฉันนึกถึงพฤติกรรมอยู่ไม่สุขของเจ้าหน้าที่จอง
สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายถ้าไม่มีฮงกยูบินเป็นตัวกลาง
ชักไม่แน่ใจแล้วว่า ผู้ช่วยยุนจะมีความสุขกับมื้อนี้ไหม
‘ผู้ช่วยยุนดูเป็นคนตรงๆ ดี’
เมษายนที่ผ่านมา
ขณะสะสางคดีในหอสมุดกลาง เจ้าหน้าที่จองโพล่งขึ้นมากะทันหัน เกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ช่วยยุนถูกแฟนสาวทิ้ง
ผู้ช่วยยุนยังใจสลายมาจนถึงตอนนี้?
‘คงรักมากสินะ’
อย่าว่าแต่ช่วยปลอมประโลมเลย เจ้าหน้าที่จองคงเป็นได้แค่ตัวน่ารำคาญสำหรับเขา
การปล่อยให้สองคนนั้นไปดื่มด้วยกัน เป็นความคิดที่ดีแน่แล้วหรือ
“ชมรมหนังสือพิมพ์ทำกันเองสินะ… สุดยอดจริงๆ … มีรูปตอนหนุ่มเยอะขนาดนี้เชียว… พวกเธอไปหาของแบบนี้มาจากไหนกัน”
ระหว่างที่ฉันนั่งลงบนเบาะข้างคนขับ พลางคาดเข็มขัดนิรภัย
ฮงกยูบินผู้กำลังเปิดอ่านนิตยสาร อุทานออกมาเป็นพักๆ
ใบหน้าของเขาซึ่งกำลังไล่อ่านจากสารบัญ ไม่หลงเหลือร่องรอยความอิดโรย
“มีชิปโฮโลแกรมด้วยแฮะ… แถมมีบางหัวข้อในสารบัญที่ฉันก็ไม่เคยเห็นมาก่อน… ครูเคยสัมภาษณ์อันนี้ด้วยหรือ… จริงสิ คงเป็นตอนที่ฉันยุ่งกับงานจนไม่ว่างตามข่าว”
อย่าบอกนะว่า ฉันต้องนั่งฟังฮงกยูบินรีวิวนิตยสารจนจบเล่ม
ขณะเริ่มคิดหาทางเบี่ยงประเด็น อีกฝ่ายถอนสายตาจากหนังสือ
“พวกเราจะไปไหนกันดี… ชอปปิ้งไหม หรือว่ากินข้าวเลย?”
ฉันไม่ต้องการไอเท็มอะไรเป็นพิเศษ และยังนึกเมนูที่อยากกินไม่ออก
ขณะเตรียมจะเปิดแอปฯ สุ่มเมนูอาหาร ฮงกยูบินเสนอตัวพาไปภัตตาคารที่รู้จัก
เขาถามให้แน่ใจว่าฉันแพ้อาหารบ้างไหม จากนั้นก็กรอกปลายทางลงในเนวิเกชั่น แล้วขยับเพลเยอร์คาร์ด้วยโหมดควบคุมเอง
เมื่อการซิ่งรถระยะสั้นจบลง
‘ไม่มีป้ายสักแผ่น’
จุดที่ฮงกยูบินขับรถมาจอด คือลานจอดหน้าบ้านหลังคากระเบื้องหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านพุกชนฮันอก
ถึงลานจอดจะดูกว้างมาก แต่กลับไม่เห็นร่องรอยของภัตตาคารเลย
‘หลังรั้วนั่นมีสัญญาณของคลื่นพลังวิเศษ…’
หลังจากเดินเลียบแนวกำแพงสูงมาเรื่อยๆ ฉันเห็นประตูรั้วบานใหญ่
หน้าประตูตกแต่งด้วยโคมหุ้มกระดาษสีน้ำเงินสลับแดง
ครืด—!
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านฮงกยูบิน”
เมื่อฉันหยุดยืนหน้าประตูพร้อมกับฮงกยูบิน ประตูรั้วเปิดออกโดยมีสาวงามในชุดฮันบกยืนรอต้อนรับ
จากเท่าที่สังเกต ฮงกยูบินแวะมาโดยไม่ได้จองล่วงหน้า
หมายความว่าเขาคือ VIP ของที่นี่
‘คงเป็นภัตตาคารอาหารเกาหลีสำหรับสมาชิกเท่านั้น หากไม่มีเส้นสายหรือความมั่งคั่งก็จะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าร้าน’
ฮงกยูบินอาจมีชาติตระกูลดีกว่าที่ฉันเคยเข้าใจ
หลังจากเดินตามพนักงานที่ถือโคมไฟกระดาษหลากสี ไม่นานก็เห็นศาลาสำหรับนั่งห้อยขา
หนึ่งศาลาน่าจะเตรียมไว้สำหรับแขกหนึ่งโต๊ะ
ฮงกยูบินผู้หย่อนก้นลงบนเบาะผ้าไหมในห้องสไตล์เกาหลี หันมาพูดกับฉัน
“ที่นี่มีเมนูแค่อย่างเดียว แต่จะเปลี่ยนไปทุกวัน”
ตามที่ฮงกยูบินบอก ร้านนี้ไม่มีเมนูให้เลือกสั่ง
ทันทีที่นั่งกันเสร็จ อาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟทันที
จากหลักคือไก่ตุ๋นโสมที่เลือกใช้ไก่ดำ
ความยอดเยี่ยมของวัตถุดิบก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าทึ่งคือเนื้อไก่ซึ่งถูกเตรียมมาอย่างประณีตทุกชิ้น
“ค่อยๆ กินไปคุยไปเถอะ ที่นี่มีระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเลิศ เหมาะแก่การนั่งพูดคุย”
ของหวานคือเจโฮทัง
เครื่องดื่มแบบดั้งเดิมที่เกิดจากการนำบ๊วยตากแห้ง ไปต้มกับเมล็ดซาอีนและเมล็ดโชพาในน้ำผึ้ง
“คดีปาร์ตี้บนเรือเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ตามที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง การดัดแปลงบันทึกของดาวเทียมเพลเยอร์นั้นค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็…”
ฮงกยูบินอธิบายอย่างรวบรัด เกี่ยวกับการตอบสนองของสมาคมเพลเยอร์
ทั้ง TC และจูโอกรุปดูจะพยายามขุดคุ้ย สมาคมจึงขยับตัวได้ลำบาก
‘แต่ถ้าเป็นแบบนี้ แม้แต่จอมบงการก็คงไม่พบความผิดปกติ… หรืออย่างน้อยก็ในเร็วๆ นี้’
หนอนบ่อนไส้ที่จอมบงการทิ้งเอาไว้ในสมาคม ถูกกวาดล้างไปพร้อมกับคดีมายาเกตแล้ว
ถึงจะพยายามขุดคุ้ย แค่ก็ทำได้แค่จากภายนอก
“เหมือนที่อึยชินบอก ถ้าวันนั้นเราไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ป่านนี้ฉันคงยังนั่งทำ OT อยู่เลย ฮะฮะฮะ!”
ขณะพูด ความแวววาวหายไปจากดวงตาฮงกยูบินชั่วขณะ
เขายังมีงานต้องทำอีกมากในอนาคต ฉันจึงโยนแคร์รอตให้บ้าง เพื่อจะได้ไม่ห่อเหี่ยวจนเกินไป
‘ฮงกยูบินดูเป็นคนมีฐานะ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เป็นแคร์รอตให้เขาได้ คือครูจูเก่อแจกอล’
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนระหว่างทั้งสองยังมีปัญหาที่ฉันเข้าไม่ถึง
คงต้องจับตามองไปก่อน
ข้ามไปที่ประเด็นถัดไป
“ผมอยากฟังเกี่ยวกับเด็กเจ้าเล่ห์… เผ่าหนูที่เคยพูดถึง”
ใบหน้าฮงกยูบินแข็งกระด้างทันทีที่ได้ยินคำว่าเด็กเจ้าเล่ห์
“หมายถึงเผ่าแท้ที่น่ารำคาญและชอบเกาะแกะนั่นใช่ไหม”
น่ารำคาญและชอบเกาะแกะ… ไม่ใช่คำที่ฮงกยูบินมีสิทธิ์นำไปด่าคนอื่น
“อยู่มาวันหนึ่ง เผ่าหนูนั่นเริ่มสนใจอดีตของฉัน และเมื่อสืบรู้ว่าฉันมีสกิลนิมิต ทางนั้นก็ยิ่งตื๊อหนัก”
อดีตของฮงกยูบิน?
เมื่อลองมานึกดู วังจีโฮเคยพูดว่าอดีตก่อนจะมาเป็นเพลเยอร์ของฮงกยูบินนั้นน่าสนใจ
จนถึงกับต้องตามสืบอยู่หลายครั้ง
ฮงกยูบินอาจไม่รู้ว่า เขาเกือบจะมี ‘เผ่าแท้ที่น่ารำคาญและชอบเกาะแกะ’ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง
“สุดท้ายฉันก็ทนความรำคาญไม่ไหว จึงยอมรับพรคุ้มครองจากเขา… แต่หลังจากนั้นชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้น ตรงข้ามกัน มีแต่เรื่องปวดหัวเข้ามาไม่ขาดสาย… บางทีการเลือกรับพรคุ้มครองจากเด็กเจ้าเล่ห์ อาจเป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตฉันเลย”
ฮงกยูบินพูดพลางถอนหายใจยาว
“เด็กเจ้าเล่ห์หลงใหลมนุษย์ที่มีอดีตดราม่า เป็นเผ่าแท้ที่คลั่งมนุษย์ที่สุดเท่าที่ฉันรู้จัก… ทุกครั้งที่เขาพูดว่า ‘ข้าล่ะชอบเรื่องแบบนี้จริงๆ’ ด้วยคำสุภาพ ฉันมักจะขนลุกไปทั้งตัว… ยิ่งถ้าเป็นมนุษย์ที่มีพลังวิเศษน่าสนใจ เขาก็จะยิ่งตามตื๊อไม่เลิก”
อดีตดราม่า
พลังวิเศษน่าสนใจ
ชื่อแรกที่ผุดขึ้นในหัวฉันคือควอนเจอิน
ประวัติครอบครัว พรสวรรค์ และพลังวิเศษของควอนเจอิน
คงโดนเส้นเด็กเจ้าเล่ห์เข้าอย่างจัง
‘อย่างที่คิด วันนั้นเด็กเจ้าเล่ห์อยู่ในห้องของควอนเจอินด้วย’
ขณะกำลังครุ่นคิด ฮงกยูบินลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าว
“ดูเหมือนพักหลังเด็กเจ้าเล่ห์จะยุ่งอยู่กับบางสิ่ง ฉันไม่แนะนำให้เธอออกนอกบาเรียของโรงเรียนแสงเงินนานนัก… กลับกันเถอะอึยชิน ถ้าต้องการอะไรก็ติดต่อมาได้ทันทีเลยนะ!”
ฮงกยูบินเสริมทิ้งท้ายอีกหนึ่งประโยค
“แล้วก็… ถ้ามีโอกาสผลิตนิตยสารดีๆ แบบนี้ออกมาอีก อย่าลืมสำรองให้ฉันหนึ่งชุดนะ”
ทำไมถึงได้พูดเหมือนคู่หูกึมชานวังชานเปี๊ยบเลยล่ะ
หลังจากแยกกับเขา ฉันกลับถึงหอพักและเตรียมตัวเข้านอน
ขณะกำลังจะหลับ ɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ
ฮงกยูบินกระหน่ำส่งข้อความเข้ามาราวกับพายุ
[ฮงกยูบิน] อึยชิน!
[ฮงกยูบิน] อันนี้เป็นฉบับตีพิมพ์ครั้งที่สองสินะ ตีพิมพ์ครั้งแรกอยู่ไหน!
[ฮงกยูบิน] ทั้งสามเล่มเป็นฉบับตีพิมพ์ครั้งที่สอง…!
[ฮงกยูบิน] จะคิดค่านายหน้าเท่าไรก็ได้ ขายต่อให้ฉันเถอะนะ!
[ฮงกยูบิน] อึยชิน! ㅠㅠ!
ภาพจำของฮงกยูบินค่อยๆ ซ้อนทับกับเด็กห้อง 2/0 ผู้คลั่งไคล้ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก
ทำไมลูกศิษย์ของจูเก่อแจกอลถึงออกมาทรงนี้หมด
แต่ถึงจะอยากช่วย ทางนี้ก็จนปัญญาหาจะหาฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกเหมือนกัน
ฉันผล็อยหลับไปโดยไม่แยแสข้อความน่ารำคาญจากฮงกยูบิน ผู้อ้อนวอนขอช่องทางติดต่อประธานชมรมหนังสือพิมพ์
* * *
เช้าวันถัดมา
นอกจากพายุข้อความของฮงกยูบิน ยังมีระเบิดอีกหนึ่งลูกถูกทิ้งใส่ฉัน
‘อะไรกันเนี่ย…’
สมาคมปีกธรณีที่รับพัสดุแทนฉัน ได้โทรติดต่อมาตั้งแต่เช้า
เมื่อเปิดประตูห้องพัก ฉันเห็นกล่องวางเรียงกันจนสูงท่วมหัว
บนกล่องมีโลโก้ของ ‘ขนมต็อกกระต่ายจันทร์’ ถูกประทับไว้
ทั้งหมดคือเซตขนมต็อกกระต่ายจันทร์ที่อ๊กโทยอนส่งมา
[อ๊กโทยอน] ท่านผู้มีพระคุณ ตกใจใช่ไหมล่ะ
[อ๊กโทยอน] ข้าไม่ทราบว่าท่านผู้มีพระคุณชอบรสไหน ก็เลยส่งขนมต็อกทุกแบบที่ทางร้านมีขายไป
[อ๊กโทยอน] ท่านผู้มีพระคุณจะต้องชอบอย่างน้อยหนึ่งรสแน่นอน!
[อ๊กโทยอน] ท่านผู้มีพระคุณ กินเสร็จหรือยัง ชอบอันไหนมากที่สุด? ข้าชอบรสซูรีชวี!
[อ๊กโทยอน] ท่านผู้มีพระคุณ, ท่านผู้มีพระคุณ…
[อ๊กโทยอน] ทำไมถึงไม่ตอบข้าล่ะ? ㅡㅡ
[อ๊กโทยอน] ข้าถามว่าท่านชอบรสอะไร!
ยังไม่ทันได้แกะกล่องพัสดุ อ๊กโทยอนก็ถล่มถามเข้ามาอย่างล้นหลาม
…ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าเราไม่ตอบ เธอจะยิ่งสร้างความรำคาญมากกว่านี้
ฉันขอบคุณกลับไปพอเป็นพิธี แล้วบอกว่าจะกินอย่างดี จากนั้นก็ปิดการแจ้งเตือน
‘คงกินคนเดียวไม่ไหวแน่’
ฉันเลือกหยิบเซตขนมต็อกสุ่มๆ แล้วถือเดินไปเรียน
ไม่นานก็มาถึงห้องเรียนปี 1/0
ใครบางคนมาถึงก่อนฉัน
“สวัสดีอึยชิน! วันนี้ฉันทำไซรัปบลูเบอร์รีมา กินด้วยกันเถอะ!”
ควอนเลนาในเครื่องแบบฤดูร้อน
เธอกำลังจัดถังน้ำแข็ง
ถ้ากินขนมต็อกเสร็จก็คงจะหิวน้ำ ค่อนข้างบังเอิญที่อีกฝ่ายเตรียมเครื่องดื่มเอาไว้พอดี
ฉันช่วยกันจัดโต๊ะกับเธอสองคน
ควอนเลนาผู้แบ่งไซรัปบลูเบอร์รีใส่แก้วกระดาษ ถอนหายใจเงียบๆ
“เฮ้อ… ทำไมถึงดูเหมือนสีม่วงมากกว่าสีน้ำเงินไปได้… อึยชินก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่”
ได้ยินคำตอบของฉัน ควอนเลนาทำหน้าผิดหวัง
แต่ไหนแต่ไร สีของบลูเบอร์รีจะใกล้กับม่วงเข้มจนเกือบดำอยู่แล้ว มิใช่สีน้ำเงินเหมือนชื่อ
หากต้องการสีน้ำเงินสดใส เครื่องดื่มบลูเบอร์รีจำเป็นต้องใส่สีผสมอาหาร
“สุดสัปดาห์นี้จะได้เจอรุ่นพี่ควอนเจอินแล้ว คราวก่อนฉันได้รับของขวัญล้ำค่ามา ก็เลยอยากเตรียมอะไรไปตอบแทน… ทำยังไงดีล่ะเนี่ย”
เธอคงอยากเตรียมของขวัญให้สอดคล้องกับฉายาของควอนเจอิน ‘บลูไวโอลินิสต์’
จะบอกว่าบลูไวโอลินิสต์คนนั้นน่ะ ขอแค่เธอกดน้ำก๊อกไปให้ อีกฝ่ายก็จะดื่มอย่างมีความสุข
แต่ถ้าจำไม่ผิด ควอนเจอินชอบรสบลูเบอร์รีสินะ
ในวันที่นัดพบควอนเจอิน อาหารเพียงชนิดเดียวที่เธอหยิบคือเยลลีรสบลูเบอร์รี
“ไม่ต้องห่วง รุ่นพี่ควอนเจอินชอบบลูเบอร์รี”
“หือ? จริงหรือ”
ควอนเลนาที่กำลังหดหู่ เงยหน้าขึ้นด้วยความร่าเริง
“โล่งอกไปที!”
ได้เห็นเธอดีใจ ฉันเองก็ดีใจ
ไม่นานเด็กคนอื่นๆ ก็ทยอยมาถึงห้อง แล้วช่วยกันเสนอไอเดียหลังจากได้ฟังเรื่องราว
ความเห็นที่น่าสนใจที่สุดเป็นของหัวหน้าห้องอัจฉริยะ คิมยูรี
“เตรียมอย่างอื่นนอกจากไซรัปบลูเบอร์รีไปด้วยสิ! ถ้าอยากได้สีน้ำเงิน ฉันแนะนำบลูคูราโซ *”
(*คูราโซ (Curaçao) เหล้าหวานหรือลิเคียวร์ชนิดหนึ่ง ซึ่งกลั่นและตกแต่งกลิ่นรสจาก “เปลือกส้มลาราฮา” (Laraha) ตากแห้ง ส้มขนาดเล็กชนิดหนึ่งซึ่งเปลือกมีรสหวานปนขม และปลูกบนเกาะคูราโซ)
“บลูครูราโซ? นั่นมันเหล้านี่”
“บลูคูราโซมีทั้งแบบแอลกอฮอล์ และแบบไซรัปที่ใส่น้ำตาลแทน”
ได้ฟังคำอธิบายรวบรัดจากคิมยูรี ควอนเลนาตัดสินใจทำไซรัปสีน้ำเงินอีกหนึ่งรส
“ต่อให้รุ่นพี่ไม่กล้ากินเครื่องดื่มชงเอง แต่แค่นำไปใส่ขวดแก้วก็สวยมากแล้ว ใช้เป็นอาหารตาแทนได้”
“บลูคูราโซ… ฉันจะไปซื้อวันนี้เลย!”
“ฉันเคยซื้อเก็บไว้ตอนที่ตกแต่งโฮมคาเฟ่ มาลองทำที่บ้านฉันไหม”
“หือ… ได้จริงหรือ? คุณยูรีคนสวย!”
ดูเหมือนคิมยูรีจะถนัดทำอาหารมากกว่า ควอนเลนาจึงเชื่อฟังคำแนะนำ
ฮันอีกับซาวอลเซอึมเองก็สนใจ คิมยูรีจึงเปิดคาบสอนชงเครื่องดื่มที่บ้านหลังเลิกเรียน
“เอ่อ… ฉันไปด้วยได้ไหม… แต่ถ้าครอบครัวเธออยู่กันหลายคนก็ไม่เป็นไร”
คิมยูรียิ้มตอบมินกือรินผู้ซักถามด้วยสีหน้าลังเล
“ได้อยู่แล้ว! ช่วงนี้บ้านฉันไม่มีใครอยู่ จะนอนค้างก็ได้นะ!”
“อ…เอ่อ… มีคนที่ฉันนัดกินมื้อเย็นด้วยแล้ว คงนอนค้างไม่ได้น่ะ”
ได้ยินบทสนทนา ฉันนึกไปถึงเนื้อเรื่องในเกม
‘พ่อของคิมยูรีต้องนอนโรงพยาบาล ส่วนแม่ก็คอยไปดูแล’
ภายในเกม จิตใจคิมยูรีเริ่มแตกสลายนับตั้งแต่ช่วงสอบปลายภาคของปีหนึ่งเทอมหนึ่ง
จากนั้นก็พังทลายโดยสมบูรณ์ เนื่องด้วยเหตุการณ์ระหว่างปิดเทอมฤดูร้อน
‘จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด’
มองไปทางคิมยูรีผู้กำลังยิ้มร่าเริงในกลุ่มเพื่อน ฉันขบคิดหาทางออก
โดยพยายามไม่แยแสสายตาเปล่งประกายของวังจีโฮที่กำลังจ้องมองมา ราวกับสังเกตเห็นพิรุธบนใบหน้าฉัน
—
MasterGU.edited = เธอดี->เธอดีใจ