MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Voice of Weapons/เสียงของอาวุธ (2)
〈ท่านใช้แสงประทาน ‘เส้นทางเพลเยอร์’ 〉
ขณะเรียกใช้เส้นทางเพลเยอร์ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันทุกรูปแบบ
หน้าต่างระบบแสดงขึ้นตรงหน้าพร้อมกับกะพริบแสง
‘หน้าต่างไอเท็มกะพริบทำไม…’
เมื่อเปิดหน้าต่างไอเท็มดู ฉันเห็นชื่อของไอเท็มหนึ่ง กำลังส่องแสงท่ามกลางรายชื่อจำนวนมากที่ถูกจัดเรียง
คราดซ่างเป่าซินจิน
คราดที่ฉันชิงมาจากตือหงอเหนง—ผู้นำเผ่าหมู
‘อย่าบอกนะว่า พลังโชคชะตาหมายถึงคราดนี่…’
เมื่อฉันนำคราดซ่างเป่าซินจินออกมา แล้วเปลี่ยนให้เป็นวัตถุ
ซี่ที่เก้าของคราดพลันส่องแสง
วาบ!
ขณะฉันหลับตาปี๋เพราะถูกแสงแยง ฉากรอบตัวได้เปลี่ยนไป
มิติสีขาวที่ว่างเปล่า
เหมือนกับมิติที่ฉันเคยได้ยินเสียงของคราดซ่างเป่าซินจิน
แต่มีหนึ่งสิ่งต่างออกไป
‘นั่นมัน…’
เงาที่พร่ามัวเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างอยู่ตรงหน้า
เงานั้นสวมผ้าคลุมศีรษะปิดลงมาถึงปลายจมูก
เครื่องแต่งกายมีสัญลักษณ์หยิน-หยางถักอยู่
ในมือถือแส้หางม้าของพระสงฆ์
สถานการณ์แบบนี้…
เมื่อลองรวบรวมข้อมูล ก็เดาได้ไม่ยากตัวจริงของเงาเป็นใคร
“ท่านเต้าเต๋อเทียนจุน… ไท่ซ่างเหล่าจวิน?”
เงานั้นพยักหน้ารับ
บุคคลผู้สร้างคราดซ่างเป่าซินจินด้วยเตาหลอมแปดทิศ
ดูเหมือนไท่ซ่างเหล่าจวินมีบางสิ่งอยากบอกกันฉัน
‘ตัวตนของเขาดูเลือนรางพิกล…’
แต่ก็เข้าใจได้ เพราะไม่ว่าจะเงาสีขาวที่มอบ ‘โชคชะตาไร้ชื่อ’ หลังจากวังจีโฮตีความหนังสือโบราณออก
หรืออาร์เคียที่ยืมแสงประทานของอูซังฮีมาใช้คุยกับฉัน
เนื่องจากมีเวลาจำกัด พวก ‘ท่าน’ จึงต้องรีบพ่นคำแล้วหายตัวไป
‘ถึงคราวนี้จะมีสื่อกลางเป็นคราดซ่างเป่าซินจินก็เถอะ…’
ดูเหมือนจะมีขีดจำกัดในการสื่อสารให้ราบรื่น หากหวังพึ่งพลังโชคชะตาเพียงอย่างเดียว
‘วังจีโฮเคยเล่าว่า ไท่ซ่างเหล่าจวินพยายามทวงคราดซ่างเป่าซินจินคืนไปจากตือหงอเหนง’
ฉันถามไท่ซ่างเหล่าจวินถึงเหตุผลที่เรียกมาหา
“อยากทวงคืนคราดซ่างเป่าซินจิน?”
ไท่ซ่างเหล่าจวินส่ายหน้า
…แต่เขามาที่นี่เพราะคราดแน่ๆ
“ถ้าอย่างนั้น… อยากให้ผมช่วยทำอะไร”
ไท่ซ่างเหล่าจวินผงกศีรษะรับ
เขายกแส้หางม้าขึ้น แล้วชี้สลับระหว่างคราดซ่างเป่าซินจินกับใบหูฉัน
คราด กับใบหู
บางสิ่งแล่นเข้ามาในความคิดทันที
วาบ!
ในเวลาเดียวกัน คงเพราะถึงขีดจำกัด ฉันถูกส่งกลับมายังหอพักอีกครั้ง
เอฟเฟกต์ของ ‘พลังโชคชะตา’ จบลงแล้ว แต่ในหัวฉันยังคงคิดถึงแต่เรื่องคราด
‘ดูเหมือนไท่ซ่างเหล่าจวิน จะอยากให้เราฟังเสียงคราดซ่างเป่าซินจินอีกครั้ง’
ถือคราดและรออยู่สักพัก
แต่กลับไม่มีการตอบสนอง
มันดูไม่ต่างจากอาวุธธรรมดา
‘หรือว่าจะได้ยินเสียงก็ต่อเมื่อ… ทำซ้ำสถานการณ์เดิม…?’
ตอนนั้นเสียงของคราดดังขึ้นขณะที่ฉันถูกซี่คราดเสียบท้อง
‘ต้องเปิดแสงประทานของกวักคยุงกู แล้วแทงตัวเองใหม่…?’
ขณะเตรียมคิดจะทำจริง
สายตาเหลือบไปเห็นถุงกระดาษลวดลายผงสีทอง ซึ่งด้านในมีถุงใสบรรจุยาวิเศษของเผ่ากวาง
‘ลองหาวิธีอื่นดูก่อนดีกว่า’
การทำร้ายตัวเองจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายเท่านั้น
* * *
เช้าวันจันทร์
หลังจากฝึกภาคเช้าและกินข้าวเสร็จ
แค่ได้เห็นถุงใสของเหลวที่ไม่รู้ว่าเป็นยาวิเศษหรือยาพิษกันแน่ จิตใจของฉันเริ่มเหี่ยวเฉา
‘ต้องกินอาหารแย่ๆ ตั้งแต่มื้อแรกของสัปดาห์เลยหรือ…’
ฉันเปิดซิปล็อกของถุงใส แล้วซัดโฮกของเหลวด้านในจนเกลี้ยงในรวดเดียว พร้อมกับดื่มด่ำรสชาติของนรกอีกครั้ง
บางที น้ำในบึงโลกันตร์อาจมีรสชาติแบบนี้
‘หนึ่งสัปดาห์เต็ม…’
ยาวิเศษของเผ่ากวาง ที่เผ่าเสือจัดหามาให้
ไม่มีทางเป็นโทษต่อร่างกายแน่ แต่รสชาติก็ห่วยเกินคำบรรยายไปหน่อย กินแล้วจะป่วยให้ได้เลย
เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ฉันกางโฮโลแกรมเพื่ออ่านข่าวขณะดินไปโรงเรียน
‘มีแต่ข่าวปาร์ตี้บนเรือ’
รอยแยกไร้ลางบอกเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองของปี
การปะทุของคลื่นพลังวิเศษตามธรรมชาติ
อุปกรณ์บันทึกภาพทำงานผิดพลาด
สมาคมเพลเยอร์ประกาศห้ามใช้เส้นทางเดินเรือบางจุดชั่วคราว
พาดหัวข่าวที่ชวนให้สังคมแตกตื่น มีให้เห็นอย่างเกลื่อนกลาด
เมื่อลองอ่านคอมเมนต์ ฉันพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยตำหนิสมาคมเพลเยอร์ที่ไม่สามารถตรวจพบรอยแยกเกรด SR ได้ล่วงหน้า
‘ถ้ามันไม่รบกวนการทำงานของสมาคมจนเกินไป มีคอมเมนต์แบบนี้ไว้บ้างถือเป็นเรื่องดี’
หากสมาคมเพลเยอร์ดูเหมือนองค์กรอ่อนแอและมิอาจรับมือกับสกิล ‘อัญเชิญรอยแยก’ จอมบงการก็อาจลงมือด้วยความประมาท
‘แต่บทความที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้…’
การประกาศโปรเจกต์ร่วมระหว่างจูโอกรุปและ TC กรุป ได้กลายเป็นพาดหัวหลักของแทบทุกเว็บพอร์ทัล
ตอนแรกคิดว่าจะได้รับความสนใจน้อยเพราะถูกเหตุร้ายฝีมือจอมบงการกลบ แต่ดูเหมือนนั่นจะยิ่งทำให้ได้รับความนิยม
ส่วนหนึ่งคงเพราะแทบไม่มีผู้เคราะห์ร้ายจากอุบัติเหตุ ยกเว้นเพลเยอร์หน่วยบุกหนึ่งคนที่บาดเจ็บไม่มาก
คอมเมนต์เกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับโปรเจกต์ร่วม และแสดงความยินดีกับคีโมโพลียาที่กลับถึงท่าเรืออย่างปลอดภัย
‘ดีใจที่ข่าวในเชิงบวกได้รับความสนใจมากกว่า… ส่วนหนึ่งเพราะฮงกยูบินเป็นหัวหน้าทีมสื่อ จึงสามารถกำหนดทิศทางการรายงานข่าวได้… แต่ก็มีบางเรื่องที่ผิดคาดอยู่เหมือนกัน’
ลิ่มเหล็กกล้าโดวอนอู นักเรียนคนดังของโรงเรียนแสงเงิน
ถัดจากเหตุร้ายในสนามเบสบอลจัมชิล บทความของโดวอนอูผู้มีบทบาทเด่นในหน่วยบุกของคีโมโพลียา กำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
คอมเมนต์เป็นไปในทิศทางที่เหนือความคาดหมาย
[ทำไมโรงเรียนของฉันถึงไม่มีประธานนักเรียนเจ๋งๆ แบบนี้บ้าง???]
[อยากย้ายไปอยู่โรงเรียนแสงเงินจัง… หรือถ้าเป็นไปไม่ได้ พี่วอนอูช่วยย้ายมาที่นี่แทนได้ไหมㅠㅠ …]
[ยังกับหลุดมาจากการ์ตูน… ให้ตายสิ;;; ประธานนักเรียนของโรงเรียนอันดับหนึ่ง ผู้เพียบพร้อมทั้งรูปทรัพย์ การศึกษา พรสวรรค์ ภูมิหลัง และบุคลิก… ฉันลองขุดคุ้ยดูแล้ว ดันเจอแต่เรื่องราวดีๆ ของเขา]
[นี่มัน ‘ลูกของเพื่อนแม่’ ชัดๆ … เกิดมาเพียบพร้อมทุกด้าน!]
[↑ไม่เสมอไป เพราะฉันไม่มีเพื่อนแม่เป็นแชโบล]
[ได้ยินข่าวลือว่าภายใน TC กำลังวุ่นวายสุดขีดเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ]
[↑อึบอึบอึบ! (เนื้อหาสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้อง) ]
‘ไม่มีคอมเมนต์ด้านลบเลย!’
เหมือนกับโดวอนอูที่เราได้เห็นผ่านหน้าจอเกมไม่มีผิด
‘ถ้าเขารักษาภาพลักษณ์ขณะต่อหน้าอูซังฮีได้ด้วย ความนิยมคงจะพุ่งกว่านี้’
แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะแม้แต่พระเอกอย่างจูซูย็อกก็ยังกลายเป็นไอ้ซื่อบื้อต่อหน้าอันดาอิน นางเองคนสวยของเพลเมโก
* * *
ห้องเรียนปี 1/0
ทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน วังจีโฮผู้มารออยู่ก่อนแล้ว เดินเข้ามาใกล้ฉัน
เขาจ้องฉันหลายวินาทีด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แต่ไม่นานก็อมยิ้มแล้วพูดด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“กินเข้าไปแล้วสินะ”
คงมาตรวจสอบว่าฉันกินยาวิเศษนั่นหรือยัง
‘ถ้ายังไม่กินก็จะเอาไปฟ้องเจ้าบ่วง…’
ถึงจะเจ็บปวด แต่คงต้องทนกระเดือกมันลงไปเรื่อยๆ
ขณะฉันกำลังหดหู่เพราะจินตนาการถึงรสชาติของนรกในวันถัดไป
“เห็นจากบทความแล้วล่ะ พวกนายทำได้ดีมาก!”
“คราวนี้ฉันนัดกับยูรีล่วงหน้าแล้วช่วยกันเตรียมมาน่ะ!”
“ถือเป็นการชดเชยที่อึยชินเลี้ยงพวกเราในสัปดาห์ก่อน…”
คิมยูรีและควอนเลนาเตรียมของว่างมาเผื่อทุกคน
ที่จริงพวกเธอไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่เผอิญว่าตัวละครของฉันนิสัยดีเกินไป
เมนูที่ทั้งสองเตรียมมาก็คือ แซนด์วิชโรลมะม่วงกับน้ำเมล่อน
เป็นเมนูผลไม้ตามฤดูกาล
อาจเพราะลิ้นฉันเพิ่งผ่านรสชาติสุดบรรลัยมา ของว่างจึงอร่อยเป็นพิเศษ
“คราวนี้ไม่มีวิดีโอบันทึกไว้ เนื่องจากมีคลื่นพลังวิเศษธรรมชาติปะทุในบริเวณใกล้เคียงจนอุปกรณ์บันทึกภาพเสียหาย อยากรู้จังว่าพวกนายจัดการเอนามียังไงบ้าง”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน! ได้ดูเฮียวทงสู้แล้วรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก เวทมนตร์ของอึยชินก็น่าทึ่งไม่แพ้กัน เป็นฉากการต่อสู้ที่คุ้มเวลาดูมาก!”
“พวกเขาเคยสู้กับเอนามี?”
“อ้อ… กือรินยังไม่เคยเห็นสินะ เดี๋ยวจะเปิดวิดีโอที่สนามเบสบอลจัมชิลให้ดู!”
อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคาบดูวิดีโอที่ฉันกับเม็งเฮียวทงเป็นตัวเอก
หลังจากช่วงชมวิดีโอจบลง หัวข้อเปลี่ยนไปเป็นการอบรมหมากรุกสำหรับมือใหม่ที่ทางสเทลเมตจัดขึ้น
ถัดมาก็เป็นการคาดเดา ‘ฉายา’ ที่เม็งเฮียวทงจะได้รับ
สองสาวยังเหลือของว่างเป็นเค้กสูตรใหม่จากร้าน MITRON ซึ่งโด่งดังด้านการทำเค้กแฮนด์เมด
ครูฮัมกึนยองตามมาทีหลังแล้วเข้าร่วมปาร์ตี้ของว่าง พวกเราใช้เวลาคุยกันจนกระทั่งคาบโฮมรูมจบ
พักเที่ยง
ได้เวลาไล่ตอบข้อความค้างในดีไวซ์จนกว่าคาบบ่ายจะเริ่ม
ฉันสะดุดตากับข้อความหนึ่ง
‘ตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติ? โรงเรียนแบบนั้นน่ะนะ… เหลือจะเชื่อ…’
ข้อความแจ้งผลการร้องเรียนโรงเรียนมัธยมต้นทันแร ซึ่งฉันกรอกข้อมูลส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่โน!วลกูดoทคอม
มีเพียงคำตอบที่ชวนหัวร่อ กับวลีที่ดูเหมือนจะเขียนโดยเครื่องจักร
‘กลิ่นแปลกๆ …’
กล้าพูดมาได้ยังไงว่าไม่พบความผิดปกติ
ถ้าไม่ตอบส่งๆ โดยยังไม่ไปตรวจสอบ ก็ตรวจสอบแล้ว แต่ไม่อยากเหนื่อยจัดการ
ที่จริงฉันสามารถเพิ่มข้อมูลกับไฟล์แนบ เพื่อส่งเรื่องร้องเรียนซ้ำได้ แต่นั่นไม่ใช่การเดินหมากที่ฉลาดเท่าไร
‘ตรงกันข้าม เรามีโอกาสถูกตราหน้าว่าเป็น ‘ผู้ร้องเรียนซ้ำซาก’ หรือ ‘ผู้ร้องเรียนประสงค์ร้าย’ หลังจากส่งเรื่องร้องเรียนเดิม’
อันดับแรกก็ต้องบันทึกข้อมูลของหน่วยงาน ชื่อผู้รับเรื่อง และผลการตรวจสอบเก็บเอาไว้ทั้งหมด
‘ส่งให้คนที่มีอำนาจจัดการดีไหม…’
ช่างประจวบเหมาะ ซองซีวาน—ประธานสมาคมปีกธรณี ส่งข้อความหาฉันหลังจากเห็นบทความ
เมื่อพิมพ์ขอบคุณในความห่วงใย ฉันถามถึงการนัดหมายกับลูกพี่ลูกน้องของซองซีวาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร—ซองกุกอุน หรือกุกอุนไร้เทียมทาน
[ซองซีวาน] จะถามพี่กุกอุนให้นะ!
อีกฝ่ายเป็นคนชวนกินข้าวก่อน ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ทางนั้นก็น่าจะว่างในสัปดาห์นี้
‘เกือบทุกคนที่เคยแลกดีไวซ์โค้ดส่งข้อความมา…’
แม้แต่ครูม.ต้นของเม็งเฮียวทง ก็ยังส่งมาถามสารทุกข์สุกดิบ
นอกจากนั้น ยังมีข้อความจากควอนเจอินและจาเร็ดลี
ฉันตอบกลับไปแล้วถามว่า ‘ขอพาเพื่อนร่วมห้องไปสัมภาษณ์ด้วยได้ไหม’
อีกฝ่ายโทรมาทันที
[จะมาเมื่อไร? ยินดีต้อนรับทุกเมื่อ! พรุ่งนี้? หรือวันนี้?]
จาเร็ดลีพูดอย่างตื่นเต้นจนภาษาเกาหลีเริ่มเพี้ยน
ไม่ใช่แค่นั้น อีกฝ่ายยังอยากให้ชวนทั้งชมรมเครื่องสายไปพร้อมกัน
‘คงอยากรู้จักเพื่อนของควอนเลนาให้ครบทุกคน’
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ในทีมงานหลังเวทีที่คอนเสิร์ตหอพยัคฆ์สำแดง ถึงได้มีคนของทะเลสาบนิรันดร์เยอะนัก
ชมรมเครื่องสายน่าจะยาก แต่ฉันรับปากว่าจะช่วยติดต่อให้ หลังจากยืนยันวันเวลากับเพื่อนร่วมห้องได้แล้ว
‘ค่อยถามพรุ่งนี้ก็แล้วกัน’
คงจะดีไม่น้อยถ้าปี 1/0 ได้ไปกันพร้อมหน้า
ระหว่างกำลังครุ่นคิด ฉันตอบข้อความของคนอื่นไปพลาง
จนกระทั่งเห็นแชตที่ดูโกลาหล
[อ๊กโทยอน] ท่านผู้มีพระคุณ อาการดีขึ้นหรือยัง?
[อ๊กโทยอน] ลองถามเจ้าเสือดูแล้ว แต่ทางนั้นไม่ยอมบอกว่าท่านผู้มีพระคุณเป็นยังไงบ้าง! ㅠㅠ
[อ๊กโทยอน] ผู้มีพระคุณ… ผู้มีพระคุณ!
[อ๊กโทยอน] ผู้มีพระคุณ… ㅡㅡ
[อ๊กโทยอน] …หลับแล้วหรือ
[อ๊กโทยอน] หลับแล้วสินะ!
พอเห็นเนื้อหาและปริมาณข้อความ ฉันรู้สึกไม่อยากตอบขึ้นมาทันที
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องตอบกลับไป เพราะอีกฝ่ายเป็นห่วงจากใจจริง และเธอยังเต็มที่กับการใช้แผนผังวังจันทรา
ตลอดพักเที่ยง ฉันไล่ตอบข้อความทั้งหมดจนครบ
สำหรับอูซังฮุนที่แปะลิงก์ข่าวพร้อมกับส่งเครื่องหมาย ‘?’ มาในห้องแชต ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะจางนัมอุกสาธยายไปยาวเหยียดแล้ว
* * *
หลังเลิกเรียน, ชมรมหนังสือพิมพ์
ประธานชมรมเปิดปากพูด
“สัปดาห์ที่แล้วคือความบรรลัย”
ในสัปดาห์ก่อน ปี 3/0 ก่อเรื่องขึ้นใกล้กับเขตหอพัก
ลงเอยด้วย ชมรมหนังสือพิมพ์ที่ตามไปทำข่าว และสมาคมปีกธรณีที่รับผิดชอบดูแลหอใน ถูกลากเข้าไปพัวพันกับความยุ่งเหยิง
“เราถูกล่อให้ไปทำข่าวที่สวนลอยฟ้าอีกครั้ง จนเกือบจะคว้าน้ำเหลว… โชคดีที่เด็กปีหนึ่งคนดังก่อเรื่องเหนือความคาดหมายจนทุกสิ่งโกลาหลไปหมด”
เด็กปีหนึ่งคนดัง?
ทันใดนั้น สมาชิกชมรมทุกคนหันมามองฉัน
“สิงห์อมควันที่รู้จักกันในนามเบ๊ซื้อขนมปัง”
“เบ๊ซื้อขนมปังของรองหัวหน้าห้อง 1/0 จอมพิรุธ”
บังยุนซบนี่เอง
ดูเหมือนเบ๊ของฉันจะก่อเรื่องลงไปสินะ
บังยุนซบคงทุกข์ทรมานเนื่องจากถูกฝืนให้เลิกบุหรี่ ด้วยการไล่ล่าอย่างไม่ลดละของจูซูย็อกและเม็งเฮียวทง
“อาการเสี้ยนบุหรี่น่ากลัวจริงๆ”
“มันเป็นแรงขับให้คนเราพร้อมจะทำทุกสิ่ง ยกเว้นเลิกบุหรี่”
“ทุกครั้งที่แอบสูบบุหรี่ เขาจะถูกจูซูย็อกจับได้เสมอ น่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ”
ถัดจากนี้คือเรื่องราวที่ชมรมหนังสือพิมพ์เล่าให้ฟัง
เพื่อแอบสูบบุหรี่ บังยุนซบตะลุยลึกเข้าไปในภูเขาปีกสวรรค์
แต่บังเอิญดันไปสูบใกล้กับฐานทัพลับของปี 3/0
ลงเอยด้วย ระบบตรวจจับควันที่ติดตั้งอยู่ทั่วภูเขาปีกสวรรค์ ส่งเสียงแจ้งเตือนเพราะพบควันกลุ่มใหญ่
‘เนื่องจากเส้นเลือดภูเขาทรุดโทรมลงไปมาก เผ่าเสือจึงอ่อนไหวกับไฟป่า จนติดตั้งเครื่องตรวจจับควันเป็นวงกว้าง’
มุนแซรอนมองออกไปไกลๆ แล้วพูด
“ทันทีที่สัญญาณเตือนร้องคำราม ผู้คนนับสิบได้รุดไปยังจุดเกิดเหตุพร้อมกับไอเท็มดับเพลิง… บังยุนซบผู้แอบสูบบุหรี่ใกล้กับฐานทัพลับของปี 3/0 คงเผชิญความยากลำบากไม่น้อย”
บางที กลุ่มคนที่รุดเข้าไปคงเป็นเผ่าเสือจากมูลนิธิวังมยอง
“ปี 3/0 ที่อยู่ดีๆ ก็สูญเสียฐานทัพลับ ตัดสินใจช่วยรุ่นน้องผู้รักการผจญภัยเลิกบุหรี่… คงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากทีเดียวเชียว”
“บังยุนซบก็เลยส่ง SOS ไปขอความช่วยเหลือจากสมาคมปีกธรณี”
“ประธานสมาคมปีกธรณีลงมาดูเหตุการณ์ด้วยตัวเอง จนเกิดเป็นความวุ่นวายสุดกู่ ฮะฮะฮะ!”
ยิ่งจินตนาการตามก็ยิ่งพบความสับสนอลหม่าน
ในท้ายที่สุด การทำข่าวปี 3/0 แก้แค้นพลังจักรวาลก็คว้าน้ำเหลวตามเคย
แต่ในวิกฤติยังมีโอกาส ชมรมหนังสือพิมพ์ตัดสินใจเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีป้องกันไฟป่า และรณรงค์ให้วัยรุ่นเลิกสูบบุหรี่
หลังจากได้รับแจกจ่ายงานมาบางส่วน ฉันเปิดโฮโลแกรม
“กำลังทำอะไรอยู่หรือ โชอึยชิน”
“เลือกขนมปัง”
ฉันเลือกเมนูจากร้านเบเกอรี่ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงโซล จัดระเบียบรายการให้ดูง่ายแล้วส่งไปหาบังยุนซบ
หมอนั่นสบถกลับมาทันที ฉันก็เลยเพิ่มอีกร้านหนึ่งซึ่งอยู่ในจังหวัดคยองกีลงไป จนบังยุนซบไม่พิมพ์อะไรอีกเลย
พรุ่งนี้เช้าคงได้มีปาร์ตี้ขนมปังที่ยอดเยี่ยม
* * *
เด็กเจ้าเล่ห์—ผู้นำเผ่าหนู ซึ่งดูเหมือนจะอารมณ์ดีมาสักพักใหญ่
เขาดูตื่นเต้นมากเมื่อเห็นโชอึยชินคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์หมากรุก และเอาแต่พูดว่า ‘ข้าล่ะชอบแบบนี้จริงๆ’ ไม่หยุดปาก
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับถึงบ้าน เขาย่นคิ้วชนกัน
“ข้าอยากจะคุยด้วยแท้ๆ … แต่เขาแทบไม่ออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์เลย หรือถ้าออกก็ไม่เคยตัวคนเดียว”
ภาษาสุภาพที่เด็กเจ้าเล่ห์มักใช้ในยามอารมณ์ดี ตอนนี้ไม่มีหลงเหลือ
“แล้วก็… อยากคุยกับเด็กที่เป็นญาติของบลูไวโอลินิสต์ด้วยเหมือนกัน”
“บลูไวโอลินิสต์มีญาติ?”
“ใช่ ข้าได้รู้มาตอนที่เธอฝากให้สืบข้อมูล… อยากเจอหล่อนแทบตาย แต่ไม่ยอมออกจากโรงเรียนเลย เอาแต่ฝึกไวโอลินอยู่นั่น!”
สีหน้าของเด็กเจ้าเล่ห์หมองคล้ำลงเรื่อยๆ จนลูกน้องเริ่มประหม่า
“นอกจากนั้น… มีใครบางคนคอยจับตามองเผ่าเสืออยู่ เป็นเพราะมัน ข้าจึงต้องรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เข้าไปในเขตอึนกวาง”
“นอกจากท่านผู้นำแล้ว ยังมีใครทำแบบนั้นอีกหรือ…”
“ในเผ่าอสูรมีพวกโรคจิตถ้ำมองอยู่… เป็นพวกมันนั่นแหละ”
…จะพูดอะไรก็ละอายใจตัวเองบ้าง
ลูกน้องต่างคิดแบบนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเสียงดัง
เด็กเจ้าเล่ห์ผู้ชอบแอบส่อง แต่เกลียดคนอื่นที่ทำแบบเดียวกัน
แถมยังไม่ใช่ความเกลียดชังในระดับธรรมดา
“หาวิธีขจัดมันออกดีกว่า”
เด็กเจ้าเล่ห์พึมพำเช่นนั้นแล้วก็ขังตัวเองอยู่ในห้องทดลอง
หลังจากสาบานในใจว่าจะไม่เข้าใกล้เด็กเจ้าเล่ห์ไปอีกสักพัก เหล่าลูกน้องรีบแยกย้ายอย่างเงียบงัน