MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Voice of Weapons/เสียงของอาวุธ (1)
สมาคมเพลเยอร์สาขาเกาหลี
สำนักงานฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย
ก่อนหน้านี้หลายวัน สมาคมเพลเยอร์ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับช่วงเวลาและพิกัดที่จะเกิด ‘รอยแยกไร้ลางบอกเหตุ’
พวกเขาจึงต้องทำงานในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อเฝ้าหน้าจอโฮโลแกรม
ฮงกยูบินผู้ได้รับแจ้งข้อมูล ซึ่งปัจจุบันแต่งกายด้วยชุดที่สะอาดที่สุดเพราะเชื่อว่าต้องทำงานล่วงเวลาอีกหลายวัน ตั้งคำถาม
“รุ่นพี่ ผลการจับตามอง ‘รอยแยกไร้ลางบอกเหตุ’ เป็นยังไงบ้าง”
ทีมจัดการดาวเทียมคอยเฝ้าสำรวจรอยแยกต่างโลกด้วยทรัพยากรทั้งหมดในมือ
อย่างไรก็ดี อิมจีฮวา—หัวหน้าทีมจัดการดาวเทียม ส่ายศีรษะหลังจากอ่านรายงานทั้งหมดจากลูกทีม
“ล้มเหลว… ไม่เจออะไรเลย”
“อา…”
“นึกว่าจะมีสักคนเจออะไรบ้าง”
“อยากร้องไห้จัง”
“เมื่อไรเราจะได้เลิกงาน…”
เสียงถอนหายใจดังมาจากทุกที่
อิมจีฮวาถามพลางถกแขนเสื้อขึ้น
“แล้วพิษวิเศษที่ผู้นำเผ่าเสือรายงานเข้ามาล่ะ ตรวจพบบ้างไหม”
“ไม่เลยครับ ทรัพยากรจาก ‘โปรเจกต์นั้น’ ก็ไม่ช่วยอะไร ดาวเทียมไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องเลย”
บนหน้าจอกลางกำลังแสดงผลลัพธ์เชิงตัวเลข ของกระแสพลังงานเหนือคีโมโพลียา
ลูกทีมทุกคนช่วยจับตาดูหน้าจอโดยไม่ละสายตา แต่ก็ไม่มีใครพบสัญญาณของพิษวิเศษ
ไม่มีความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังการใช้ไอเท็มเกรด SSR+++ ของหน้ากากอีกา
“รอยแยกไร้ลางบอกเหตุ… พิษวิเศษ… แถมยังมีผู้นำเผ่าหมู… ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง”
“ไม่อยากเชื่อว่าตือโป๊ยก่ายจะหักหลังมนุษย์”
“มันเป็นตัวถ่วงมาตั้งแต่ตำนานไซอิ๋วแล้ว ตอนนี้แค่เผยธาตุแท้ออกมา”
“อดีตแม่ทัพสวรรค์เทียนเผิงเริ่มทำตัวไม่เอาไหนตั้งแต่ถูกสาปให้เกิดในครรภ์สุกร… ดันเมาแล้วไปลวนลามเทพธิดาจันทราฉางเอ๋อร์ ในงานชุมนุมท้อเซียนของเจ้าแม่ซีหวังหมู่แห่งประจิม”
ลูกทีมเล่าประวัติของตือหงอเหนงด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง
ขณะบทสนทนาดำเนินไป อิมจีฮวาหันมากระซิบถามฮงกยูบิน
“หน้ากากอีกาที่เอาชนะผู้นำเผ่าหมู… เป็นเผ่าแท้หรือลูกหลานรึเปล่า”
“ผมเปิดเผยรายละเอียดของผู้แจ้งข้อมูลไม่ได้”
“เฮ้อ… ถึงจะอยากรู้ แต่คงทำอะไรไม่ได้สินะ”
มีเพียงสามคนในสมาคมเพลเยอร์ที่รู้ว่าหน้ากากอีกาคือซูเปอร์โนว่าไร้นาม—โชอึยชิน
ฮงกยูบินกับลูกน้องอีกสองคน—ผู้ช่วยยุนและเจ้าหน้าที่จอง
ลางสังหรณ์ของฮงกยูบินร้องเตือนว่า จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นหากตัวจริงของโชอึยชินรั่วไหลออกไป
‘สกิลนิมิตไม่ได้ทำงาน แต่เราสัมผัสได้’
ฮงกยูบินนำข้อมูลที่ได้จากโชอึยชินมาใช้อย่างระมัดระวัง
ในพักหลัง หัวหน้าทีมสื่อที่สอง ผู้มองฮงกยูบินเป็นเสี้ยนหนาม ดูจะพยายามขุดคุ้ยในหลายเรื่อง เขาจึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ
‘ว่าแต่… อึยชินรู้มากแค่ไหนกันแน่ แล้วคิดหาวิธีรับมือได้ยังไง’
โลกค่อยๆ เผชิญหน้ากับภัยคุกคามใหม่ แต่โชคดีที่หนทางรับมือถูกเตรียมไว้แล้ว
‘ความร่วมมือทางเทคโนโลยีที่เผ่าเสือกับเผ่ากระต่ายเสนอมา ก็คงเป็นฝีมืออึยชินเช่นกัน’
นั่นคือสาเหตุที่งานล่วงเวลาของเขายังไม่จบง่ายๆ
“เอาล่ะ มากำหนดขอบเขตข้อมูลที่จะรายงานต่อสาธารณชนกัน”
ฮงกยูบินจ้องหน้าจอโฮโลแกรมอีกครั้ง
* * *
ในคฤหาสน์วังมยองโฮ
วังจีโฮรอฉันด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เขาไม่แม้แต่จะทักทายหรือเรียกชื่อ
‘โกรธที่เราทำเรื่องเสี่ยงๆ ซึ่งมีโอกาสล้มเหลวสูงโดยไม่ปรึกษา?’
แต่ผลลัพธ์ก็คุ้มค่ากับความเสี่ยง
…คิดหาข้ออ้างจนกว่าจะเดินถึงห้องนั่งเล่นก็แล้วกัน
‘แต่ก่อนอื่นก็ต้องทักทายเจ้าบ่วง’
ฉันรอให้เจ้าบ่วงวิ่งมาหาพร้อมกับเห่าด้วยเสียงสดใสเหมือนทุกที
แต่ลูกสุนัขขนปุยกลับยังคงนั่งนิ่งบนพรมที่ฉันซื้อให้
“…เจ้าบ่วง?”
มันจ้องฉันพร้อมกับส่ายหาง
ดูจากตาที่เป็นประกายและความถี่ในการสั่นหาง เจ้าบ่วงมีความสุขที่ได้เห็นฉัน
แต่กลับไม่ยอมวิ่งมาหา หรือส่งสัญญาณ ‘อุ้มหน่อย’ เหมือนทุกที
“มานี่สิ เจ้าบ่วง”
ฉันเดินเข้าไปใกล้แล้วยื่นแขน
กรร…
มันหลบมือฉัน
ฉันกะพริบตาสองสามหน พร้อมกับนึกทบทวนว่าตัวเองทำอะไรผิด
ผ่านไปนานเจ้าบ่วงก็ยังคงหลบมือ
…เราต้องฝันไปแน่
ตอนกลางคืนไม่ฝัน มาฝันตอนกลางวันแทน?
เสียงของวังจีโฮดังขึ้น เพื่อดึงฉันกลับสู่โลกความจริง
“ฉันเล่าให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ฟังว่านายทำอะไรลงไปบ้าง… ไม่เคยเห็นมันโกรธและเสียใจขนาดนี้มาก่อน”
ต้นเหตุมาจากวังจีโฮนี่เอง
“เพื่อให้นายหายไวๆ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงไม่มารบกวนสักระยะ แบบนี้ดีแล้วล่ะ”
“แต่แผลฉันหายดีแล้ว…”
“คลื่นพลังวิเศษของนายยังขาดเสถียรภาพ แถมยังใช้พลังงานไปมาก… สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงสัมผัสความผิดปกติได้”
เจ้าบ่วงคงทำตัวแบบนี้เพราะเป็นห่วงฉันจริงๆ
เมื่อตระหนักถึงความลึกซึ้งของสถานการณ์ ฉันรู้สึกทั้งภูมิใจและโดดเดี่ยว
ต้องทำยังไงเจ้าบ่วงถึงจะสบายใจ?
ขณะฉันกำลังแตกตื่น แบคโฮกุนเดินเข้ามาในระยะมองเห็น
‘ถ้าเป็นตัวละครของฉัน ต้องช่วยไกล่เกลี่ยความเข้าใจผิดระหว่างเราได้แน่!’
แต่ความคาดหวังพังทลายในพริบตา
“…”
บ๊อกบ๊อก!
เมื่อแบคโฮกุนยื่นแขน เจ้าบ่วงวิ่งไปให้อุ้มทันที
แบคโฮกุนอุ้มมันขึ้นแล้วเดินนำไปทางห้องนั่งเล่น
ขณะฉันตกตะลึงกับภาพบาดตาจนทำตัวไม่ถูก
“เรายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับซอโฮ อีโอ และแจโฮ… วันนี้คงไม่ได้เจอพวกเขา รีบไปกันเถอะ โชอึยชิน”
คำพูดเสือแดงทำให้จิตใจของฉันยิ่งแตกสลาย
วันนี้จะไม่มีคำทักทายจากลูกหลานเสือเงินทั้งสาม และไม่มีความน่ารักของเจ้าบ่วง
…แล้วเรามาที่นี่ทำไม
ได้แต่ถามตัวเองขณะเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
‘…ทั้งหมดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ’
ชาวันนี้เป็นชาน้ำผึ้งไม้จันทน์ขาว
ของว่างเป็นขนมต๊อกข้าวกล้องโรยเม็ดงา
และตรงหน้าฉันคือ ชามดินเผาบรรจุของเหลวสีประหลาด
ดูเหมือนจะให้ยกดื่มได้เลย
‘คิดจะฆ่ากันหรือไง ทำไมถึงมีอ่างพิษวางอยู่ตรงหน้าเรา’
กลิ่นจากชามดินเผาพยายามบอกกับฉันว่า เจ้าสิ่งนี้มีรสชาติสุดระยำ
แค่เจ้าบ่วงลองดมนิดเดียว มันรีบกลับไปซุกอ้อมแขนแบคโฮกุนทันที
“ตอบมา… ทำไมถึงทำแบบนั้น นายคิดอะไรอยู่”
ทันทีที่ก้นฉันสัมผัสเบาะ วังจีโฮเกริ่นเข้าประเด็น
ไม้จันทน์ขาวมีสรรพคุณช่วยควบคุมอารมณ์ แต่ฟังจากเสียงโกรธของเขา ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล
‘ไม่แก้ตัวดีกว่า’
ฉันอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียด
เผ่าเสือทั้งสามและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นั่งฟังเงียบๆ ไปพร้อมกับจิบชา
เมื่อเล่าจบ วังจีโฮเปิดปาก
“ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”
“เรื่อง…?”
“เรื่องที่นายเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด”
ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย
ฉันรีบขอโทษ
“ขอโทษที่ทำอะไรเสี่ยงๆ โดยไม่ปรึกษากันก่อน”
“…โชอึยชิน”
วังจีโฮนวดขมับพร้อมกับปิดปากเงียบ
เสือแดงเป็นฝ่ายพูดแทน
“ถ้าพูดแบบนั้น เสือเหลืองจะยิ่งโกรธเอานะ”
“เสือแดง… อย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์ไปสอนใคร”
เมื่อวังจีโฮหันไปจ้องเขม็ง เสือแดงยิ้มอย่างละอายใจ
ฉันทำผิดพลาดเหมือนกับเสือแดง? ɴᴏᴠeʟɢu.ᴄᴏm
…แต่เสือแดงกับเราอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
“โชอึยชิน นายคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตลูกหลานของเราไว้… ถึงจะยังไม่นาน แต่ก็ถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับเผ่าเสือ แทบไม่มีมนุษย์คนใดได้ใกล้ชิดเผ่าเสือเท่านี้มาก่อน”
วังจีโฮมองฉันหลังจากลดนิ้วลงจากขมับ
“ห่วงความปลอดภัยของตัวเองหน่อย”
บรรยากาศกำลังบ่งบอกว่า วังจีโฮไม่ได้พูดไปตามมารยาท
นั่นทำให้ฉันตอบสนองไม่ถูก
วังจีโฮจ้องหน้าฉันที่เงียบไป แล้วก็เชิงคางส่งสัญญาณ
“มันคือยาวิเศษที่เราไหว้วานให้เผ่ากวางปรุงขึ้น กินซะ”
เผ่ากวางคงหมายถึงเผ่าที่เคยเปิดร้านลับในเกม
หากเคลียร์เควสต์ที่ซับซ้อนและยุ่งยากจนเกินพอดีได้ ก็จะมีสิทธิ์เข้าถึงร้านลับ
วังจีโฮมีเส้นสายอยู่แล้วสินะ
“มนุษย์อย่างโชอึยชินจะทนรสชาติของมันได้หรือ”
“ไม่ต้องห่วง ข้าขอให้พวกเขาปรุงสำหรับมนุษย์โดยเฉพาะ”
ในตอนที่เห็นผ่านหน้าจอเกม มันเป็นแค่ยาวิเศษที่มีราคาแพง
แต่กลิ่นของจริงนั้น…
เหมือนกับที่เสือแดงพูดไม่มีผิด
ยาวิเศษของเผ่ากวาง ต้องมีรสชาติสุดบรรลัยแน่นอน
‘แต่พวกเขาเตรียมมาให้ด้วยความเป็นห่วง’
ในเมื่อฉันทนความเจ็บปวดได้ ก็ต้องทนความไม่อร่อยได้เช่นกัน
“ขอบคุณมาก จะกินอย่างดีเลย”
เมื่อพูดจบแล้วกลืนลงไปหนึ่งคำ
ฉันคลำเข้าไปในความลึกซึ้งของรสชาติ
‘…เชี่ยไรวะเนี่ย! ยาพิษรึไง!’
เกือบเผลอพ่นออกมาทั้งคำ จึงต้องรีบปิดปากให้สนิท
วังจีโฮคิดจะฆ่าเราด้วยรสชาติของยา?
บ๊อกบ๊อก!
เจ้าบ่วงที่นั่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็เปิดปากเห่า
ดูเหมือนกำลังรบเร้าให้ฉันดื่มต่อไป
“ถ้ากินหมดแล้วจะมาเล่นกับฉันไหม”
กรร…
เจ้าบ่วงนิ่งไปเหมือนกำลังครุ่นคิด
ถ้ากัดฟันดื่มเข้าไปทั้งหมด บางทีความโกรธและความเสียใจที่มันมีต่อฉันอาจบรรเทาลง
ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากดื่มพิษขมๆ นี่เข้าไป
“ก็ได้ ฉันจะดื่มทั้งหมดเลย”
บ๊อก…!
เจ้าบ่วงเห่าเสียงสดใสพร้อมกับกระดิกหาง
นึกถึงหน้าเจ้าบ่วง ฉันเชื่อว่าตัวเองอดทนต่อรสชาติความบรรลัยนี้ได้
“นายพูดแล้วนะ โชอึยชิน”
ตึง!
วังจีโฮวางถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยผงสีทองลงบนโต๊ะ
ด้านในมีถุงใสสำหรับใส่ของเหลว บรรจุของเหลวสีเดียวกับยาวิเศษของเผ่ากวาง
“ดื่ม ‘ทั้งหมด’ ตามที่พูดด้วยล่ะ”
ทั้งหมดไม่ได้มีแค่ชามนี้รึไง!
วังจีโฮตอกลิ่มใส่ฉันที่กำลังตกตะลึง
“กินทุกวันนานหนึ่งสัปดาห์ห้ามขาด นายคงไม่คิดจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม”
…ต้องกินไอ้พิษเวรนี่นานหนึ่งสัปดาห์
วังจีโฮยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นใบหน้าฉันแข็งกระด้าง
ไอ้เวรเอ้ย
ถัดมา ฉันพยายามชวนคุยเกี่ยวกับอนาคต แต่ถูกบอกให้กลับไปพักผ่อน
เป็นความจริงที่ฉันเหนื่อย และแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพูดคุย หลังจากกินยาวิเศษรสชาตินรกเข้าไป
ในมือฉันมีถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยยาพิษ และยิ่งหดหู่เมื่อเจ้าบ่วงไม่ยอมเล่นด้วย
“เคยบอกไปแล้วนี่ ว่าอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ”
แบคโฮกุนผู้เดินมาส่งฉันกลับหอ โพล่งขึ้นระหว่างทาง
…คงเป็นห่วงเหมือนกันสินะ
หลังจากพูดขึ้นมาลอยๆ เขากลับไปปิดปากเงียบอีกครั้ง
เมื่อแยกกัน แบคโฮกุนเสริมทิ้งท้าย
“คราวหน้าที่ได้เจอกัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คงอารมณ์ดีขึ้น”
คำพูดนั้นช่วยเพิ่มกำลังใจให้ฉันเล็กน้อย
‘หลังกลับจากคฤหาสน์วังมยองโฮ ห้องพักจะรู้สึกกว้างทุกครั้ง’
ห้องพักที่หอใน
ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวหลังจากห่างหายไปนาน
ทั้งคฤหาสน์วังมยองโฮ และปาร์ตี้บนเรือ
‘แทบไม่ได้อยู่คนเดียวเลย ยกเว้นในตอนที่สู้’
ความคิดฟุ้งซ่านจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงจากระบบ
〈สกิล ‘พลังโชคชะตา’ ถูกกระตุ้น〉
* * *
ในเวลาเดียวกัน
ตึกสมาคมปึกธรณี, ห้องสันทนาการ
พัคซึงยอนกำลังเล่นหมากรุกกับนักเรียนในชุดพละ
เขาตอบรับคำชวนของเพื่อนสนิท ผู้อยากปูพื้นฐานก่อนเข้าร่วมการอบรมหมากรุกสำหรับมือใหม่ของสเทลเมตในสัปดาห์หน้า
ขณะพัคซึงยอนกำลังอธิบายหลักการเปิดเกม
“ใช่แล้ว เบี้ยกินม้าช่องหน้าตัวเองไม่ได้”
ยงเจกอนปรากฏตัว แล้วช่วยเสริมคำอธิบายของพัคซึงยอน
“อ๊ะ… ครูยง! สวัสดีครับ!”
“สวัสดีครับ!”
“สวัสดีนักเรียน”
“ครูยงไม่ได้อยู่หอในนี่… หรือว่ามาหาครูชินรก?”
“ฮะฮะ… วันนี้ข้ามาด้วยธุระอื่น”
ยงเจกอนถามพัคซึงยอน
“ซึงยอน เมื่อวานอยู่ที่หอในทั้งวันใช่ไหม”
“ครับ ผมทำการบ้านในห้องติวของสมาคมปีกธรณีทั้งวัน”
“พวกเราทำการบ้านแล้วเล่นเกม… แบ่งจอเล่นเกมโต้รุ่งจนถึงฉากจบเลยครับ”
“เข้าใจแล้ว”
ได้ยินคำตอบของพัคซึงยอน ยงเจกอนเปลี่ยนเป็นสีหน้าสุดประหลาด
มันคือสีหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนักเรียนและครูหลายคนนิยามว่า ‘สร่างเมา’ หรือ ‘เสียของใบหน้าหล่อๆ ชะมัด’
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ ข้าขอตัว ไว้เจอกันตอนอบรมหมากรุกนะ”
ขณะยงเจกอนเตรียมออกจากห้องสันทนาการ เด็กๆ แถวนั้นเดินมาล้อมไว้
“ครูอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือ กำลังจะไปไหน?”
“พอดีมีเรื่องอยากถามจากใครบางคน”
“ในหอใน?”
ยงเจกอนตอบพร้อมกับพยักหน้า
“ใช่ ข้าอยากรู้ว่าคยุงกูทำอะไรในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา”
ดูเหมือนยงเจกอนกำลังตามหาตัวกวักคยุงกู—สภานักเรียนปีสอง
เมื่อเด็กปีสองบอกตำแหน่งของกวักคยุงกู ยงเจกอนกล่าวขอบคุณแล้วก็หายตัวไป