MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> The Deal Unseen/ข้อตกลงที่มองไม่เห็น (7)
คฤหาสน์วังมยองโฮ
หน้าต่างบานหนึ่งเปิดออกอย่างเงียบเชียบ
อาศัยจังหวะที่วังมยองโฮผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์ไม่อยู่ เสือแดงปรากฏกายใกล้กับบาเรียชั้นใน
เขากระโดดออกจากหน้าต่างด้วยย่างก้าวแผ่วเบา
ด้วยสกิลควันแดง เสือแดงร่อนลงอย่างไร้สุ้มเสียง แต่เนื้อตัวต้องปวดแปลบทันทีที่สกิลถูกกระตุ้น
‘ถึงแผลจะยังไม่หายดี แต่ก็ยังขยับตัวและใช้สกิลได้อยู่… อาจยังต่อสู้เต็มรูปแบบไม่ได้ แต่ถ้าแค่ช่วยสนับสนุนวังจีโฮคงไม่มีปัญหา’
เสือเหลืองไม่อนุญาตให้เสือแดงเข้าร่วมปฏิบัติการ
เสือแดงแสร้งทำเป็นเชื่อฟัง แต่ความจริงแล้วแอบฉวยโอกาสตามไปช่วย
‘คราดซ่างเป่าซินจิน… แม้แต่เราที่ชาชินกับความเจ็บปวดยังแทบจะทนไม่ไหว… งานนี้เราควรรับหน้าที่เป็นโล่กำบัง’
เขาไม่อยากปล่อยให้สหายรักอย่างเสือเหลือง หรือผู้มีพระคุณโชอึยชินต้องลิ้มรสความเจ็บปวดนั้น
ส่วนกระต่ายจันทร์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขามิได้ใส่ใจเลย
บ๊อก!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวต่อหน้าเสือแดงที่กำลังเดินไปยังสวนวงกต
แม้จะยังหลงเหลือรูปลักษณ์ที่น่าเอ็นดูของเผ่าสุนัข แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์นามว่าเจ้าบ่วงรายนี้ ยิ่งนานวันก็ยิ่งแก่กล้าพลังศักดิ์สิทธิ์
เรื่องราวจะยุ่งเหยิงหากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เข้ามาขวางทาง
เสือแดงขอร้องสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างสุภาพ
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ช่วยทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ไหม”
บ๊อกบ๊อก!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เห่าอย่างหนักแน่น
เสือแดงอ่านความคิดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่เก่งเท่าเสือขาว แต่เขาดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังคัดค้าน
ดูเหมือนมันจะไม่อยากให้เสือแดงที่ได้รับบาดเจ็บออกไปข้างนอก
ถึงอย่างนั้น เสือแดงยังคงยืนกราน
“ข้าจะออกไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเสือเหลืองและโชอึยชิน”
ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กับเสือเหลืองอาจยังเป็นปริศนา แต่มันเชื่องกับโชอึยชินมาก
ถ้าบอกว่าออกไปช่วยโชอึยชิน มันจะต้องเข้าใจแน่
…หงิง…
อย่างที่คิด สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มลังเล
เมื่ออีกฝ่ายชะงัก เสือแดงถือโอกาสก้าวเท้าไปข้างหน้า
แต่เสือขาวโผล่มาขวางทางไว้
“…”
เสือขาวยืนเงียบเชียบโดยไม่ปริปาก
ท่าทางแบบนี้คงไม่ได้มาส่งเสือแดงอย่างอบอุ่นแน่
“ปล่อยข้าไปเถอะ เสือขาว เจ้าเองก็เป็นห่วงวังจีโฮกับโชอึยชินเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“เจ้าบาดเจ็บ ถึงไปก็เป็นภาระพวกเขา”
“ถ้าได้ใช้สกิล ข้ารับประกันว่าจะไม่เป็นตัวถ่วง หรือต่อให้ช่วยอะไรมากไม่ได้ แต่ก็…”
ยังไม่ทันที่เสือแดงจะพูดจบ
เสือขาวพูดแทรกด้วยเสียงเย็น
“พวกเขาเป็นห่วงเจ้ามาก… มันคงจะเป็นภาระทางความคิด หากเจ้าที่ยังไม่หายดีไปอยู่ในสนามรบ”
ได้ยินคำเสือขาว เสือแดงสั่นสะท้านไปครู่หนึ่ง แต่ความปรารถนาที่จะเข้าร่วมกับทั้งสองก็ยิ่งแรงกล้า
“ข้าจะไปซะอย่าง… คิดจะหยุดข้าด้วยกำลัง?”
“…”
“ข้าสู้เจ้าไม่ได้ก็จริง แต่เจ้าก็ออกจากเขตอึนกวางไม่ได้เช่นกัน”
เสือขาวคือนักโทษแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ย่อมได้รับบทลงโทษรุนแรงหากออกจากเขตอึนกวาง
เมื่อใดที่ฝ่าฝืน ความสามารถทุกด้านจะลดลง ทำให้ยิ่งจับเสือแดงได้ยากกว่าเดิม
‘ถ้าออกจากเขตอึนกวางสำเร็จ เสือขาวก็จะไล่ตามมาไม่ได้’
ซู่ว!
เสือแดงกัดฟันทนความเจ็บปวดเพื่อแผ่คลื่นพลังวิเศษ
ก่อนที่สกิลควันแดงจะทำงาน เสือขาวกล่าวบางสิ่ง
“ข้าจะเรียกเด็กคนนั้นทันทีที่เจ้าออกจากคฤหาสน์”
“พูดถึงใคร…”
ขณะย้อนถาม ในหัวเสือแดงนึกออกเพียงใบหน้าของบุตรชาย
เสือแดงหยุดสกิลพร้อมกับยืนตัวแข็ง
“เด็กที่เหมือนกับเจ้าน่ะ…”
เสือแดงหมดกำลังใจจะขัดขืนทันที
‘เด็กมีปัญหา’ จะต้องถือโอกาสตามไปแน่ หากทราบว่าเสือแดงไม่อยู่ในคฤหาสน์
เขามิอาจชักนำบุตรชายของตนมายังสถานที่อันตรายซึ่งอาจมีเผ่าหมี
“เสือขาว แล้วเจ้าไม่อยากไปช่วยพวกเขาบ้างหรือ”
เสือขาวไม่ตอบคำถาม แต่เฉไฉไปเรื่องอื่น
“เข้าไปข้างในกันเถอะ เสือแดง มาเล่นหมากรุกกัน”
เสือขาวกับหมากรุก
ขณะสองคำที่ฟังดูไม่เข้ากันเลย สร้างความตกใจให้เสือแดงเล็กน้อย
บ๊อกบ๊อก!
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มวิ่งวนรอบขาเสือแดงราวกับกำลังพูดว่า ‘ตามมาเร็วเข้า!’ ก่อนจะเดินตามเสือขาวไป
เสือขาวกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เดินนำไปทางประตูหน้าของอาคารหลัก
เสือแดงลังเล แต่ไม่นานก็เดินตามไป
* * *
ปาร์ตี้ล่องเรือที่จัดโดยความร่วมมือระหว่างจูโอกรุปและ TC กรุป
เรือสำราญ ‘คีโมโพลียา’ ซึ่งเป็นสถานที่จัดปาร์ตี้ มีเจ้าของเป็น TC กรุป
และ ‘เกาะจูโอ’ ซึ่งเป็นปลายทางของเรือ มีเจ้าของเป็นจูโอกรุป
‘จูโอกรุปประมูลเกาะร้างเพื่อสร้างรีสอร์ตสำหรับต้อนรับแขก VIP เท่านั้น’
ในโลกก่อนหน้าของฉัน ดินแดนภายใต้อำนาจการปกครองอย่างมีเสถียรภาพของสาธารณรัฐเกาหลี
มีเกาะในปกครองทั้งสิ้น 3,358 แห่ง
จากทั้งหมด 482 แห่งเป็นเกาะที่มีผู้คนอาศัย
2,876 แห่งเป็นเกาะร้าง
ในบรรดาเกาะร้าง เอกชนเป็นเจ้าของ 1,270 แห่ง ซึ่งเกาะเหล่านั้นสามารถซื้อขายกันได้
‘แต่ก็ไม่มีใครคิดจะซื้อ…’
เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘กฎหมายห้ามพัฒนาเกาะ’
กฎหมายที่ออกโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์เกาะร้างอย่างสุดโต่ง และกึ่งอนุรักษ์ตามวัตถุประสงค์ที่ถูกกำหนด
หากเป็นเกาหลีในโลกเก่าของฉัน ถึงจะซื้อเกาะได้ แต่การสร้างบ้านก็เป็นเรื่องยากมาก จนเลิกคาดหวังการซื้อเก็งกำไรไปได้เลย ส่งผลให้แทบไม่มีการทำธุรกรรมซื้อขายเกาะ
แต่ไม่ใช่กับโลกที่ทำสงครามกับต่างโลก
‘รอยแยกเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่เกาะร้างหรือดินแดนทุรกันดาร แต่รัฐบาลกับสมาคมเพลเยอร์มีงบประมาณจำกัด ส่งผลให้เม็ดเงินของเอกชนคือสิ่งสำคัญมากสำหรับแก้ไขปัญหาขาดแคลนกำลังพล’
รัฐบาลตัดสินใจแก้ไขกฎหมายการอนุรักษ์และบริหารเกาะร้าง ผ่านวาระการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงทะเลและการประมง กระทรวงสิ่งแวดล้อม และกระทรวงต่างโลก
ลงเอยด้วย เงื่อนไขจำนวนมากถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้เอกชนสามารถพัฒนาเกาะร้าง
เงื่อนไขเด่นๆ ก็อย่างเช่น ต้องจ้างทีมโปรเพลเยอร์มาประจำการอย่างน้อยสิบชั่วโมงต่อวัน เพื่อตอบสนองต่อรอยแยกต่างโลกอย่างแข็งขัน
เมื่อกฎหมายพัฒนาเกาะร้างถูกผ่อนปรน บริษัทบางแห่ง รวมถึงมหาเศรษฐีก็เริ่มประมูลซื้อเกาะร้าง
เกาะจูโอซึ่งเป็นปลายทางของคีโมโพลียา ก็เป็นผลพวงจากการแก้กฎหมายครั้งนั้น
“กำลังจะบอกว่า เรือลำนี้มุ่งหน้าไปยังรีสอร์ตเกาะจูโอที่อยู่ชายฝั่งทางใต้?”
เม็งเฮียวทงที่ฟังคำอธิบายจากจูซูย็อกจบ ถามกลับไป
“ถ้าจะให้สรุปก็ใช่… เรือลำนี้จะแล่นช้ามากเพื่อไม่ให้รบกวนงานเลี้ยงชมจันทร์ กว่าถึงปลายทางก็คงเช้า”
“งั้นหรือ… ไม่รู้สึกเหมือนกำลังนั่งเรือเลย”
เม็งเฮียวทงกล่าวขณะมองไปรอบห้องสวีต nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
ในห้องยังแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอนแยกจากกัน
เก้าอี้เอนหลังไฟฟ้า รวมถึงพรมไมโครไฟเบอร์หนานุ่มห้าผืนใหญ่ที่กระจายอยู่ทั่วพื้น
บนผนังยังมีจอภาพความละเอียดสูง ตู้นิรภัยส่วนบุคคล และกริ่งเรียกพ่อบ้านรายบุคคล
หากมิใช่เพราะตรงหน้าเป็นหน้าต่างวิวทะเล มันคงให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในโรงแรมตามที่เม็งเฮียวทงบอก
‘ห้องสวีตสำหรับเด็กนักเรียน… จูโอกับ TC ใจป้ำจังเลยนะ’
ก็เข้าใจได้ ส่วนหนึ่งคงเพราะเราเป็นเพื่อนของจูซูย็อก อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในเหตุร้าย ณ สนามเบสบอลจัมชิล
“ว่าแต่ รายชื่อคนที่พักในห้องนี้มีแค่ฉัน รองหัวหน้าห้อง แล้วก็… จางนัมอุกจอมจุกจิกจากโรงเรียนเตรียมทหาร… แล้วนายพักห้องไหน”
“เอ่อ… ครอบครัวของฉันก็มาด้วย เลยต้องพักรวมกับพวกเขา แต่ฉันไม่ไปหรอก ก่อนจะขึ้นเรือไล่ทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ครบแล้ว ฉันจะอยู่กับพวกนายนี่แหละ”
จูซูย็อก โดวอนอู และโดซีฮูคงถูกจัดให้อยู่ในห้องเดียวกับครอบครัว
‘จูซูย็อกไม่อยากไปอยู่กับครอบครัว? คงไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่ก่อนจะเอากาแฟราดเสื้อสินะ’
รอบคอบสมกับที่เป็นพระเอกของเกม
ขณะพูดคุยเกี่ยวกับตารางเวลา ฉันได้ยินเสียงแจ้งเตือน
ปิ๊งป่อง!
เมื่อเปิดแอปฯ อินเตอร์โฟนที่เชื่อมต่อกับดีไวซ์ ฉันเห็นใบหน้าของโดซีฮูกับจางนัมอุก—ที่หนึ่งและที่สองของรุ่นโรงเรียนเตรียมทหาร รวมถึงโดวอนอู—ประธานนักเรียนโรงเรียนแสงเงิน
[เรามาแล้ว เปิดให้หน่อย!]
เสียงทักทายอย่างร่าเริงของโดซีฮูดังมาจากอีกฟากหนึ่งของหน้าจอ
เมื่อฉันกดปุ่มยืนยัน ประตูอัตโนมัติที่เชื่อมกับภายนอกเปิดออก
“ไม่เจอกันนานเลยนะ! รู้สึกเหมือนผ่านไปนานชะมัด!”
“สวัสดีอึยชิน ซูย็อก เฮียวทง ดีใจที่ได้พวกเจอนายอีก เดี๋ยวนะ… เฮียวทง เนกไทของนายเบี้ยวไปนิด ไปส่องกระจกแล้วจัดระเบียบใหม่เถอะ”
สามบุคคลในทักซิโด้ปรากฏตัว
โดซีฮูกับจางนัมอุกทักทายตามปกติ แต่โดวอนอูไม่ยอมขยับจากประตู
จากหนึ่งในสามคนที่เพิ่งมาถึง ตัวละครของฉัน แถมยังเป็นผู้ใหญ่ที่แต่งทักซิโด้ขึ้นที่สุด กลับมีสายตาน่าเกลียดที่สุด
“…สวัสดี”
ถัดจากการทักทาย โดซีฮูกับจางนัมอุกแสดงความยินดีกับฉันที่คว้าแชมป์หมากรุก
โดวอนอูลังเลเล็กน้อยก่อนจะร่วมแสดงความยินดี
วันนั้นอูซังฮีเชียร์ฉัน และฉันที่ถูกเชียร์ดันชนะ เขาคงเหม็นขี้หน้าพิลึก
“…ยินดีด้วย”
โดวอนอูอาจมีสายตาน่าเกลียด แต่ในเมื่อเขาแสดงความยินดี ฉันก็จะทำตัวใจกว้างแล้วยอมปล่อยผ่าน
“พี่วอนอู ทักทายผู้หลักผู้ใหญ่เสร็จแล้วหรือ ได้ยินว่าพี่มาสายเพราะติดงานสภานักเรียน”
“เสร็จแล้ว ฉันรีบไปทักทายทันทีที่มาถึง แต่ซีฮูยัง…”
“ฉันลากพี่มาที่นี่เพราะอยากถ่ายรูปรวมสักครั้ง มีไม่บ่อยนะที่จะได้ใส่ชุดแบบนี้”
โดวอนอูคงยอมมาเพื่อโดซีฮู แม้ตัวเองจะกำลังยุ่ง
“ถ้าอย่างนั้นก็มาถ่ายกันเถอะ!”
ด้วยการผลักดันของโดซีฮู เราหกคนเริ่มถ่ายรูปโดยมีฉากหลังเป็นหน้าต่างวิวทะเล
โดซีฮูกับจูซูย็อกดูเป็นธรรมชาติ แต่จางนัมอุกกับเม็งเฮียวทงดูเกร็งชอบกล
นั่นไม่ใช่ส่วนที่แย่ เพราะที่เราต้องถ่ายกันใหม่อีกสามครั้ง หลักๆ มาจากโดวอนอูผู้เอาแต่จ้องฉันด้วยสายตาน่าเกลียด
“พี่วอนอู…”
“ฉันไปก่อนนะ”
โดวอนอูเมินสายตาเจือความเศร้าของโดซีฮูแล้วจากไป
เมื่อโดวอนอูออกจากห้อง เสียงหวูดเรือดังพร้อมกับเสียงประกาศแจ้งออกเรือ
“เรือแล่นแล้ว!”
จางนัมอุกกับเม็งเฮียวทงรีบลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปทางหน้าต่าง
“ทำไมหน้าต่างถึงเปิดไม่ได้ล่ะ”
“อ้อ… ต้องควบคุมจากดีไวซ์น่ะ รอสักครู่”
เมื่อจางนัมอุกเปิดโฮโลแกรม แอปฯ ควบคุมห้องสวีตปรากฏขึ้นพร้อมกับแผนที่เรือสำราญ
เพียงไม่นาน ฉากทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างเริ่มขยับเขยื้อนอย่างเชื่องช้า สองหนุ่มริมหน้าต่างคอยส่งเสียงฮือฮารับลมทะเล
คงเฝ้ารอการเดินทางครั้งนี้อยู่สินะ
* * *
“ฉันจะนำทางพวกนายเอง เคยขึ้นมาสองสามครั้งแล้ว พอจะจำได้อยู่บ้าง”
ด้วยการนำของจูซูย็อก เราห้าคนเริ่มเดินสำรวจรอบเรือ
ณ เลานจ์ชั้นบนซึ่งวิวดีที่สุด
บาร์วิวทะเล ภัตตาคาร คาเฟ่บนดาดฟ้าที่ปูด้วยหญ้าธรรมชาติ
สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ลานอาบแดด สปา
โซนตู้เกม หอศิลป์ หอสมุด โรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ยังมีเลานจ์และคาเฟ่กระจายไปอีกหลายแห่ง เพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์ที่ต่างกัน
จางนัมอุกและเม็งเฮียวทงพ่นคำชมเชยไม่ขาดปาก พลางตรวจสอบแผนที่ของเรือสำราญ
กลับกัน มีอยู่หนึ่งคนในหมู่พวกเราที่มิอาจร่วมสนุกไปกับการล่องเรือ
“รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย…”
โดซีฮูผู้มีใบหน้าซีดเซียว
คงจะเมาเรือ
เพลเยอร์มักไม่ค่อยมีอาการเมาเรือ เนื่องจากร่างกายแข็งแรงกว่าคนปกติ แต่นานๆ ครั้งก็มีข้อยกเว้น
เหมือนกับข้อยกเว้นที่เม็งเฮียวทงมีสมองหิน ทั้งที่เพลเยอร์ส่วนใหญ่ถูกเสริมประสิทธิภาพทางปัญญา
“บนเรือมีห้องพยาบาลอยู่นะ ไปรับยาแก้เมาเรือกันเถอะ!”
“ไม่เอา ยาแก้เมาเรือจะทำให้ฉันสูญเสียการรับรู้ทิศทาง และประเภทแปะจะทำให้รูม่านตาขยาย ถ้าฉันใช้ศาสตร์แห่งไฟฟ้าในสภาพนั้น คงไม่ต่างอะไรกับการควักลูกตาทิ้ง พวกยาแก้เมาเรือมีแต่ของที่ทำให้ฉันตายได้เลย”
แม้จะจางนัมอุกจะหวังดี แต่โดซีฮูส่ายหน้า
ลำพังอาการเมาเรือ ก็ดูเหมือนจะทำให้โดซีฮูตอนนี้ตายได้เลยเหมือนกัน
“นึกว่าซีฮูเอาชนะอาการเมาเรือได้แล้ว เห็นว่าอยากมาร่วมปาร์ตี้บนเรือรอบนี้มาก”
“ฮะฮะฮะ! ฉันอยากมาเล่นสนุกกับพวกนายต่างหาก”
โดซีฮูกล่าวพลางหัวเราะคำพูดจูซูย็อก
ดูเหมือนจะยังไม่ตายง่ายๆ
ทันใดนั้น โดซีฮูเงยหน้าแล้วพูดราวกับฉุกคิดบางสิ่งได้
“วันเสาร์วันอ้วก!*”
(หมายถึงปาร์ตี้หนักในคืนวันศุกร์ แล้ววันเสาร์แฮงก์)
นั่นมุกหรือ?
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขำ โดซีฮูทำตัวซึม
ในบรรยากาศอันห่อเหี่ยว ฉันเปิดเมนูพิเศษขึ้นมาเพื่อใช้งานฟังก์ชัน ‘เปิดแผนที่ละแวกใกล้เคียง’
มินิแม็ปถูกเติมเต็มเกือบหมดแล้ว
‘เดินสำเร็จแถวนี้ดีกว่า’
ฉันหันกลับไปมองเด็กๆ แล้วพูด
“เรายังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนกาล่าดินเนอร์จะเริ่ม กลับไปพักที่ห้องกันก่อนดีกว่า คนอื่นคิดว่าไง”
“ตกลง”
“…อา”
จูซูย็อกกับจางนัมอุกช่วยกันหิ้วปีกโดซีฮูผู้ไร้เรี่ยวแรง เพื่อพาเดินกลับห้อง
ระหว่างนั้น โดซีฮูพยายามเล่นมุกห่วยๆ อีกหลายครั้ง แต่ไม่มีใครตอบสนอง
คงยังไม่ตายง่ายๆ แน่
ยืนมองโดซีฮูในสภาพนั้น ฉันเริ่มเอะใจถึงความผิดปกติ
‘โดวอนอูต้องไปทักทายผู้หลักผู้ใหญ่… แล้วทำไมโดซีฮูไม่ต้องทำ? ก็มาสายเหมือนกันไม่ใช่รึไง’
เพราะอาการเมาเรือ?
* * *
หลังจากพักผ่อนจนถึงเวลากาลาดินเนอร์ เราย้ายก้นไปยังโถงจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ
โถงจัดงานเลี้ยงขนาดมโหฬารมีสามชั้น หน้าทางเข้ามีกัปตันกับลูกเรือคีโมโพลียายืนต้อนรับอยู่
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
พวกเราจัดระเบียบเครื่องแต่งกายแล้วเดินตรงไปทางประตู
—
MasterGU.edited = หนาหนุ่ม