📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 22

บทที่ 22 - บังเอิญ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

แต่สำหรับสัญญาซื้อขายพวกนี้ จี้หยวนแค่เหลือบมองเท่านั้น สายตากระจอกอย่างเขายังหวังมองเห็นว่าบนนั้นเขียนว่าอะไรอย่างชัดเจนหรือ ถึงอย่างไรสำหรับลู่เฉิงเฟิงตอนนี้จี้หยวนค่อนข้างเชื่อมั่นแล้ว

ทันใดนั้นความรู้สึกชาหนึบเริ่มแผ่กระจายทั่วร่าง จี้หยวนรีบจดจ่อกับความรู้สึกในกายโดยละเอียดต่อ

เรื่องแปลกคือเขายิ่งคิดสัมผัสโดยละเอียดก็ยิ่งเข้าใจความรู้สึกนี้ยาก กลายเป็นว่าการผ่อนคลายจิตใจสลัดความคิดฟุ้งซ่านกลับคืบหน้าอย่างอัศจรรย์

ดูเหมือนร่างกายสูงใหญ่ขยายโดยไร้ข้อจำกัดทันที คล้ายเห็นเส้นลมปราณทั่วร่างกลายเป็นแม่น้ำใหญ่ ร่างกายเลือดกระดูกโดยรอบเคลื่อนไหวตามธรรมชาติเหมือนภูผาธาราสายน้ำไหล…

เมื่อจี้หยวนไร้ความคิดกำจัดอารมณ์สับสนไปเรื่อยๆ ความรู้สึกเหมือนเห็นฟ้าดินนั้นก็ยิ่งเป็นธรรมชาติ ภายใต้การแทรกซึมจิตวิญญาณ จิตรับรู้เหมือนกลายเป็นไอวิญญาณ ท่องกลางฟ้าดินด้วยสภาพไร้น้ำหนัก มีภูผาธาราทับซ้อน มีกระแสคลื่นเหวลึก มีลมฝนเลือนราง มีฟ้าโปร่งครึ้มหมอก ยามนี้ทุกลักษณ์ประหลาดตัดสลับแปรปรวนเกินคาดเดา…

ท่ามกลางความเลือนรางเปี่ยมภูผาธาราหมอกควันตาข่ายดาวเจิดจรัสแถบนี้ แม้ว่าไม่สามารถมองเห็น แต่จี้หยวนรู้สึกถึงการมีอยู่ของหมากมายาตัวหนึ่ง ล่องลอยอยู่กลางฟ้าดิน

“ท่านจี้? เอ่อ คือ บันทึกทางการบอกว่าเรือนหลังนี้อาจเป็นบ้านผีสิง ท่านมองออกอยู่แล้วใช่หรือไม่”

ลู่เฉิงเฟิงทนไม่ไหว อยากยืนยันกับจี้หยวนด้วยตัวเองสักหน่อย

แต่ตอนนี้จิตใจของจี้หยวนไร้ความคิดฟุ้งซ่าน กายใจทั้งหมดดื่มด่ำอยู่กับนิมิตภายในใจซึ่งหาได้ยาก เมื่อเสียงของลู่เฉิงเฟิงดังเข้ามาในใจกลับกลายเป็นเสียงอสนีบาตดังครั่นครื้นเป็นระลอก

ความรู้สึกนี้อัศจรรย์ยิ่ง ทำให้จี้หยวนฮึกเหิมมาก ยามนี้เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าตนต้องใช้ชีวิตนี้อย่างมีสีสันแน่ ใบหน้าอดเผยรอยยิ้มไม่ได้ ปราณวิญญาณเขียวนั่นมีโอกาสสูงว่าเป็นปราณวิญญาณในตำนาน

ลู่เฉิงเฟิงยิ้มแล้ว ท่านจี้ก็คือท่านจี้ มีหรือจะดูไม่ออก คนอื่นซื้อเรือนนี้คือการกลัวว่าชีวิตจะยืนยาว มาถึงมือท่านจี้ที่นี่ช่างได้ประโยชน์จริงๆ

“เช่นนั้นท่านจี้คิดกำจัดสิ่งสกปรกที่นั่นเมื่อไหร่ ต้องการให้พวกเราช่วยหรือไม่”

ลู่เฉิงเฟิงถามอย่างคาดหวังอยู่บ้าง วิชาลับของผู้สูงส่งหายากยิ่งกว่าวิชายุทธ์ของจอมยุทธ์ชั้นยอดมาก

แต่ครั้งนี้เขาเห็นว่าจี้หยวนแค่ยิ้มเล็กน้อยไม่ตอบ รออยู่ครู่หนึ่งก็เห็นแค่ท่านจี้นั่งหลับตาอย่างสบายใจ

ลู่เฉิงเฟิงอักอ่วนอยู่บ้าง คิดว่าท่านน่าจะไม่พูดเพื่อปฏิเสธ ทั้งเมื่อครู่ตนเหมือนจะรบกวนการฝึกปราณของท่านจี้ด้วย

“ถ้าท่านจี้มีธุระอะไรเชิญสั่งความ สองวันนี้พวกเรายังอยู่อำเภอหนิงอัน รออาการบาดเจ็บของพวกเยี่ยนเฟยกับศิษย์น้องลั่วทรงตัวอีกหน่อยค่อยจากไป…”

จี้หยวนยังไม่ตอบสนองอะไร ลู่เฉิงเฟิงเองไม่กล้าเฝ้ารออยู่บ้างเช่นกัน คล้ายว่าตนกำลังรบกวนท่าน ระวังทำให้ท่านไม่พอใจ

“เชิญท่านพักผ่อนตามสบาย เฉิงเฟิงขอลา!”

ลู่เฉิงเฟิงวางกระบอกพู่กันลงบนโต๊ะเงียบๆ จากนั้นจึงรีบซอยเท้าจากไป ทั้งยังปิดประตูห้องเบาๆ

ผ่านไปชั่วยามกว่า จี้หยวนเพิ่งถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น ใช่ว่าไม่อยากสัมผัสต่อ แต่รู้สึกว่านานเข้ายิ่งอ่อนแอ ทนต่อสภาพนั้นไม่ไหวแล้ว

หลังจากดึงสติกลับมาทีละน้อยแล้วลองมองภายในห้อง พวกเอกสารสัญญาซื้อขายยังวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนลู่เฉิงเฟิงไม่รู้ว่าจากไปเมื่อไหร่ ช่วยไม่ได้ สถานการณ์เมื่อครู่เหนือการคาดเดาของจี้หยวนอยู่บ้าง ถึงกับเปลี่ยนเป็นหลงลืมตัวตนทันที

แน่นอนว่าจี้หยวนเห็นกระบอกพู่กันบนโต๊ะด้วย เขาแอบกล่าวชมว่าลู่เฉิงเฟิงมีน้ำใจอย่างอดไม่ได้

เวลานี้จี้หยวนสังเกตเห็นโฉนดที่ดินกรรมสิทธิ์บ้านพวกนี้แล้ว ความยินดีจากการซื้อบ้านเด่นชัดขึ้นมา

เขาหยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด

แม้ว่าการมองเห็นของจี้หยวนใช้ไม่ได้ แต่ยกกระดาษดูจนแทบติดตาแล้วยังเห็นตัวอักษรประณีตบนสัญญาซื้อขายกับเอกสารพวกนี้รางๆ ข้อปลีกย่อยมากมายจัดวางสมบูรณ์ รวมถึงตราประทับแดงเล็กใหญ่กับตราราชการที่ใหญ่ที่สุดด้วย

แน่นอนว่าในสายตาจี้หยวนตราประทับก็คือลายกลมสีแดง

กอปรกับได้ยินลู่เฉิงเฟิงบอกว่าทางการยังมีบันทึกด้วย ทำให้จี้หยวนรู้สึกว่าสัญญาซื้อขายเช่นนี้น่าจะถือว่าค่อนข้างเคร่งครัด

แต่เพราะเป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่ง จี้หยวนคิดจะคลำดูว่ารายละเอียดบนนั้นเขียนว่าอะไรก็ลำบากนัก เรื่องนี้ทำให้เขาพลันนึกถึงปัญหาที่ค่อนข้างร้ายแรงข้อหนึ่งเช่นกัน

ตอนนี้เขาไม่อาจรู้ภูมิหลังยุคสมัย ทิวทัศน์วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ซึ่งตนอยู่ผ่านการซื้อตำราและวิธีอื่นได้!

ความจริงจี้หยวนสงสัยมาตลอด ตนถือว่าอยู่ยุคโบราณของประเทศจีนหรืออยู่ในมิติอื่นที่เหมือนกัน สองวันนี้ยังไม่ทันหาข้อพิสูจน์

ถ้ากล่าวกันตามการคาดเดาจากมุมมองส่วนตัวตอนนี้ การเจออสูรเสือและผีชางในระยะประชิด เห็นวิชายุทธ์ที่แท้จริงของพวกเยี่ยนเฟย จี้หยวนยิ่งเอียงไปทางข้อสันนิษฐานว่าตนอยู่อีกมิติ

บางทีหลังพวกลู่เฉิงเฟิงออกจากอำเภอหนิงอันแล้ว เชิญบัณฑิตผู้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์มาขอคำชี้แนะหน่อยจะเหมาะสมกว่าหรือไม่

จี้หยวนค่อนข้างมองโลกแง่ดีมาตลอด สถานการณ์ปิดตายยามเปิดฉากชีวิตนี้ยังผ่านมาแล้ว เรื่องอื่นคงมีวิธี ไม่ต้องรีบจัดการในคราวเดียว

เขามองสี่สมบัติประจำห้องหนังสือที่ตนนำมาวางบนโต๊ะโรงเตี๊ยมอีกด้านหนึ่ง จี้หยวนซึ่งอารมณ์ไม่เลวฉุกคิดขึ้นมาได้ พลันอยากลองเป็น ‘คนตาบอดเขียนอักษร’

แต่หลังจากฝนหมึกเสร็จแล้วหยิบพู่กัน สัมผัสทางมือดูแปลกผิดปกติ เหมือนว่ามีการจดจำทางกาย จรดพู่กันบนกระดาษขาวลื่นไหลราวสายน้ำหลาก อักษรลี่[1] อักษรจ้วน[2] อักษรข่าย[3] ซับซ้อนเรียบง่ายเขียนคล่องไม่ติดขัดแม้แต่น้อย

“เชี่ย เรานี่มันโคตรเจ๋ง!”

จี้หยวนอดเอ่ยเสียงเบาอย่างตื่นเต้นไม่ได้ ตัวอักษรเขียนดีหรือไม่ มีความรู้สึกเช่นนี้คงพอทำเนา!

ดูท่าว่าก่อนขอทานคนเดิมตกต่ำคงมีเรื่องราวช่วงหนึ่ง

เวลาคัดอักษรนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กอปรกับผลาญพลังกาย จี้หยวนเริ่มหิวอยู่บ้างแล้ว

จี้หยวนมองลำแสงนอกหน้าต่าง ต่อให้ยังไม่ถึงเวลาอาหารก็ใกล้แล้ว

เขาลุกขึ้นเหยียดกายเล็กน้อย เก็บกรรมสิทธิ์บ้านบนโต๊ะอย่างดี เตรียมไปเยี่ยมพวกจอมยุทธ์น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ถือโอกาสเตือนพวกเขาว่าควรกินข้าวแล้ว ไม่ใช่เพื่อขอกินแต่เป็นการเตือนด้วยความหวังดี!

ทุกคนจองห้องอยู่โรงเตี๊ยมเดียวกัน ระยะห่างมีจำกัด เมื่อออกมาจากห้อง เดินตามโถงทางเดินชั้นสามของโรงเตี๊ยมสองสามก้าวก็ถึงห้องที่พวกจอมยุทธ์น้อยอยู่แล้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ตั้งแต่เด็ก พื้นฐานร่างกายล้วนไม่เลวนัก ประกอบกับรักษาตัวทันเวลาพอดี สองสามวันมานี้อาการบาดเจ็บจึงทรงตัว ถึงขั้นเดินด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องมีคนดูแลตลอด

จี้หยวนไปหาแต่กลับพบความว่างเปล่า แม้แต่ภายในห้องซึ่งลู่เฉิงเฟิงอยู่ก็ไม่มีเสียงลมหายใจ

โชคดีที่ลองเงี่ยหูฟัง แยกเสียงเฉพาะตัวพวกนั้นจากเสียงสภาพแวดล้อมเซ็งแซ่ได้ ฟังแล้วเหมือนฝึกมวยอยู่ตรงสวนหลังโรงเตี๊ยม

สวนหลังโรงเตี๊ยมเมฆามีพื้นที่ว่างกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง เชื่อมต่อกับเรือนเล็กสองหลังของกิจการโรงเตี๊ยม คอกม้าโรงหญ้าเลี้ยงสัตว์ห้องเก็บฟืนล้วนติดกับที่นี่

สถานที่นี้เหลือไว้สร้างขยายในภายหน้าได้ ยังเป็นที่ซึ่งโรงเตี๊ยมตากผ้าปูผ้าห่ม วางผักหมักดองทุกวัน

เวลานี้พวกคนเจ็บนั่งพักผ่อนอยู่ด้านข้าง พวกลู่เฉิงเฟิงกำลังจับคู่ฝึก แขกของโรงเตี๊ยมมากมายกับเด็กรับใช้ที่ไม่ค่อยยุ่งบางคนเฝ้าดูตรงประตูหลังโรงเตี๊ยม

อำเภอหนิงอันเป็นสถานที่เล็กห่างไกลแห่งหนึ่ง คนในยุทธภพไม่มาก ยิ่งไม่มีพวกวิชายุทธ์ล้ำเลิศอะไร ดูจอมยุทธ์แห่งยุทธภพพวกนี้ออกหมัดต่อยกันไปมาแล้วสะใจนัก

ท่ามกลางเสียงหมัดเท้า ต้นหลิวสองสามต้นโดยรอบส่ายสั่นตามลม

เมื่อจี้หยวนมาถึงประตูด้านหลังโรงเตี๊ยม ประตูด้านหลังถูกเด็กรับใช้ของโรงเตี๊ยมบางคนขวางไว้แล้ว แม้แต่พวกแม่ครัวโรงเตี๊ยมกับหญิงช่วยงานสองคนก็รวมกลุ่มเฝ้าดูอยู่ที่นี่

ลู่เฉิงเฟิงกับชายหนุ่มนามหวังเค่ออีกคนกำลังสู้จนยากจะชี้ขาด ไม่ได้ใช้อาวุธ ทั้งสองฝ่ายใช้หมัดเท้าแลกเปลี่ยนความรู้กัน

หวังเค่อใช้กระบี่เป็น แต่ถนัดวิชาฝ่ามือมากกว่า ส่วนลู่เฉิงเฟิงถนัดวิชาหมัดกับวิชากรงเล็บ

ปึกๆ! ตึง…

เวลานี้ทั้งสองฝ่ายใช้แขนตั้งกระบวนท่าโจมตีพอดี ขณะเดียวกันยังยื่นขาเตะอีกฝ่าย หลังจากมือเท้าปะทะกันหลายครั้ง ลู่เฉิงเฟิงเอนกายถลาไปด้านหลัง หวังเค่อลอยตัวไปยังต้นหลิวด้านหลังเขาเหมือนผีเสื้อ ม้วนตัวเหยียบลำต้นก่อนบิดขาถีบ อาศัยแรงซัดฝ่ามือใส่ลู่เฉิงเฟิงทันที

ลู่เฉิงเฟิงเพิ่งยืนมั่นร่างกายก็สัมผัสถึงเสียงทลายอากาศพุ่งเข้ามา เขาทิ้งตัวนอนราบโดยไม่แม้แต่จะคิด ถือโอกาสใช้มือยันพื้น ขาซ้ายเตะหวังเค่อที่ซัดฝ่ามือมาเหนือตัว ขาขวาที่ออมแรงมากกว่าตามหลังไปติดๆ

ปึง! ปึง!

หวังเค่อคิดเองว่าเปลี่ยนกระบวนท่าเร็วพอแล้ว แต่ความเร็วกับความแรงของลูกเตะสองครั้งนี้มากกว่า ฝ่ามือทั้งสองกันสองขาจนทำให้มือไม้ชาไปหมด ทั้งตัวยิ่งถูกเตะจนลอยไปกลางอากาศ

“ระวังด้วย!”

ลู่เฉิงเฟิงตวาดเตือนพลางบิดตัวกลับ สองแขนยันพื้นจนเส้นเลือดปูดโปน

“ฮึบ!”

ขาซ้ายงอเล็กน้อย ขาขวาตั้งตรง ขยับร่างก่อนดีดตัวเหมือนขดลวด เตะใส่หวังเค่อกลางอากาศ

ปึง!

ลูกเตะเดียวคลายการป้องกันหวังเค่อ กระแทกใส่หน้าอกอีกฝ่าย แต่เห็นชัดว่าความแรงลดลงกว่าครึ่ง

การโจมตีนี้ตัดสินแพ้ชนะแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างใช้วิชาของตนโรยตัวลงพื้นอย่างแผ่วเบา

พวกลูกจ้างโรงเตี๊ยมตรงหน้าจี้หยวนปรบมืออย่างอดไม่ได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“สู้ได้ดี!”

“สนุกกว่าละครหน้าอารามนัก!”

“ร้ายกาจ จอมยุทธ์น้อยลู่ร้ายกาจจริง!”

“จอมยุทธ์น้อยหวังก็ไม่แย่!”

“เอาอีกๆ!”

จี้หยวนปรบมือด้วย แม้ว่าเขามองไม่ค่อยชัด แต่จากภาพที่เห็นกับเสียงต่อสู้เป็นจังหวะที่ได้ยินพวกนั้น ถือว่าสู้กันอย่างยอดเยี่ยมนัก

…………………

[1] อักษรลี่ คือ อักษรมาตรฐานสมัยราชวงศ์ฮั่น

[2] อักษรจ้วน คือ รูปแบบอักษรช่วงราชวงศ์ฉิน

[3] อักษรข่าย คือ ตัวอักษรที่พัฒนามาจากอักษรลี่

Facebook Twitter Telegram Pinterest
เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

ChronoGo, Lan Ke Qi Yuan, Lạn Kha Kỳ Duyên, Special Destiny Of Rotten Ke, The Board of Lanke, Kismet of the Lanke Piece, Lanke Chess Edge, The Board Of Lanke, 烂柯棋缘, 난가기연
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ต้นฉบับ: 1021 Chapters (จบแล้ว)
จี้หยวน พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไปร่วมกิจกรรมค่ายพักกลางแจ้ง ระหว่างเดินชมต้นไม้ไปเรื่อยๆ เขาพบกระดานหมากบนตอไม้กลางป่า พอจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกลับปลดล็อกหน้าจอไม่ได้ คิดว่าแบตหมดแล้วจึงรีบกลับไปหาแบตสำรองที่ค่าย แต่พอกลับไปถึงที่ตั้งค่าย กลับไม่มีคนในบริษัทอยู่สักคน แม้แต่เต็นท์ก็หายไปหมด.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset