📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี เซียนหมากข้ามมิติ – ตอนที่ 185

บทที่ 185 - ผู้รับรู้ถึงใต้หล้า
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เห็นสีหน้าที่ยากจะปกปิดของฉิวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย จี้หยวนก็รีบกล่าวเสริมอีก

“ข้าคนแซ่จี้ย่อมรู้ว่ายันต์บัญชาเขาสำคัญกับเขาล้อมล้อมหยกเป็นอย่างยิ่ง หากวันนี้ยังมีคนที่สองมาข้าไม่มีทางเอ่ยคำขอร้องที่สุ่มเสี่ยงนี้ แต่มีเพียงท่านฉิวมาลำพัง ข้ารู้สึกเหมือนได้พูดคุยเล่นกับสหายเก่า จึงลองสอบถามดูเท่านั้นเอง!”

ฟังจี้หยวนพูดเช่นนี้แล้ว ฉิวเฟิงพลันสบายใจขึ้นมากทีเดียว ยิ่งวางใจลงได้ไม่น้อย ความกดดันชนิดที่ได้พบกับ ‘ท่านเซียนตัวจริง’ ลดน้อยลงมหาศาล เขาไม่ได้ตอบไปโดยตรง ทว่าถามเรื่องที่ค่อนข้างกังวลใจก่อน

“ข้าขอบังอาจถาม ไม่ทราบว่าท่านจี้และประมุขมังกรแม่น้ำเทียมฟ้ามีความสัมพันธ์ใดต่อกัน”

ด้วยมรรควิถีของฉิวเฟิง นับได้ว่าเป็น ‘เซียน’ บนเขาล้อมหยกแล้ว มีคุณสมบัติคู่ควร เข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่ายอดเขาโลหะของเขาล้อมหยกลงค่ายกลต้านมังกรไว้โดยเฉพาะ สำหรับป้องกันมังกรแท้ตัวนั้น

ฉิวเฟิงเคยฟังอาจารย์พูดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาล้อมหยกและมังกรแท้นั้นนับไม่ได้ว่าดี ตอนนั้นบรรพจารย์จื่ออวี้ล่วงเกินมังกรเฒ่า คิดไม่ถึงเลยว่าชือเจียวตัวนั้นจะกลายร่างเป็นมังกรได้สำเร็จจริงๆ สองร้อยกว่าปีก่อนมังกรแท้มาแก้แค้นที่เขาล้อมหยก ถือเป็นภัยใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเขาล้อมหยกเลยทีเดียว

แม้หลังจากนั้นเนิ่นนานหลายปีจะสงบสุขไร้เรื่องราว ทว่าเขาล้อมหยกก็ไม่กล้าปลดระวางเลิกระแวงโดยสิ้นเชิง

จี้หยวนยินดีเล่าถึงความสัมพันธ์ของเขาและมังกรเฒ่าเช่นกัน

“ข้าและท่านอิงนับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ปีนั้นข้ารู้จักกันโดยบังเอิญขณะอ่านตำราอยู่นอกพื้นที่รกร้าง หลายวันก่อนหน้านี้เขาก็มาที่นี่ อืม นั่งตรงตำแหน่งที่ท่านนั่งนี่แหละ”

ฉิวเฟิงก้มมองตามสัญชาตญาณ มีพริบตาหนึ่งที่คิดอยากเปลี่ยนเก้าอี้หิน แต่กลับมองอะไรไม่ออกจากบนสีหน้า

“ทว่าขอท่านฉิวโปรดวางใจ ที่มังกรแท้สร้างปัญหาให้เขาล้อมหยกในตอนนั้น จบกันแล้วก็จบกันไป แม้ท่านอิงจะชื่นชอบการเปรียบเทียบเป็นครั้งคราว ไม่ค่อยถูกชะตากับพวกท่านเขาล้อมหยกสักเท่าไหร่เสมอ ทว่ายังคงมีมารยาทหลงเหลืออยู่ เขาออกปากกับข้าเองว่าเรื่องนี้จบสิ้นไปตั้งนานแล้ว”

ในใจฉิวเฟิงตื่นเต้นอยู่บ้าง ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย สอบถามต่ออย่างระมัดระวังและจริงจัง

“ท่านจี้พูดจริงหรือ”

จี้หยวนชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง วางหมากดำในมือลงบนกระดานหมาก

“หากท่านอิงไม่ได้ว่างไม่มีอะไรทำจนต้องหลอกลวงข้า นั่นย่อมเป็นความจริง”

คำพูดนี้ทำให้คลายคิ้วที่กำลังขมวดมุ่นออก ก่อนจะประสานมือให้จี้หยวน

“ขอบคุณท่านจี้มาก!”

จากมุมมองของฉิวเฟิง คำบอกเล่านี้สำคัญต่อเขาล้อมหยกในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่งจริงๆ กอปรกับสถานการณ์ที่ดำเนินมายาวนาน ระดับความน่าเชื่อถือไม่น่าต่ำต้อย อีกทั้งยากจะพูดได้ว่าท่านจี้จะช่วยเขาล้อมหยกสักครั้งหรือไม่

ถึงอย่างไรเสียคำว่ายกภูเขาออกจากอกก็ใช่ว่าจะมีได้ในช่วงนี้

“ส่วนที่ท่านจี้บอกว่าต้องการชมยันต์บัญชาเขาสักครั้งนั้น ข้าเองลำพังตัดสินใจไม่ได้ ถึงขั้นรู้สึกว่ามีความหวังไม่ได้ อย่างไรเสียก็ไม่เคยมีข้อยกเว้นมาก่อน”

เรื่องนี้จี้หยวนเตรียมใจไว้แล้ว เดิมทีเกิดความคิดนี้ยามที่มังกรเฒ่าพูดถึงยันต์ภูเขา นับว่าเป็นการโยนอิฐเพื่อล่อหยก

“รบกวนท่านฉิวบอกกล่าวเรื่องนี้แล้ว ดื่มชาเถอะ!”

จี้หยวนยกกาชาขึ้นเทใส่ถ้วยให้ฉิวเฟิง ใช้การสนทนาเปลี่ยนเรื่องคุยไปมา พร้อมทั้งสอบถามฉิวเฟิงถึงมุมมองที่มีต่อข่าวลือหอความลับสวรรค์ด้วย

ความจริงแล้วข้างหลังต่างหากคือของดี จี้หยวนทั้งพูดเปรียบเปรย ทั้งสอบถามถึงสถานการณ์ของจวนเซียนหรือถ้ำแดนอริยมรรคเซียนอื่นๆ

คล้ายกับถามว่าเขาล้อมหยกรู้มุมมองที่ทุกฝ่ายมีต่อข่าวลือหอความลับสวรรค์หรือไม่ แต่ระหว่างนั้นจะถามเรื่องราวภายในจวนเซียนต่างๆ ด้วยความใคร่รู้เสมอ หลายเรื่องแม้แต่มังกรเฒ่าเองก็ไม่รู้

สำหรับเรื่องเหล่านี้ ฉิวเฟิงเล่าอย่างหมดเปลือก ถือว่าสนทนากับท่านจี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ แต่สงสัยอยู่บ้างว่าท่านจี้ปิดกั้นข้อมูลนี้เกินไปหรือไม่

ทว่าเห็นท่านจี้มีท่าทีสนอกสนใจทุกเรื่อง ฉิวเฟิงพูดแล้วยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ จึงเลือกหัวข้อที่ค่อนข้างน่าสนใจมาพูด ตอบสนองคำถามของท่านจี้ถึงรายละเอียดในด้านต่างๆ

ที่จริงผู้ฝึกเซียนแม้ควบคุมอารมณ์ได้มากกว่า แต่สำหรับบางเรื่องคล้ายกับมนุษย์เช่นกัน อย่างระหว่างจวนเซียนบางแห่งมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับฟ้าดินภายในตัวและการฝึกปราณ เกิดการถกเถียงขณะรวมกลุ่มพูดคุยกันอยู่บ่อยครั้ง ต่างฝ่ายต่างยืนหยัดในความคิดเห็นของตนเองและโต้เถียงกันอย่างหนัก เกือบจะวิวาทกันด้วยซ้ำ จนถึงตอนนี้แล้วเห็นเมื่อไหร่ก็ไม่ชินสักที

เรื่องพรรค์นี้ไม่เพียงจี้หยวนรู้สึกสนใจมาก ตอนฉิวเฟิงพูดก็รู้สึกว่าน่าสนใจเช่นกัน ต่อให้ผู้ฝึกเซียนจิตใจบริสุทธิ์ไร้กิเลสเพียงใดก็เหมือนกัน ทว่าระดับเรื่องที่กังวลแตกต่างจากมนุษย์

ข่าวลือประเภทนี้ไม่มีทางได้ยินจากมังกรเฒ่า ดังนั้นตลอดทั้งวันจี้หยวนจึงวางหมากไปพลาง สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นกับฉิวเฟิงไปพลาง นับว่ามีความเข้าใจที่ตรงไปตรงมาต่อโลกฝึกเซียนดั้งเดิมมากยิ่งขึ้น

เหมือนกับเรื่องที่เกี่ยวกับข่าวลือหอความลับสวรรค์จะถูกจี้หยวนเปลี่ยนไปมาจนหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่โดยพื้นฐานแล้วข่าวคราวทั้งหมดล้วนมีไว้สำหรับเรื่องนี้ เงื่อนไขแรกคือจี้หยวนยังคงเป็นผู้รู้เรื่อง ‘คุณลักษณ์ปราณต้าเจิน’ เพียงผู้เดียวบนโลกนี้

‘แปดส่วนคือตัวเรานี่แหละ!’

สิ่งนี้ตัดสินได้โดยไร้ความกดดัน และไม่ใช่เพราะจี้หยวนโอ้อวดอะไร ความจริงก็เหมือนกับคำพูดล้อเล่นของมังกรเฒ่าในตอนนั้น

ยิ่งพูดคุยกับผู้มีเมตตาอย่างจี้หยวนนานเข้า ก็ทำให้ฉิวเฟิงเกิดคิดไปเองว่าเขาสนิทสนมกับท่านจี้มากอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก

ฉิวเฟิงเล่าอย่างมุ่งมั่นว่าตนเองฝึกเซียนมุ่งทางมรรคได้อย่างไร ตั้งแต่วิธีการฝึกปราณเมื่อยังเด็กจนถึงปัจจุบัน และหลังจากทอดถอนใจพูดถึงบ้านเกิดและครอบครัวเมื่อในอดีตแล้ว เขาถึงค่อยหยั่งเชิงถามว่า

“ท่านจี้ ไม่ทราบว่าท่านพเนจรจากหมู่บ้านเซียนใดมายังมุมทางใต้ของเกาะเมฆาบูรพา ข้าย่อมรู้ว่าท่านไม่มีทางมาเพื่อวาสนาคุณลักษณ์เซียนต้าเจินที่ไร้เค้าลาง อย่างไรเสียท่านก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว ทว่าหากคนจากโลกภายนอกรู้เข้าข้าว่ายากนักจะไม่คิดมาก คนที่เหลือในเขาล้อมหยกของข้าก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความคิดนี้ได้เช่นกัน”

ฟังที่ฉิวเฟิงพูดแล้ว ปฏิกิริยาแรกของจี้หยวนคือรู้สึกว่าเหลวไหลอยู่บ้าง เพราะความจริงแล้วเขามาเพื่อ ‘คุณลักษณ์ปราณต้าเจิน’ จริงๆ และเป็นคนเดียวในใต้หล้าที่เกี่ยวข้องมากที่สุด

สำหรับคำถามของฉิวเฟิง จี้หยวนใคร่ครวญอย่างละเอียดครู่หนึ่ง แม้จะคิดว่าควรโกหกให้เลยตามเลยไปดีหรือไม่ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าไหร่ อีกทั้งอาจมีความยุ่งยากตามมาในภายหลัง พูดความจริงออกไปเสียดีกว่า ส่วนฉิวเฟิงจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขาเองแล้วโuเวลกูดoทคอม

“ที่จริงข้าคนแซ่จี้ไม่ใช่คนนอกอะไร บ้านเกิดก็อยู่ในอาณาเขตต้าเจินนี่แหละ ส่วนเหตุใดข้าคนแซ่จี้เป็นกบในกะลาเช่นนี้ หึๆ อาจจะเป็นเพราะขี้เกียจหรือก่อนหน้านี้ไม่สนใจ หรืออาจจะแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ก็เป็นได้…”

วันนี้พูดคุยกับฉิวเฟิงมากมาย ตอนจี้หยวนประกอบโลกใบนี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในใจ เขาเองก็ทอดถอนใจอยู่บ้างเช่นกัน โดยเฉพาะได้ยินฉิวเฟิงพูดถึงประสบการณ์ของตนเองตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เป็นมนุษย์จนเป็นเซียน มีบ้างที่อารมณ์ขึ้นลง ก่อนหน้านี้พูดอย่างสบายอกสบายใจ แต่หลังจากนั้นทอดถอนใจอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็กล่าวในใจตามสัญชาตญาณด้วย

‘พอตื่นมาโลกก็พังทลายแล้ว…’

ตอนนี้สายตาจี้หยวนเคลื่อนจากหมากขาว ราวกับมองกระดานหมากบนโต๊ะ และคล้ายกับกำลังมองแนวโน้มฟ้าดินของการแปรหมากในตอนนั้น ทำให้เรือนสันติโดยรอบเปลี่ยนเป็นคลุมเครือ เหมือนกับยืนอยู่ข้างนอกอำเภอหนิงอันเพียงลำพัง และเหมือนผสานเข้ากับฟ้าดินอย่างแท้จริง

มือขวาฉิวเฟิงยังคงถือถ้วยชา มือซ้ายกำมุมหนึ่งของเสื้อตัวยาวใต้โต๊ะแล้ว สภาพการณ์จิตวิญญาณเปลี่ยนแปลง มนุษย์และธรรมชาติแปรผันนั้นยากจะอธิบายว่าเป็นความยิ่งใหญ่เพียงใดโดยสิ้นเชิง

คำพูดนี้ของจี้หยวนฉิวเฟิงฟังแล้วรู้สึกชัดเจนว่ายังไม่จบ อาจกล่าวได้ว่าส่วนที่เหลืออาจแสดงออกด้วยความหมายอันสูงส่งเช่นนี้ มีพริบตาแรกสุดที่ฉิวเฟิงคล้ายกับมองเห็นความผันผวนเพราะศตวรรษเปลี่ยนผ่านซึ่งแทรกอยู่ในแรงกดดันหนักหน่วง ทำให้เขาจิตใจสั่นสะท้าน ยิ่งต้านทานนั้นเข้า เหงื่อเย็นๆ ก็แตกพลั่ก

ระหว่างที่ทุกอย่างไม่ชัดเจน แม้กระทั่งมีความรู้สึกหวาดผวาที่ไม่อาจมองข้ามได้

กึก…

จี้หยวนเหมือนกับรู้สึกได้ว่าตนเองใจลอย เสียงดังจากหมากขาวตกลงบนกระดานหมากหยุดทุกสิ่ง เรือนเล็กยังคงเป็นเรือนเล็ก ฤดูร้อนยังคงเป็นฤดูร้อน

แรงกดดันลึกลับของฟ้าดินเปิดเผยออกมาเล็กน้อยอย่างยากจะเลี่ยงเมื่อครู่นี้ ผู้ฝึกเซียนที่จิตวิญญาณผุดผ่อง คุณลักษณ์ปราณเฉียบคมอย่างฉิวเฟิงอาจจะรู้สึกได้บ้าง

โชคดีเช่นกันที่รู้สึกได้เพียงเล็กน้อย หากเข้มข้นมากถึงสิบกว่าถึงยี่สิบเท่า จี้หยวนกลับไม่ถือว่าเปิดเผยความลับฟ้า ทว่าฉิวเฟิงน่าจะหัวใจล้มเหลว

“ผู้ฝึกเซียนเช่นข้ากับท่าน พูดอย่างไรก็เป็นมนุษย์ อายุมากแล้วอาจรู้สึกสลดใจบ้าง ทำให้ท่านฉิวหัวเราะเยาะแล้ว!”

จี้หยวนทำได้เพียงอธิบายอย่างขอไปทีเช่นนี้

“ไม่เป็นไรๆ!”

ฉิวเฟิงอยากพูดอย่างอื่น แต่กลับไม่กล้าคล้อยตามเช่นเมื่อครู่นี้แล้ว ทำได้เพียงพูดว่าไม่เป็นไรอยู่หลายเสียง เขาเองฝึกปราณมาได้เกือบสองร้อยปีแล้ว กระนั้นไม่เคยรู้สึกมหัศจรรย์ใจและหวาดกลัวเช่นนี้เลย

ตรงนั้นเป็นมนุษย์ที่ถือแผ่นไม้ไผ่วางหมากคนหนึ่งแท้ๆ อีกทั้งไม่ได้ใช้พลังหรือปล่อยประกายเทพออกมา แต่ตอนนี้มอบความกดดันไร้รูปร่างให้กับฉิวเฟิงมากกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ทำให้เขาไม่กล้าเอ่ยปากมั่วซั่ว เปลี่ยนเป็นเงียบขรึมแทน

“ท่านจี้ ข้ากลับมาแล้ว!”

“ข้าก็กลับมาแล้ว…”

เสียงของอิ๋นชิงและหูอวิ๋นดังขึ้นข้างนอกเรือนติดๆ กัน จากนั้นประตูเรือนก็ถูกเปิดออก หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกตามกันเข้ามาในเรือนสันติ

“เอ่อ…มีแขกอยู่ด้วย…”

อิ๋นชิงมองเห็นฉิวเฟิงแล้วชะงักกึก ดวงตาชำเลืองมองจิ้งจอกแดงตามจิตใต้สำนึก ฝ่ายหลังตัวแข็งทื่อราวกับถูกวิชาตรึงร่างที่จี้หยวนศึกษาอยู่ จิ้งจอกตัวนี้เมื่อครู่บอกว่าไม่ได้กลิ่นอะไรอย่างอื่นไม่ใช่หรือ

“วันนี้คุยกันเท่านี้เถอะ ข้าว่าท่านฉิวก็รีบร้อนกลับไปเช่นกัน เช่นนั้นขอไม่รั้งท่านกินข้าวที่นี่ ขอบคุณท่านฉิวมากที่ชี้แนะในวันนี้”

เดิมทีจี้หยวนยังอยากรั้งให้ฉิวเฟิงอยู่คุยต่ออีก แต่เห็นท่าทางนี้ของอีกฝ่ายแล้วเหมือนจะไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่

ฉิวเฟิงลุกขึ้นประสานมือให้จี้หยวนราวกับได้รับการปล่อยตัว

“มิกล้าๆ ข้าคนแซ่ฉิวเพียงคุยเล่นเป็นเพื่อนท่านจี้เท่านั้น ส่วนเรื่องขอชมสักครั้งนั้น ข้าจะกลับไปรายงานให้ตามจริง”

จี้หยวนลุกขึ้นคารวะกลับ ก่อนจะส่งฉิวเฟิงถึงหน้าประตูเรือน

“ท่านฉิวโปรดทักทายบุตรบิดาตระกูลเว่ยแทนข้าด้วย อืม รวมถึงศิษย์นามว่าอีอีในตอนนั้นด้วย”

“ท่านจี้วางใจ ฉิวเฟิงจะนำคำพูดไปโดยไม่ตกหล่น วันหน้าจะมาเยี่ยมเยียนใหม่ ขอตัวลา!”

“ได้ ขอท่านฉิวเดินทางปลอดภัย!”

หลังจากทั้งสองต่างบอกลากันแล้ว ฉิวเฟิงถึงออกจากเรือนเล็กไป

เมื่ออยู่ท่ามกลางบ้านเรือนคนทั่วไป ฉิวเฟิงย่อมไม่อาจเหาะเหินเดินอากาศ ทว่าเดินตามตรอกและถนนเหมือนคนธรรมดา เมื่อรีบร้อนออกจากเมืองได้แล้วถึงคุมวาโยเร่งกลับเขาล้อมหยก

พูดคุยกันทั้งวันเช่นนี้ ข้อมูลสำคัญที่ได้รับถือว่ามากจริงๆ แค่เรื่องมังกรเฒ่าปล่อยวางได้นานแล้วก็พอให้เขาล้อมหยกผ่อนคลาย ทว่าฉิวเฟิงรู้สึกว่าตัวตนที่คงอยู่ของท่านจี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเช่นกัน

ภายใต้ลมฟ้าพัดพา ชุดคลุมของฉิวเฟิงส่งเสียงพึ่บพั่บ จอนผมปลิวไสวตามลม ครั้งนี้เขาไม่ได้ควบคุมตนเองผสานเข้ากับลม กลับปล่อยให้ลมฟ้าปะทะใบหน้า ความนึกคิดภายในใจยังคงถูกชักนำอยู่ที่เรือนสันติแห่งอำเภอหนิงอัน

‘นี่สิเซียนมหัศจรรย์! สิ่งที่ท่านจี้เศร้าสลดคืออะไรกัน…’

ฉิวเฟิงตัวสั่นอยู่บนท้องฟ้าตามจิตใจสำนึก แม้แต่ลมที่คุมไว้ก็ผกผันวุ่นวาย เขาจึงไม่กล้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอีก สำแดงวิชาเหาะร่างจากไป

Facebook Twitter Telegram Pinterest
เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

ChronoGo, Lan Ke Qi Yuan, Lạn Kha Kỳ Duyên, Special Destiny Of Rotten Ke, The Board of Lanke, Kismet of the Lanke Piece, Lanke Chess Edge, The Board Of Lanke, 烂柯棋缘, 난가기연
Score 9.1
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ต้นฉบับ: 1021 Chapters (จบแล้ว)
จี้หยวน พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งไปร่วมกิจกรรมค่ายพักกลางแจ้ง ระหว่างเดินชมต้นไม้ไปเรื่อยๆ เขาพบกระดานหมากบนตอไม้กลางป่า พอจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกลับปลดล็อกหน้าจอไม่ได้ คิดว่าแบตหมดแล้วจึงรีบกลับไปหาแบตสำรองที่ค่าย แต่พอกลับไปถึงที่ตั้งค่าย กลับไม่มีคนในบริษัทอยู่สักคน แม้แต่เต็นท์ก็หายไปหมด.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset