📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยาย World’s Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ – ตอนที่ 459

บทที่ 459 - การกลับมาของหวังหงษ์เต๋า
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ย้อนเวลากลับไปอีกสักเล็กน้อย

หลังจากที่กู่ฉิงซานมุ่งหน้าไปยังตำหนักเจียงซี เพื่อพยายามค้นหาความลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับหวังหงษ์เต๋า

เย่หยิงเหมยกับเซ่าหวูชุ่ยก็ทยอยกันออกจากเวทีตามลำดับ

เซ่าหวูชุ่ยกลับมายังที่พักของเขา

เมื่อมาถึง เจ้าตัวก็ทำการปิดประตูลานหน้าบ้าน พร้อมกับเร่งเปิดค่ายกลทั้งสี่ทิศทันที

สองเท้าย่ำผ่านสวนและทางเดินยาว ก้าวเข้าสู่ห้องฝึกยุทธของตน

เมื่อเข้าไป เขาก็ก้มหน้าลง ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่สักพักหนึ่ง

ช่วงเวลานี้ รอบตัวเขาไม่มีผู้ใดคอยกวนใจอีกแล้ว

ความคิดและเรื่องราวทั้งหมดที่พึ่งเกิดขึ้น ถูกนำมากองรวมกันไว้ในห้องฝึกยุทธนี้

เซ่าหวูชุ่ยยกสองมือขึ้นมาถูไถใบหน้าของตนเอง

ทำไปสักพัก เขาจึงค่อยๆผ่อนคลายลง

“โลกใบใหม่ … ”

เซ่าหวูชุ่ยเอ่ยพึมพำ

ผ่านไปนาน เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ

“โง่เง่านัก! เหตุใดเจ้าจึงต้องสาบานว่าจะสังหารหวังหงษ์เต๋าด้วย!”

ปัง!

กำปั้นที่ฟุ้งไปด้วยความโกรธหวดเข้าใส่กำแพงจุดหนึ่งห้องฝึก เป่าพวกมันจนหายไปทั้งแถบ

ขณะเดียวกัน เส้นทางลับก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังกำแพงที่ว่า

แม้เส้นทางจะถูกเปิดออกแล้ว แต่เซ่าหวูชุ่ยก็ยังมิก้าวเข้าไป เขายืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่สุดท้ายจะตัดสินใจเดินลงไปตามทาง

เขาเดินลึกลงไปใต้ดิน จนกระทั่งพบกับค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า

ศิลาวิญญาณหลายสิบชิ้นถูกนำออกมา ขณะเดียวกันสีหน้าท่าทีของเซ่าหวูชุ่ยก็แสดงออกถึงความเสียดายอย่างสุดซึ้ง

ศิลาวิญญาณก้อนแล้ว ก้อนเล่าถูกวางลงไป

ไม่มีทางเลือก .. ตอนนี้ยังไงก็จำเป็นต้องใช้มัน

เซ่าหวูชุ่ยวางศิลาวิญญาณอย่างละ 7 ชิ้นลงในแต่ละจุดที่เชื่อมต่อกันเป็นค่ายกลขนาดใหญ่

พอเสร็จสิ้นกระบวนการ ค่ายกลก็ถูกเปิดใช้งานทันที พร้อมกับเสียงฮึมฮำของสายลมที่ส่งเสียงหอนออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

เสียงหอนที่ว่านี้ยังคงดำเนินต่อไปสักพักหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ

จนเซ่าหวูชุ่ยเริ่มกระวนกระวาย

“ไม่หรอกน่า … ”

เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาสัมผัสลงบนหน้าอก แตะตรงบริเวณหัวใจของตนเอง

แต่ไม่ต้องรีรอให้เขาจินตนาการเลยเถิดไปไกล เสียงกระแอมไอด้วยความเจ็บปวดจากภายในค่ายกลก็ดังขึ้นมา

เมื่อได้ยินเสียงไอนี้ สีหน้าของเซ่าหวูชุ่ยจึงคลายลงในที่สุด

แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเร่งเร้าใดๆ จึงเฝ้ายืนรออย่างเงียบๆ

สักพักเสียงไอก็หายไป

แล้วถูกแทนที่ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโกรธแทน

“ข้าเคยบอกไปแล้วมิใช่หรือ ว่าหากไม่มีเรื่องวิกฤตอันใด ก็อย่าได้คิดมารบกวน?”

เสียงนี้แม้ดูเหมือนจะเดือดดาล แต่ขณะเดียวกันมันก็แฝงไว้ซึ่งความเจ็บปวดไม่น้อย

“ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานจริงๆ”

เซ่าหวูชุ่ยเอ่ยปากออกมาอย่างระมัดระวัง

“เรื่องสำคัญ? เหอะ! หากมันสำคัญจริงๆเจ้าก็จงพูดมา”

แล้วเซ่าหวูชุ่ยก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างออกไป

“ว่าไงนะ! เจ้าบอกว่าฉีหยานมีโลกใหม่ถึงสองใบอยู่ในกำมือกระนั้นหรือ?”

อารมณ์ร้อนรุ่มเมื่อครู่ได้สลายหายไปโดยสมบูรณ์ ขณะเดียวกันเสียงที่ถูกส่งผ่านมาจากค่ายกลก็ฟังดูค่อนข้างที่จะตื่นเต้น

“เป็นเช่นนั้น เรื่องนี้ข้าได้ทำการยืนยันแล้ว” เซ่าหวูชุ่ยกล่าว

“ดี .. ดีมาก! ข้าจะรีบกลับไปทันที” เสียงชรากล่าวตอบ

“แต่ … อาการบาดเจ็บของท่าน … ”

“หาได้สำคัญไม่” อีกฝ่ายหัวเราะหยัน “บิดามันข้ายังสังหารแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าหนุ่มที่ขนพึ่งจะขึ้นเช่นเขา?”

แต่แล้วเสียงชราก็เปลี่ยนไป “ว่าแต่เรื่องสมบัติมนตราของเย่หยิงเหมยเล่า ทางฝั่งนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ทุกสิ่งอย่างตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าแล้ว ฉีหยานต้องการที่จะใช้สองสิ่งนั้นกับท่าน แต่มันย่อมไม่บรรลุผลอย่างแน่นอน”

“ได้ยินเช่นนั้นก็โล่งใจ ว่าแต่เด็กหนุ่มที่อยู่กับฉีหยานเล่า?”

“บางทีอาจจะยังคงอยู่ในตำหนักเจียงซี เพื่อตามหาใบหยกเทคนิคฝึกยุทธอยู่”

“‘งั้นหรือ เอาล่ะ เจ้าทำหน้าที่ได้ไม่เลวเลย ทีนี้ก็จงไปหยุดเขาเสีย ไม่ว่ายังไงก็ตาม จงอย่าให้เขาล่วงรู้อะไรไปมากกว่านี้”

แล้วน้ำเสียงชราก็กลับมาเป็นปกติ “และนั่นคือสิ่งที่สมควรจะเป็น ส่วนหลังจากนั้นข้าก็จะส่งเขาไปอยู่กับบิดาเอง”

เซ่าหวูชุ่ยเอ่ยแทรกขึ้นทันใด “แต่ข้ายังมิได้เค้นความลับจากเขา … ยังมิได้ล่วงรู้ถึงพิกัดของโลกใหม่เลย”

แต่ขณะที่กล่าวถึงจุดนี้ เสียงชราก็ถูกตัดขาดไปเสียก่อน

เซ่าหวูชุ่ยยังคงยืนอยู่เบื้องหน้าค่ายกล นิ่งงันไปเป็นระยะเวลานาน

ดูเหมือนว่าในสมองของเขากำลังขบคิดอะไรบางอย่าง

“ข้าก็แค่พยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เท่านั้นเอง พวกเจ้ามิอาจตำหนิข้า … มิอาจตำหนิข้าได้!”

เขาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

และขณะเดียวกันกับที่เขากำลังบ่น

ณ นิกายกวงหยาง

บริเวณท้องฟ้าเบื้องบน

ภายในค่ายกลตัดขาดโลกภายนอก

ร่างๆหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น

มันคือร่างของชายชราที่ในแววตาฟุ้งไปด้วยความมืดมน

หวังหงษ์เต๋า

เขาสวมชุดคลุมยาวสีเทา ขณะที่ตรงบริเวณแขนเสื้อของชุดคลุมเปียกชื้นไปด้วยคราบเลือดสีแดงเข้ม

พร้อมกับบาดแผลอันน่าตกใจบนไหล่ของเขา

ภายในบาดแผลสาดแสงไปด้วยประกายสีทองราวกับว่าทั้งแสงและแผลถูกยึดติดกันแน่น ดังนั้นบาดแผลดังกล่าวนี้จึงไม่สามารถรักษาหายได้

ภายในอากาศ บังเกิดชั้นหมอกเลือดจางๆลอยล่องอยู่รอบปากแผล

“ … ฉีรั่วหยา เจ้าไม่จำเป็นต้องทนรอคอยนานเกินควร เพราะอีกประเดี๋ยวหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว ข้าผู้ชราก็จักเรียกเจ้ากลับมาอีกครั้งเอง”

หวังหงษ์เต๋าเปล่งเสียงกระซิบแห่งความเกลียดชัง ขณะที่มือยื่นออกเพื่อจีบวิชาลับ

บังเกิดเฉดเงาสีเทานับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นจากทุกขอบมุมของเกาะลอยฟ้า บินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหวังหงษ์เต๋า

เงาสีเทาค่อยๆก่อรูปขึ้นเป็นร่างศพของผู้ฝึกยุทธที่ภายในแววตาไร้ซึ่งชีวิตชีวา

มือของหวังหงษ์เต๋าขยับไหวเล็กน้อย

พร้อมกันกับที่มือขยับไหว ปากของศพก็ค่อยๆอ้าออก

ตามด้วยละอองสีเทาหม่นที่ค่อยๆลอยออกมาจากปากศพ พวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นกลุ่มก้อนหมอกขนาดใหญ่

หมอกสีเทาขนาดใหญ่นี้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปภายในร่างของหวังหงษ์เต๋า

“ยอดเยี่ยม … ”

แม้หวังหงษ์เต๋าจะส่งเสียงครวญออกมา ทว่าบาดแผลบนไหล่ของเขากลับถูกฟื้นฟูจนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากกระทำการทั้งหมดนี้ หวังหงษ์เต่าก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากของเขา

“เจ้าสินะคือหวูซาน?” เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง

ร่างศพที่คอบิดเป็นเกลียว ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

สองตาของหวังหงษ์เต๋าหรี่แคบลง เพ่งตรวจสอบร่างกายของหวูซานอย่างรอบคอบ

“หืม? ขอบเขตประทับเทพ? แต่กลับไม่แม้กระทั่งจะดิ้นรนต่อต้าน ถูกบิดคอสังหารตกตายลงโดยที่ไม่คิดจะป้องกันตัวใดๆ”

“ขยะแบบนี้ มีชีวิตอยู่ต่อไปก็สิ้นเปลืองพลังงานวิญญาณ”

หวังหงษ์เต๋าถอนหายใจ

แล้วเขาก็คว้าแมลงสีม่วงซึ่งไม่รู้ว่าไปหยิบมาจากที่ไหนออกมา และโยนมันออกไป

แมลงสีม่วงตกลงบนหน้าของหวูซาน และคืบคลานเข้าไปภายในหูของเขาอย่างรวดเร็ว

หลายลมหายใจผ่านไปอย่างเงียบๆ

แต่แล้วจู่ๆหวูซานก็ค่อยๆเคลื่อนไหว

กร๊อบ!

เขาบิดคออย่างแรง จนบังเกิดเสียงดังฟังชัด

“ไม่จำเป็นต้องพยายามหรอก กระดูกคอของร่างนี้หักไปแล้วอย่างสมบูรณ์ มันไม่สามารถกลับมาเชื่อมต่อกันได้อีกต่อไป” หวังหงษ์เต๋ากล่าว

แล้วหวูซานก็หยุดตามที่เขาบอก

พร้อมกับลืมตาขึ้น

ทว่าดวงตาที่ลืมขึ้น มันกลับไร้ซึ่งรูม่านตา ตลอดทั้งดวงตาล้วนเป็นสีขาวขุ่นทั้งหมด

มารแมลงได้เข้ายึดครองร่างศพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

“นายท่านต้องการจะทราบสิ่งใด?” หวูซานเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่ช้ากว่าปกติ

“ฉีหยานได้ค้นพบโลกใหม่เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“เป็นเรื่องจริง”

“แล้วเหตุใดมันจึงมิได้นำพาเจ้ามนุษย์ผู้นี้ไปด้วย”

“เพราะเขากลัว”

“แล้วเหตุใดฉีหยานจึงได้สังหารชายผู้นี้?”

“ไม่อาจสรุปให้กระจ่างได้ ทว่าสิ่งสุดท้ายที่รับรู้ได้ก็คือเย่หยิงเหมยและเซ่าหวูชุ่ยได้ทำการค้นวิญญาณของชายผู้นี้”

“หากเป็นในกรณีนั้น นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นการฆ่าปิดปาก”

หวังหงษ์เต๋าหัวเราะอย่างหนักหน่วง ปากเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าเด็กนั่นมันไม่รู้ว่าแม้จะตายไปแล้ว แต่ข้าก็ยังมีวิธีที่จะทำให้คนตายเปิดปากออกมาได้อยู่ดี”

“นายท่าน พอแล้วหรือยัง?” หวูซานเอ่ยถาม

“ยังมีอีกเรื่อง เจ้าจะต้องบอกพิกัดของโลกใหม่ที่มันปิดบังไว้ให้แก่ข้า” หวังหงษ์เต๋ากล่าว

แต่ยังไม่ทันจะได้กล่าวคำตอบ หวูซานกลับหลับตาลง ทั้งคนทั้งร่างเริ่มจมลงสู่สภาวะซบเซา

“ดูเหมือนว่าแมลงมารระดับนี้จะทำงานล้วงลึกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว” หวังหงษ์เต๋าบ่นพึมพำ

ว่าจบ หวังหงษ์เต๋าก็พ่นละอองเลือดออกมา

ละอองเลือดลอยรวมกันในอากาศ กลายเป็นก้อนเม็ดเลือดเล็กๆ

ขณะที่หน้าอกของหวังหงษ์เต๋าจู่ๆก็บังเกิดรอยแยกเล็กออก พร้อมกับแมลงมารสีขาวที่บินออกมาจากมัน บินตรงไปยังเม็ดเลือดเพื่อหมายจะกลืนกิน

หวังหงษ์เต๋าคว้าจับแมลงขาวเอาไว้ และยัดมันเข้าไปในปากหวูซาน

แมลงขาวคืบคลานเข้าไป

ชั่วขณะหนึ่ง

ดวงตาของหวูซานก็ลืมขึ้นอีกครั้ง

เขาเอ่ยปากอีกคราด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ตามความทรงจำของร่างกายนี้ ฉีหยานมิรู้สึกวางใจที่จะบอกกล่าวคนอื่นๆถึงพิกัดของโลกใหม่ ฉะนั้นจึงมีเพียงฉีหยานเท่านั้นที่ล่วงรู้ถึงพิกัดของมัน”

หวังหงษ์เต๋าตะลึงงัน

“มีเพียงฉีหยานที่ล่วงรู้? เช่นนั้นสิ่งที่เซ่าหวูชุ่ยกล่าว – ไม่สิ นี่มันไม่ถูกต้อง”

หวังหงษ์เต๋าย้อนนึกถึงสิ่งที่เซ่าหวูชุ่ยกล่าวอย่างระมัดระวัง

ฉีหยานได้สาบานต่อฟ้าดิน เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาหาได้ทราบถึงพิกัดของโลกใบใหม่ไม่

เขาบอกว่าตนได้ซ่อนพิกัดของโลกใหม่ และหากใครก็ตามที่กล้าจะแตะต้องเขา จะไม่สามารถล่วงรู้ได้ถึงพิกัดดังกล่าวได้อีกเลย

อย่างไรก็ตาม หวูซานที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทของฉีหยานกลับกล่าวออกมาว่าพิกัดของโลกใหม่นั้นอยู่ในมือของฉีหยานแน่ๆ

หวังหงษ์เต๋าขบคิดสักครู่ แล้วในที่สุดก็ได้ข้อสรุปออกมา

สิ่งที่แฝงอยู่ภายในเรื่องราวนี้ แท้จริงแล้วมันง่ายดายยิ่ง

สำหรับพิกัดของโลกใหม่ทั้งสอง เรื่องนี้แน่นอนยว่าย่อมอยู่ในมือของฉีหยาน

ทว่าคำมั่นสาบานย่อมไม่มีทางโกหก

ดังนั้น ความจริงจึงสมควรจะเป็น : ‘เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง ฉีหยานจึงได้ฝากฝังพิกัดนี้ให้แก่ผู้อื่นไป’

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉีหยานทำนี้ หวูซานแท้จริงแล้วหาได้ทราบไม่

หวูซานเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา ดังนั้นมันจึงคิดว่าพิกัดของโลกใหม่อยู่ในมือของเจ้านาย

ดูเหมือนว่า เรื่องทั้งหมดสมควรจะเป็นเช่นนี้

หวังหงษ์เต๋าพยักหน้า

ตลอดทั้งนิกายกวงหยาง ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ตราบใดที่เขาอยากรู้ ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถปิดบังเขาได้

หวูซานจ้องมองไปทางหวังหงษ์เต๋า

หวูซานเอ่ยถาม “จบแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าสามารถกลืนกินศพขอบเขตประทับเทพนี้ได้หรือยัง?”

“รออีกประเดี๋ยว”

หวังหงษ์เต๋าเอ่ยคำหนึ่ง และใช้มันสมองขบคิดต่อไป

เจ้าเด็กฉีหยานผู้นี้ หลักแหลมมีไหวพริบไม่เลวเลยทีเดียว

แต่ว่าผู้ใดกัน? ผู้ใดที่เจ้าเด็กหนุมคนนี้มอบความไว้วางใจและฝากฝังพิกัดของโลกใหม่เอาไว้กับตัว?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
World’s Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

World’s Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

All-Heaven Armageddon Online, Chư Giới Tận Thế Online, WAO, 诸界末日在线
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 2212 Chapters (จบแล้ว)
อาณาจักรทั้งมวลถึงคราวล่มสลาย จอมมารหมายจะเก็บเกี่ยวชีวิตมนุษย์ทุกชีวิต ท่ามกลางความสิ้นหวังอันมืดมน ชายคนหนึ่งได้ฉีกเส้นแบ่งของเวลาและมิติ หวนคืนสู่โลกในช่วงเวลาก่อนที่มันจะถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset