วันพุธที่ 11 มกราคม
ในห้องประชุมของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง เหล่านักลงทุนกำลังจิบชาระหว่างรอบอสเผย
นักลงทุนหลายคนรีบเดินทางมาจากปักกิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทางหรือเหตุผลอื่น แต่สีหน้าของพวกเขาดูไม่สู้ดีเท่าไหร่
หลี่สือพยายามทำทุกวิถีทางให้บรรยากาศดีขึ้น แต่นักลงทุนก็ยังจ้องเมิ่งชั่งเหมือนกับจะฉีกกระชากอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ
แต่เมิ่งชั่งกลับยังคง ‘นิ่งเฉย’
เหมือนว่าเขาหมดไฟไปแล้ว แม้ตัวจะนั่งอยู่ในห้อง แต่ความคิดและจิตวิญญาณไม่รู้ล่องลอยไปไหน
บรรยากาศมาคุสุดๆ
ถึงนักลงทุนจะพูดคุยและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบพอเป็นมารยาทเป็นช่วงๆ แต่สีหน้าทุกคนดูหดหู่ เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดีกันสักคน
ซึ่งก็ไม่แปลก จะให้ยังอารมณ์ดีอยู่ได้ยังไงในเมื่อเงินตัวเองปลิวหายไปกับสายลม
คนทั่วไปอาจจะปวดใจเป็นเดือนๆ ถ้าเสียเงินสองสามพันหยวนจากการซื้อหุ้น ถ้าเสียมากกว่าหมื่นหยวนอาจถึงขั้นแขวนคอตาย แต่นักลงทุนพวกนี้ขาดทุนเป็นล้านๆ
ถึงเหล่านักลงทุนรู้ดีว่าการลงทุนมีความเสี่ยง แต่ใครจะไปคิดว่าผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้อย่างเมิ่งชั่งจะทำทุกอย่างพังทลายแบบนี้
สาวหน้านิ่งของเมิ่งชั่งได้เงินลงทุนไปอย่างน้อยยี่สิบล้านหยวน หลังปั่นกระแสยกใหญ่ มูลค่าก็พุ่งขึ้นเกือบสามร้อยล้านหยวน แต่สุดท้ายเมิ่งชั่งกลับทำทุกอย่างหายวับไปหมด
ในมือของเหล่านักลงทุนไม่เหลืออะไรนอกจากหุ้นของสาวหน้านิ่ง
แต่ตอนนี้ไม่มีใครเข้ามารับช่วงต่อและจัดการความวุ่นวายนี้ เพราะสาวหน้านิ่งโดนเปิดโปงด้วยข่าวแง่ลบต่างๆ แถมเมิ่งชั่งก็กลายเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา หุ้นที่มีอยู่ในมือจึงไม่มีมูลค่าอีกต่อไป
จะไม่ให้นักลงทุนพวกนี้โกรธได้ยังไง
แน่นอนว่านี่คือกฎของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะโกรธขนาดไหน เหล่านักลงทุนก็ทำอะไรเมิ่งชั่งไม่ได้ อีกอย่างถึงจะทำอะไรไป พวกเขาก็ไม่สามารถรีดเงินจากอีกฝ่ายได้อยู่ดี
ส่วนเมิ่งชั่งนั้นยอมแพ้และศิโรราบไปเรียบร้อย
ถึงจะไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องเงินของเหล่านักลงทุน แต่เขาเซ็นสัญญากับบอสหลี่ซึ่งระบุว่าต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้สินของสาวหน้านิ่ง ตอนนี้เขาติดเงินซัปพลายเออร์อยู่หลายล้าน หนี้ก้อนนี้ถือเป็นหนี้ที่เขาต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัว
พอมีปัญหาเรื่องห่วงโซ่เงินทุน เมิ่งชั่งก็พยายามทำทุกวิถีทางในการหาเงินลงทุนมาช่วยกอบกู้ชะตากรรมของสาวหน้านิ่ง แต่บอสเผยขายหุ้นบริษัทเขาไปแล้วสองครั้ง แถมข่าวแง่ลบเกี่ยวกับสาวหน้านิ่งที่โดนสื่อเปิดโปงก็ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อสาวหน้านิ่ง
เหล่านักลงทุนมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก พวกเขาจะไม่ยอมให้เงินลงทุนแม้แต่หยวนเดียวถ้าเขาไม่ยอมเซ็นสัญญาร่วมรับผิดแบบไม่จำกัด
เมิ่งชั่งตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็รับเงินก้อนนี้มาไม่ได้แน่นอน เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่รับ ก็เป็นหนี้แค่ไม่กี่ล้าน แต่ถ้ารับมาอาจจะเป็นหนี้หลายร้อยล้าน
สุดท้ายพอเรื่องยิ่งยืดเยื้อออกไป หนี้ที่ต้องจ่ายก็มีแต่เพิ่มขึ้น พอถึงจุดที่ไปต่อไม่ไหว ก็มีข่าวแพร่ออกไป
หลังกลายเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา เมิ่งชั่งก็รู้ดีว่าแบรนด์สาวหน้านิ่งนั้นจบเห่แล้ว แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ทำได้แค่แกล้งทำเป็นตาย ทนหน้าด้านหน้าทนไปเรื่อยๆ ทยอยจ่ายหนี้ไปทีละนิด ส่วนพวกนักลงทุนอยากทำอะไรก็ปล่อยพวกเขาไป
ดังนั้นสาวหน้านิ่งจึงเจอทางตัน
นอกจากเฮ่อเต๋อเซิ่งแล้ว หลี่สือเป็นเพียงคนเดียวที่ยังจิตใจแจ่มใสดี
หลี่สือเองก็ลงทุนไปก้อนโต แต่เขาลงทุนด้วยเหตุผลและจุดประสงค์ที่แตกต่างจากนักลงทุนคนอื่นโดยสิ้นเชิง
ตอนที่ได้ยินว่าสาวหน้านิ่งล้มละลาย เขาก็ตกใจ แต่การเต็มใจกลับมาของบอสเผยทำให้หลี่สือมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง
ขอแค่บอสเผยไม่ยอมแพ้กับโปรเจ็กต์นี้โดยสิ้นเชิง เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่ามันเจ๊ง!
ห้องประชุมอัดแน่นไปด้วยบรรยากาศของความขัดแย้งและละเอียดอ่อน ทุกคนต่างรอให้บอสเผยมาถึง
ในที่สุดก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก
ประตูห้องประชุมเปิด นอกประตู เฮ่อเต๋อเซิ่งพูดกับชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างนอบน้อม “ทุกคนมากันครบแล้วครับบอสเผย”
ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นทันที พวกเขามองบอสเผยด้วยสายตาเหมือนกำลังจะจมน้ำแล้วเห็นฟางเส้นสุดท้ายที่น่าจะยึดไว้ได้
นักลงทุนบางคนครุ่นคิดเกี่ยวกับเวลาในการมาร่วมประชุมของบอสเผย
เหล่านักลงทุนมาถึงกันตั้งแต่เช้า ทำไมบอสเผยถึงเลือกเวลาประชุมเป็นตอนบ่าย มีเหตุผลพิเศษอะไรรึเปล่า
เพราะมีเรื่องราวและปริศนาเกี่ยวกับบอสเผยมากมายเกินไป เรื่องพื้นๆ และสมเหตุสมผลหลายเรื่องที่คนอื่นทำจึงมีความหมายต่างออกไปสำหรับบอสเผย
เผยเชียนโบกมือให้ทุกคน “สวัสดีครับทุกคน! เชิญนั่งก่อนครับ”
บอสเผยที่ดูสดชื่นแจ่มใสทำให้ห้องที่เต็มไปด้วยความหดหู่มีชีวิตชีวาขึ้นมา
เหล่านักลงทุนอดสงสัยไม่ได้ว่าบอสเผยไปเจอเรื่องดีๆ อะไรมาถึงมีความสุขขนาดนั้น
จากข่าวลือต่างๆ ที่ได้ยินมา บอสเผยเป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า ขนาดตอนที่ได้รับเงินมาหลายร้อยล้านหยวนจากดายักคอร์เปอเรชัน เขาก็ยังไม่ได้ดูดีใจจนออกนอกหน้า
แต่วันนี้เขาดูดี๊ด๊ามาก ไม่รู้มีกิจการไหนทำเงินให้ห้าร้อยล้านหยวนรึเปล่า
บรรยากาศมาคุที่ปกคลุมเหล่านักลงทุนพลันลดลงโดยไม่รู้ตัว
เผยเชียนคิดเพียงอย่างเดียวในใจ ในที่สุดก็สอบเสร็จสักที!
ถึงการสอบวิชาสุดท้ายเมื่อเช้าจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่เพราะอ่านทบทวนพลาดไปบางจุด แต่อย่างน้อยก็ทำได้ตามที่วางเป้าไว้ ยังไงก็ผ่านแน่นอน ขึ้นอยู่กับดวงว่าจะได้หกสิบห้าหรือเจ็ดสิบคะแนน
จะไม่ให้มีความสุขได้ไง ในเมื่อในที่สุดก็เป็นอิสระหลังจากตรากตรำมาเนิ่นนาน
ทุกคนเห็นชัดเจนว่าเขาหุบยิ้มไม่ได้ novelgu.com
เผยเชียนไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังไงวันนี้เขาก็แค่อยากเข้าใจสถานการณ์ และอยากซื้อหุ้นขยะเก็บไว้เพื่อที่จะได้ผลาญเงินได้ง่ายขึ้นในอนาคต นักลงทุนคนอื่นจะคิดยังไงก็ไม่สำคัญ
เผยเชียนนั่งตรงหัวโต๊ะ หลี่สือกับเฮ่อเต๋อเซิ่งนั่งขนาบข้างสองฝั่ง นักลงทุนคนอื่นๆ นั่งเรียงแถวทั้งสองฝั่ง ส่วนเมิ่งชั่งนั่งอยู่คนเดียวตรงข้ามบอสเผย ดูแล้วเหมือนนักโทษที่กำลังโดนไต่สวน
หลี่สือพูดขึ้น “บอสเผย ขอผมอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์สาวหน้านิ่งในตอนนี้นะครับ”
เผยเชียนเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ หลังได้ฟังหลี่สืออธิบาย
สรุปแล้วสาวหน้านิ่งใช้เงินจนหมดและหาเงินทุนเพิ่มไม่ได้ รายได้จากร้านไม่พอสนับสนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ดังนั้นมูลค่าเลยตกฮวบ หุ้นในมือเหล่านักลงทุนกลายเป็นหุ้นไร้ราคา
ที่พูดมาไม่มีข้อมูลเท็จ ไม่มีใครกล้าโกหกต่อหน้าบอสเผย เพราะยังไงเฮ่อเต๋อเซิ่งก็ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้
การโกหกต่อหน้าบอสเผยมีแต่จะให้ผลในทางตรงข้าม การทำตัวซื่อสัตย์และสร้างความประทับใจที่ดีต่อบอสเผยคือทางที่ดีกว่า
ทุกคนรอให้บอสเผยพูด
สถานการณ์ปัจจุบันของสาวหน้านิ่งเข้าสู่ทางตันแล้วในสายตาทุกคน พวกเขาแน่ใจแล้วว่าสูญเสียเงินลงทุนของตัวเองไปหมด ใครจะเอาเงินมาโยนให้ต่ออีก บอสเผยเองก็ทำเงินกับสาวหน้านิ่งไปได้หลายล้านและหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย ไม่มีเหตุผลอะไรให้กลับมาติดหล่มนี้อีก
แต่ประโยคแรกของบอสเผยก็ทำให้ทุกคนตกใจ
“หุ้นสาวหน้านิ่งในมือของพวกคุณมีเท่าไหร่ ผมอยากได้ทั้งหมด”
เหล่านักลงทุนหันมองหน้ากัน ความสุขสันต์เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปจนพวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
แม้แต่สายตาอันว่างเปล่าของเมิ่งชั่งก็พลันฉายแววความหวังขึ้นมา
ในแง่ของหุ้น ชัดเจนว่าเมิ่งชั่งที่เป็นผู้ก่อตั้งถือหุ้นมากที่สุด แต่ไม่ว่าเขาจะถือหุ้นมากเท่าไหร่ก็เปล่าประโยชน์ ว่ากันตามตรงแล้ว นักลงทุนมีสิทธิ์ขายหุ้นทั้งหมดของพวกเขาก่อน ส่วนเขาที่เป็นผู้ก่อตั้งนั้นแทบไม่มีโอกาส แต่ดูเหมือนว่าบอสเผยจะอยากซื้อหุ้นทั้งหมด
ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็สามารถขายหุ้นของตัวเองและทำเงินได้เล็กน้อย
แน่นอนว่าถ้าขายหุ้นตอนนี้ก็ไม่มีทางขายได้ในราคาเดิม ต้องขายในราคาถูกแสนถูก
แต่ถ้าขายได้ เขาก็จะขาย อย่างน้อยก็ต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ส่วนหนึ่งก่อน
เมิ่งชั่งเลิกวาดฝันถึงอิสระทางการเงินไปแล้ว ตอนนี้แค่อยากลดหนี้ให้ได้เท่านั้น
นักลงทุนคนหนึ่งยกมือถามอย่างลังเลใจ “บอสเผยวางแผนว่าจะซื้อหุ้นที่ราคาเท่าไหร่ครับ”
เผยเชียนหันไปหาเฮ่อเต๋อเซิ่ง
เฮ่อเต๋อเซิ่งกระซิบข้างหูเผยเชียน “บอสเผยครับ เมิ่งชั่งที่เป็นผู้ก่อตั้งถือหุ้นอย่างน้อย 40% บอสหลี่ถือเกือบๆ 30% จากสถานการณ์ของสาวหน้านิ่งในตอนนี้ ราคาในใจทุกคนน่าจะต่ำมาก บอสเสนอราคาให้พวกเขาสักสามถึงห้าล้านหยวนก็น่าจะพอแล้วครับ”
เผยเชียนแปลกใจเล็กน้อย “บอสหลี่ถือเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ”
เฮ่อเต๋อเซิ่งพยักหน้า “ใช่ครับ ช่วงที่ผ่านมาบอสหลี่ทยอยซื้อหุ้นเล็กๆ ในราคาถูก ราคาตอนนี้ก็ต่ำมากด้วยครับ”
เผยเชียนหันไปมองหลี่สือ อีกฝ่ายส่งยิ้มกลับมา
เผยเชียนอึ้งไป เขารู้สึกว่าหลี่สือไม่น่าจะขายหุ้นส่วนของตัวเอง
แต่ก็ไม่เป็นไร บอสหลี่ถือหุ้นไม่ถึง 30% ยังไงก็ไม่กระทบกับสิทธิ์ควบคุมกิจการ อีกอย่างเผยเชียนไม่คิดว่าสาวหน้านิ่งจะทำเงินได้ภายใต้การดูแลของเขา เพราะชื่อเสียงแบรนด์พังยับไปแล้ว
เผยเชียนหันไปมองทุกคนแล้วพูดขึ้น “ผมจะซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาสามล้านหยวน แต่มีเงื่อนไขคือ ผมต้องซื้อหุ้นได้มากกว่า 70% ภายในครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นผมจะไม่ซื้อ”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก และเสนอราคาต่ำสุดตามที่เฮ่อเต๋อเซิ่งแนะนำ
เฮ่อเต๋อเซิ่งมองว่าไม่มีความจำเป็นอะไรต้องช่วยบริษัทสาวหน้านิ่ง ปล่อยให้ล้มละลายไปเลยคือตัวเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด แต่ในเมื่อบอสเผยอยากซื้อ ตัวเขาในฐานะลูกน้องก็ต้องประมาณราคาที่เหมาะสมให้
เทียบกับราคาของสาวหน้านิ่งในช่วงที่อยู่จุดสูงสุดแล้ว สามล้านหยวนถือว่าถูกมากๆ จนเหมือนแจกฟรี นักลงทุนเหล่านี้ได้เงินอย่างมากก็คนละไม่กี่แสน ต่ำกว่าเงินลงทุนในตอนแรกเกือบสิบเท่า
แต่สองสามแสนก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ถ้าไม่ขายตอนนี้ก็น่าจะหาผู้ซื้อเหมาะๆ ไม่ได้อีก และพวกเขาจะไม่มีทางได้เงินกลับมาเลยแม้แต่หยวนเดียว
แน่นอนว่าถ้าราคาต่ำเกินไปกว่านี้ก็จะดูเหมือนดูถูกกันหน่อยๆ นักลงทุนอาจจะเคืองใจจนไม่ยอมขาย เพราะงั้นเลี่ยงไม่ให้เกิดกรณีแบบนั้นน่าจะดีกว่า
หลังจากบอสเผยเสนอราคา เหล่านักลงทุนก็หันมองหน้ากัน
พวกเขาต้องไม่พอใจกับราคานี้อยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หลายคนรู้ดีว่าได้เงินกับมาสักสองสามแสนก็ถือว่าไม่แย่
พออ้าปาก บอสเผยก็ยิงราคาต่ำกว่าราคาในใจเล็กน้อย ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดสุดๆ
ประกายความหวังฉายวาบขึ้นในดวงตาของเมิ่งชั่ง “บอสเผยต้องการหุ้นส่วนของผมด้วยไหมครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมไม่ปฏิเสธใครอยู่แล้วในราคานี้ แต่สาวหน้านิ่งเป็นบริษัทที่คุณตั้งขึ้นมา แน่ใจนะครับว่าอยากขาย”
ใครจะเป็นคนซื้อไปก็ไม่สำคัญ เพราะยังไงราคาก็ถูกจนเหมือนแจกฟรี
เมิ่งชั่งพยักหน้าทันที “แน่ใจครับ!”
ตอนนี้เขาแบกหนี้อยู่หลายล้านหยวน จากราคาที่บอสเผยเสนอมา เขาจะขายหุ้นส่วนของตัวเองได้ประมาณหนึ่งล้านหยวน ถึงจะไม่พอจ่ายหนี้ทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะจ่ายได้เท่าไหร่ ยังไงก็ดีกว่า
ตอนแรกเขาคิดว่าการขายหุ้นส่วนนี้จะทำให้เขามีอิสรภาพทางการเงิน สุดท้ายกลายเป็นช่วยจ่ายหนี้ได้แค่ล้านเดียว เมิ่งชั่งรู้สึกผสมปนเปมาก
อุดมคติเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความเป็นจริงสอนวิธีใช้ชีวิต
นักลงทุนคนอื่นๆ ไม่มีอะไรจะพูด ดูจากท่าทีของเมิ่งชั่ง สาวหน้านิ่งหมดหวังแล้วจริงๆ ถือหุ้นพวกนี้ต่อไปก็ไม่ได้อะไร
แถมบอสเผยยังบอกว่าถ้าซื้อหุ้นได้ไม่ถึง 70% ก็จะไม่ซื้อ นักลงทุนก็ไม่คิดจะต่อรองอะไรอีก
ช่างเถอะ มีช่องแล้วก็รีบหนีดีกว่า
เหล่านักลงทุนหันมองกันสองสามครั้ง ก่อนจะตอบตกลงในที่สุด
หลี่สือขายหุ้นส่วนหนึ่งเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ในขณะที่ยังเก็บหุ้นไว้ 20% เมิ่งชั่งขายหุ้นทิ้งหมด ซึ่งอย่างน้อยก็ช่วยให้เขาจ่ายหนี้ไปได้ส่วนหนึ่ง
คนแบบเมิ่งชั่งไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้ เขายังหวังว่าหลังจ่ายหนี้หมดจะกลับมาสู้ใหม่ได้อีกครั้ง