📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 619

บทที่ 619 - ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ค่ายกลอสุภะกลืนฟ้า

มีผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสิบแปดคนเป็นแกนสำคัญอยู่ภายใน ส่วนกลางคือผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารสามสิบหกคน ด้านนอกสุดมีผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญเจ็ดสิบสองคนล้อมรอบ

ผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราแต่ละคน… ต่างหลอมรวมพลังเข้ากับผู้ฝึกตอนขอบเขตเปิดทวารสองคน กับขอบเขตไร้เบญจธัญสี่คนราวกับเป็นร่างเดียว

และในขณะเดียวกันกลิ่นอายแห่งพลังระหว่างผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราทั้งสิบแปดคนยังผสมผสานอยู่ร่วมกัน

ตลอดทั้งค่ายกลเกาะเกี่ยวแน่นแฟ้นราวกับสายโซ่โอบล้อมซูอี้อย่างแน่นหนา

“ฆ่า!”

ถูไป๋เจิ้นร้องตวาด

ครืน!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังชั่วช้าพุ่งขึ้นสู่ฟ้า

เมื่อค่ายกลทั้งค่ายขับเคลื่อน พลังที่น่ากลัวราวกับควันไฟแห่งสงครามพุ่งโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้า บดบังแสงเดือนแสงตะวัน

ในช่วงระหว่างนั้นมีเสียงเทพมารคำราม เสียงภูตผีแผดร้องดังขึ้น

ทำให้คนเช่นหลี่ฉางหลิ่นที่มีพลังฝึกฝนต้อยต่ำไม่อาจระงับความหวาดกลัวและแรงกดดันภายในใจไว้ได้อีก และรีบถอยหนีออกห่าง

พลังของค่ายกลรบนั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกินไป กระทั่งมองดูอยู่ไกล ๆ ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนปอดแหก

หากว่าหลงเข้าไปในนั้น ด้วยระดับการฝึกของพวกเขาต้องตายกลายเป็นผุยผงอย่างแน่นอน!

แววตาเยือกเย็นของถูไป๋เจิ้นมองไปที่ซูอี้อย่างรวดเร็ว

เขาอยากจะดูนักว่าซูอี้จะต่อสู้ต้านทานเช่นใด

ต้องเข้าใจว่า เดิมทีวิชาจัดทหารตั้งค่ายกลนั้นมีไว้เพื่อต่อสู้กับพวกที่มีระดับการฝึกตนแข็งแกร่ง

และในเมื่อค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าเป็นหนึ่งในค่ายกลสุดยอดของตำหนักมารเทียนอวี้ เมื่อทำการขับเคลื่อนแล้วจึงย่อมสามารถที่จะสยบตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้!

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

เสียงร้องคำรามสนั่นฟ้าดังขึ้น ฟ้าดินเกิดความเปลี่ยนแปลง

ผู้ฝึกตนซึ่งประกอบกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าสำแดงเคล็ดวิชาและอาวุธล้ำค่าที่แตกต่างกันออกไป ก่อตัวเป็นพลังยิ่งใหญ่สิบแปดสาย บุกเข้าหาซูอี้จากสี่ด้านแปดทิศ

ทุก ๆ การโจมตีล้วนทำให้ตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถึงกับหนาวสะท้าน!

“ดีแต่รูปเท่านั้น”

ในเวลานี้ ซูอี้กลับส่ายหน้าน้อย ๆ

ครืน!

ร่างของเขาพุ่งขึ้นกลางอากาศ สองมือวาดลวดลายลี้ลับยากเกินจะคาดเดาออกมา

และตรงหน้าของเขา สะเก็ดแสงสีใสสว่างพร่างพราว จังหวะวิถีหยินหยางผสานกลมกลืน รวมกันเป็นฝ่ามือสีขาวดำ มีขนาดเท่ากับพัดใบพลูเท่านั้น ทว่ากลับปล่อยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างอย่างไร้ขอบเขตออกมา

พลังแห่งตะวันที่ร้อนแรงและแข็งกระด้าง กลิ่นอายแห่งจันทราที่อ่อนโยนและนุ่มนวล เกาะเกี่ยวผูกรัดอยู่ภายใน ก่อให้เกิดคลื่นหมุนทำลายล้างอันดุดัน

ระหว่างที่ตราประทับสงครามกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง กลางอากาศโดยรอบที่มีซูอี้เป็นศูนย์กลางยุบตัวลงกลายเป็นเกลียวคลื่นมหาวิถีขนาดยักษ์

ครึ่งหนึ่งของเกลียวคลื่นเป็นธาตุหยาง อีกครึ่งหนึ่งเป็นธาตุหยิน

สีขาวกับสีดำเคลื่อนตัวอยู่ภายในด้วยความระห่ำ

จากนั้นก็ก่อตัวเป็นปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่สวยงาม มีพลังการทำลายล้างสะท้านโลกหล้า

ครืน!

เมื่อพลังสิบแปดสายจากค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าโหมกระหน่ำเข้ามา ฉับพลันเกิดเป็นเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วพิภพ

สะเก็ดแสงพุ่งกระจายประดุจสายน้ำเชี่ยว พลังรุนแรงและรวดเร็วดังลมกรด

ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้ถูไป๋เจิ้นถึงกับสูดปาก

ไม่นึกเลยสักนิดว่า ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราอย่างซูอี้เช่นนี้จะกล้าสู้ซึ่ง ๆ หน้า!

ห่างออกไป หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกลายตาราวกับมีดาวปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขาถูกเสียงสั่นสะเทือนของพลังอันน่ากลัวสะเทือนจนแก้วหูแทบฉีก ร่างสั่นระริกจนแทบจะอ่อนพับลงกับพื้น

ระดับการฝึกตนของพวกเขา อย่างไรเสียก็ยังอ่อนเกินไป!

ตายแล้วหรือ?

ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ประสานกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าเพ่งมองไปไกล ๆ ด้วยสายตาจับจ้อง

เมื่อหมอกควันสลายตัว สะเก็ดแสงสูญสิ้น ภาพมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น

ซูอี้ยืนอยู่กลางอากาศ ชุดสีเขียวยาวสะบัดโบกพลิ้ว ทุกอย่างอยู่ครบสมบูรณ์!

และตรงหน้าของเขา ตราประทับสงครามลึกลับยากเกินจะคาดเดายังคงหมุนวน พลังแห่งหยินหยางที่ชักนำดูดกลืนพลังในบริเวณรอบสิบจั้งจนว่างเปล่าไม่มีเหลือ

พลังของตราประทับสงครามน่ากลัวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!

รู้สึกราวกับว่าตราประทับสงครามกลมดิกลูกนั้นเหมือนกับหลุมดำในอวกาศ ซึ่งสามารถดูดกลืนพลังทุกอย่างภายในโลก!

“นี่…”

ผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ถึงกับตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ

การบุกโจมตีของพวกเขารุนแรงถึงขั้นสยบตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้เลยเชียว!

ทว่าตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่อาจทำอะไรซูอี้ได้แม้แต่ปลายผมเท่านั้น พวกตนยังโดนวิธีการที่ไม่น่าเชื่อของซูอี้ต้านทานและดูดกลืนอีก!

“นี่คือกฎวิถีอันใด?!”

สีหน้าของถูไป๋เจิ้นเปลี่ยนไป ดูตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้มาก

บนไหล่ของเขา ดวงตาสีแดงของทารกมารฉายแววประหลาดออกมา ก่อนกล่าวคำออก “นี่คือจังหวะวิถีหยินหยาง และกฎวิถีเช่นนั้น… สามารถดูดกลืนพลังของคนอื่นให้เป็นของตัวเอง… ร้ายกาจมาก!”

เขาตื่นตะลึงมาก และคาดไม่ถึงมากเช่นกัน

วูบ!

ซูอี้ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ สิบนิ้วของเขาราวกับกำลังวาดลวดลายแห่งมวยไทเก๊ก ท่าทางราวกับสายน้ำไหล เกิดเป็นตราประทับสงครามอีกครั้ง

ตราประทับสงครามนี้ใช้เบญจธาตุเป็นฐาน สร้างประกายแสงเทวะธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน หมุนเวียนเป็นหนึ่ง สมบูรณ์พร้อมไร้ช่องโหว่ พอปรากฏขึ้นก็รวมตัวเข้ากับตราประทับสงครามที่สร้างไว้ก่อนหน้า

ครืน!

ทันใด ตราประทับสงครามที่อยู่ตรงหน้าซูอี้ก็มีประกายแสงทั้งห้าผุดออกมา ถักทออยู่ในเกลียวคลื่นแห่งพลังในบริเวณสิบจั้งรอบตัว

และเกลียวคลื่นพลังนี้คล้ายกับเบญจธาตุหมุนเวียน เกิดพร้อมกับหยินหยาง!

อานุภาพเพียงนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก!

เพียงแค่มองดูระยะไกล ก็ทำให้ผู้ฝึกตนตำหนักมารเทียนอวี้เหล่านั้นถึงกับหายใจไม่ออก ได้กลิ่นอายแห่งอันตรายถึงแก่ชีวิต

“ฆ่า! อย่าหยุด!”

ถูไป๋เจิ้นร้องตวาด เขาก็มองออกเช่นกันว่าเหตุการณ์ไม่ดีแล้ว

โครม!

การต่อสู้ระเบิดขึ้น พลังชั่วร้ายม้วนตัวขึ้นกลางอากาศ

กฎวิถีและเคล็ดวิชามากมายกลายเป็นคลื่นยิ่งใหญ่พุ่งออกไป ราวกับคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ คลื่นลูกเก่ายังไม่สาย คลื่นลูกใหม่ก็โหมซ้ำ ไม่หยุดไม่หย่อน สร้างความหวาดกลัวอย่างไร้ขอบเขต

ทว่าสิ่งที่ทำให้ตื่นตกใจมากยิ่งกว่าคือร่างของซูอี้ดุจดั่งหินก้อนใหญ่ในมหาสมุทร ไม่ว่าจะถูกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าโหมซัดก็ยังคงยืนมั่นไม่ขยับเขยื้อน!

ในช่วงบริเวณสิบจั้งรอบตัวเขา เปรียบดังหลุมเกลียวคลื่นสีดำ ต้านทานและดูดกลืนการบุกโจมตีทั้งหลายแหล่เหล่านั้น!

และตราประทับสงครามตรงหน้าเขาก็ฉายแววเจิดจรัสเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ราวกับดวงตะวันยิ่งใหญ่ที่ส่องสว่างทั่วทุกหย่อมหญ้า พลังแห่งการทำลายล้างซึ่งเกิดขึ้นขณะที่หมุนอย่างช้า ๆ นั้นทำให้ถูไป๋เจิ้นหนาวสะท้านขึ้นในใจ

“พวกไม่เอาไหน รีบใช้อาวุธ!”

ทารกมารร้องตวาด

ผู้ฝึกตนทั้งหลายของตำหนักมารเทียนอวี้รีบทำตามสั่ง

ครืน!

อาวุธแต่ละชิ้นถูกปล่อยออกไป

ทั้งขวานเหล็กส้อมตะขอ ง้าวดาบหอกมีด ตราประทับวิถี น้ำเต้าคู่ใจ… เยอะแยะมากมาย พลังอานุภาพที่สำแดงออกมาล้วนพุ่งไปยังซูอี้ทั้งสิ้น

และในเวลานี้เอง…

มือหนึ่งของซูอี้เรียกลม อีกมือหนึ่งเรียกสายฟ้าฟาด กดลงบนตราประทับวิถีตรงหน้า

ครืน!

ตราประทับวิถีกลมดิกลูกนั้นระเบิด พลังระเบิดแผ่ขยายออกไปรอบด้านพร้อมกับเกลียวคลื่นพลังในระยะสิบจั้งรอบสี่ด้าน

หากอยู่บนฟ้าแล้วมองลงมาโดยมีซูอี้เป็นศูนย์กลาง ราวกับมีเกลียวคลื่นสว่างเจิดจ้าบาดตากำลังโหมกระหน่ำถาโถมออกไปจากรอบสี่ด้านโuเวลกูดอฺทคอม

ทุกแห่งที่ผ่านโดนจะมีเสียงคำรามของสายฟ้าฟาด มีหยินกับหยางหมุนเวียน สะเก็ดแสงเบญจธาตุปกคลุมไปทั่ว

แคว่ก! แคว่ก! แคว่ก!

เสียงแตกร้าวดังขึ้นติด ๆ กัน

อาวุธต่าง ๆ นานาเหล่านั้นแตกร้าวเสียหายราวกับกระดาษที่ถูกบดขยี้จนย่อยยับ

ถัดมา ร่างของผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสิบแปดคน ผู้ฝึกตนขอบเขตเปิดทวารสามสิบหกคน กับผู้ฝึกตนขอบเขตไร้เบญจธัญเจ็ดสิบสองคนที่ประกอบกันเป็นค่ายกลอสุภะกลืนฟ้าก็ระเบิดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นย่อย

ละอองเลือดปลิวว่อน ทั่วแผ่นดินราวกับนรกเดือดกลิ่นคาวเลือดที่เคลือบทาด้วยโลหิตสีแดง!

นี่ก็คือ ‘ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์’!

เคล็ดวิชาคร่าชีวิตสุดขั้วของวิถีเต๋าซึ่งสืบทอดมาแต่โบราณกาล ใช้พลังหยินหยางเป็นราก มีเบญธาตุประสานถักทอ วายุสายฟ้าเป็นตัวนำ!

สามารถเผาผลาญภูเขาและน้ำทะเล ฆ่าทำลายภูตผี มาร ปีศาจ หรืออสูรได้ทั้งหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ต่อสู้กับพลังวิถีชั่วช้า ยิ่งสำแดงฤทธิ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทุกอย่างเงียบสงบ

มีแต่ละอองเลือดเท่านั้นที่ยังคงคละคลุ้ง

ทุก ๆ คนต่างก็นิ่งตะลึงอยู่กับที่

เพียงแค่ทีเดียว!

ทลายค่ายกลอสุภะกลืนฟ้า และฆ่าผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบหกคน!

ไม่รอดแม้แต่คนเดียว!

พลังร้ายกาจเช่นนั้นสามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนก

“สะ… สวรรค์…”

ห่างไปไกลมาก หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่นต่างก็ตะลึงงันตาค้าง อ้าปากพูดไม่ออก ตัวสั่นงันงกหยุดไม่อยู่

ตีให้หัวแตกพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าซูอี้จะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นนี้!

ต้องรู้ว่า ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นซูอี้ถูกโอบล้อมอย่างแน่นหนา พวกเขาส่วนใหญ่ยังรู้สึกเสียใจและเป็นห่วงนักหนาว่าซูอี้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย

และมีคนจำนวนไม่น้อยถึงกับคุกเข่ากับพื้นเพื่ออ้อนวอนขอร้องให้ผู้ฝึกตนของตำหนักมารเทียนอวี้ไว้ชีวิต!

เพราะเหตุใด?

ก็เป็นเพราะไม่เชื่อฝีมือของซูอี้ คิดว่าเขาไม่รอดแน่ไม่ใช่หรอกหรือ?

ทว่าตอนนี้ เมื่อเห็นภาพที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้แล้ว คนเหล่านั้นถึงกับตาถลน!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?”

ถูไป๋เจิ้นร้องเสียงหลงออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด

ความรุนแรงของการบุกโจมตีนี้ทำให้เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นสมบูรณ์ถึงกับตื่นตระหนกมากเช่นกัน ตัวสั่น ขนลุกซู่ไปหมด

นับตั้งแต่บรรลุขอบเขตเป็นต้นมา ตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาก็เป็นใหญ่ในอาณาจักรต้าโจว ทุกหนแห่งที่เดินผ่านไม่มีใครกล้าขวาง!

ทว่าตอนนี้ ผู้แกร่งกล้าภายใต้การบัญชาของพวกเขาแทบจะไม่เหลืออีกแล้ว!

ความสูญเสียนี้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

“พลังระดับนี้ เพียงพอที่จะกวาดล้างตัวตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณทั้งหมดได้…”

บนใบหน้าน้อย ๆ ไร้เดียงสาของทารกมารเผยสีหน้าขบคิดด้วยความสงสัย ดวงตาสีแดงเพ่งพินิจมองไปที่ซูอี้ราวกับต้องการจะทำความรู้จักฝ่ายตรงข้ามใหม่อีกครั้ง

“เจ้าว่า เช่นนี้ไม่เป็นการง่ายกว่าหรอกหรือ?”

ซูอี้เบนสายตามองไปที่ถูไป๋เจิ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่ง

ทว่าเมื่อถูกสายตาของเขาเพ่งมอง ถูไป๋เจิ้นซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณถึงกับตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยน

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ซูอี้แสดงความอหังการออกมาเช่นนี้ได้ไม่ใช่เพราะจับตัวหลิ่วอิ๋งเป็นตัวประกัน แต่เป็นเพราะพลังในตัวซูอี้ยิ่งใหญ่จนถึงขั้นคาดไม่ถึงนี้ต่างหาก!

“ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ พวกเรา… ควรทำเช่นใด?”

ถูไป๋เจิ้นถามขึ้น

ทารกมารขมวดคิ้ว พลันแยกเขี้ยวหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว “ข้าเป็นเพียงแค่เด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เจ้าจะมาถามข้าได้เช่นใด?”

ถูไป๋เจิ้น “…”

ทารกมารพุ่งขึ้นกลางอากาศ พลางกล่าว “อย่าร้อนใจไป เจ้าออกไปรับมือเขา มีข้าอยู่ เจ้าสามารถวางใจได้”

ถูไป๋เจิ้นสูดหายใจลึก ๆ พยักหน้า

“ขึ้น!”

ถูไป๋เจิ้นร้องตวาดเสียงดัง หยิบหอกยาวสีเลือดออกมา ขับเคลื่อนพลังปราณในขอบเขตแปรเปลี่ยนทวารจนถึงขีดสุดในชั่วพริบตา

“ฆ่า!”

เขาพุ่งตัวมา หอกสีเลือดราวกับสายฟ้าฟาด แทงไปที่ซูอี้

ครืน!

เงาหอกซ้ำซ้อน พลังโลหิตเต็มทั่วฟ้า

การบุกโจมตีเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าลงมืออย่างเต็มที่ รุนแรงเดือดระห่ำจนถึงขีดสุด แม้กระทั่งบุคคลในขอบเขตเดียวกันก็ยังไม่กล้าต่อกรด้วย

ทว่าเจอการบุกโจมตีเช่นนี้แล้ว ร่างของซูอี้ยังคงไม่เขยื้อน เพียงแต่ยื่นมือออกมา

ปัง!!

หอกยาวสีเลือดหักเป็นสองท่อนในทันใด ราวกับถูกค้อนสวรรค์ยักษ์ทุบโดนระหว่างที่พุ่งเข้าไปใกล้ซูอี้สามฉื่อ

“ไม่ได้การ!”

ภาพเหตุการณ์น่ากลัวนี้ทำให้ถูไป๋เจิ้นซึ่งเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณตื่นตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาถอนตัวหนีโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันยังร้องตะโกน

“ใต้เท้าทารกศักดิ์สิทธิ์ช่วย…“

ยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ พลังดาบก็ปรากฏ ตัดหัวของเขาขาด

ก่อนตาย ถูไป๋เจิ้นจับจ้องไปที่ทารกมารซึ่งอยู่ห่างออกไป บนใบหน้ามีแต่ความสงสัย

ทุกอย่างเงียบสงบ

หลี่ฉางหลิ่นและคนอื่น ๆ ไม่คาดคิดเลยว่ามหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณจะถูกฆ่าง่าย ๆ เช่นนี้!?

จนถึงตอนนี้ ทารกมารเพียงแค่เบะปาก มองดูหัวของถูไป๋เจิ้นกลิ้งขลุก ๆ บนพื้นพลางกล่าวทอดถอนใจ

“มองข้าไปเพื่ออะไร ข้าไหนเลยจะคิดว่าเจ้าไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าบอกเพียงแค่ว่าให้เจ้าวางใจไปรับมือ แต่ไม่ได้รับรองว่าเจ้าจะไม่ตายสักหน่อย”

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset