📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 614

บทที่ 614 - หากสวรรค์ลิขิตให้ตาย นั่นจะทำให้พวกมันบ้าคลั่ง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

แผงตุ่มขนลุกปรากฏขึ้นบนผิวขาวราวหิมะของสตรีโฉมงาม

นางกล่าวโดยไม่ลังเล “ขอเพียงให้ข้ามีชีวิตต่อ ข้าผู้นี้เห็นด้วยได้ทุกสิ่ง!”

ยามนางกล่าวเช่นนั้น ดวงตาก็มองซูอี้ จากนั้นจึงเห็นว่ามีเพียงหนึ่งชายหนุ่มในชุดคลุมอยู่เบื้องหน้า และอดรู้สึกเคลือบแคลงไม่ได้

ชายผู้นี้ร้ายกาจเพียงไร?

เหตุใดผู้เฒ่าฮั่วและคนอื่น ๆ จึงทำได้เพียงมองเขาเดินเข้ามาในคุกนี้?

หรือจะเป็นเพราะ… ผู้เฒ่าฮั่วและคนอื่น ๆ ถูกจัดการสิ้นแล้ว?

เมื่อคิดเช่นนี้ สตรีโฉมงามก็ร่างสั่น มองซูอี้อย่างหวาดกลัวลึกล้ำ

“สวมอาภรณ์เจ้าเสีย”

ซูอี้เก็บปราณดาบของเขา

สตรีโฉมงามชะงักค้างไปชั่วขณะหนึ่ง รีบร้อนสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย และจึงกระซิบ “เจ้าต้องการให้ข้าทำอันใด?”

นางดูถอดใจเชื่อฟังโดยสมบูรณ์

“นอนไปสักพัก”

ซูอี้กล่าว

“เอ่อ… หือ?”

พวงแก้มสตรีโฉมงามขึ้นสีเรื่อกะทันหัน

ตู้ม!

อึดใจต่อมา นางก็หมดสติร่วงลงกระทบพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ทำตนเองโดยแท้”

ซูอี้ส่ายหน้า ไม่สนใจกระทั่งจะมอง

ผู้ฝึกตนปีศาจซึ่งฝึกตนโดยเก็บเกี่ยวหยางหนุนเสริมหยินเช่นนี้ไม่รู้ว่ามีชายผ่านมือมามากเพียงไร แค่คิดก็ทำให้ซูอี้ขยะแขยง เขาจะมองมันได้เช่นไร?

ชายหนุ่มเดินตรงไปยังห้องขังห้องแรก

เมื่อเห็นกลุ่มคนทุกเพศและวัยหมดสติเต็มพื้น ซูอี้ก็จำได้เพียงคู่ปู่หลาน เซียวเทียนเชวี่ยและเซียวจื่อจิ่นเท่านั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือคนจากตระกูลเซียว

ซูอี้ปลดปล่อยจิตสัมผัสออกตรวจตราร่างของเซียวเทียนเชวี่ย เซียวจื่อจิ่นและคนอื่น ๆ ทีละคน

ไม่นานนัก เขาก็โล่งใจ

ก่อนหน้านี้ เขากังวลว่าพวกผู้ฝึกตนปีศาจจากตำหนักมารเทียนอวี้จะฝังวิชาลับอันเหี้ยมโหดเข้าใส่ร่างพวกเซียวเทียนเชวี่ยเพื่อบีบบังคับพวกเขา

ทว่ายามนี้ ดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น

“ดูเหมือนเจ้าพวกตำหนักมารเทียนอวี้จะไม่ใส่ใจตัวประกันจริงจังเลยสักนิด หรืออาจไม่ได้คาดว่าข้าจะมาเร็วเพียงนี้…”

ซูอี้กล่าวเบา ๆ

นี่เทียบได้กับการสังหารศัตรูโดยลอบโจมตี

หาไม่ หากอีกฝ่ายเตรียมการอย่างรอบคอบ ปฏิบัติการช่วยเหลือครานี้คงไม่ราบรื่นนัก

ต่อมา ซูอี้ก็ตรวจสอบห้องขังอื่น ๆ

แล้วก็เห็นบุคคลคุ้นตาคนแล้วคนเล่า

เช่นเจิ้งเทียนเหอ ผู้นำตระกูลเจิ้งแห่งมหานครกุ่นโจว และลูกสาวของเขาเจิ้งมู่เหยา

จวิ้นอ๋องแห่งอู่หลิงเฉินเจิ้ง และองครักษ์ของเขาจางอี้เหริน…

เมื่อเห็นสหายเก่าเหล่านี้ ในใจของซูอี้ก็มีจิตสังหารอันเกินควบคุมปรากฏขึ้นเล็กน้อย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อล้างแค้นเขา ฉู่ซิวทำทุกสิ่งที่ทำได้จริงแท้

การล้างแค้นเช่นนี้ วิธีการของซูอี้ในการรับมือง่ายดายนัก นั่นคือตัดรากถอนโคน

หลังจากค้นทุกห้องขัง ซูอี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เพราะคุกแห่งนี้ไร้เงาของเหวินฉางไท่และฉินชิ่ง!

ซูอี้เดินมาหาสตรีโฉมงามผู้หมดสติอยู่บนพื้น “ลุกขึ้นมาคุยกัน”

สุรเสียงนั่นราวอสนีบาต ทำให้วิญญาณของโฉมงามสั่นไหว ทำให้นางตื่นจากการหมดสติ รีบลุกขึ้นจากพื้นและกระซิบ “สหายเต๋ามีคำสั่งใด?”

“เหวินฉางไท่กับฉินชิ่งอยู่หนใด?”

ซูอี้ถาม

สตรีโฉมงามตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนดวงตาของนางจะเบิกกว้างกะทันหันราวตระหนักถึงบางสิ่ง กล่าวว่า “เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่ซูอี้หรอกกระมัง!?”

“เพ้อเจ้ออีกเพียงคำเดียว ข้าจะฆ่าเจ้า”

ซูอี้ดูเฉยเมย

เมื่อถูกนัยน์ตาลึกล้ำจ้องมอง สตรีโฉมงามก็ร่างสะท้าน รีบกล่าวว่า “ไม่ปิดบังท่าน เมื่อวานซืนที่ผ่านมา ผู้เฒ่าฮั่วหงไถให้ผู้ใต้บัญชาสองคนมานำพวกเขาไปยังหุบเขามารบุปผาโลหิตซึ่งกล่าวกันว่าถูกส่งต่อให้ผู้เฒ่าถูไป๋เจิ้น”

ซูอี้กล่าว “ในคุกนี้มีผู้คนตั้งมากมาย ไฉนจึงส่งไปเพียงพวกเขาทั้งสอง?”

สตรีโฉมงามกระซิบ “เพราะผู้เฒ่าฮั่วหงไถเคยค้นวิญญาณของนักโทษที่จับตัวมาได้เหล่านี้ และในที่สุดก็พบว่าสามีภรรยาคู่นี้มีค่าที่สุด”

ซูอี้เข้าใจแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮั่วหงไถตระหนักว่ามีเพียงเหวินฉางไท่และฮูหยินของเขาเท่านั้นที่มีโอกาสใช้บังคับเขาได้สูงสุด!

ซูอี้กล่าว “เท่าที่ข้ารู้ ยอดฝีมือจากตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเจ้าออกมาจากผนังกั้นมิติใต้หุบเขามารบุปผาโลหิต ใช่หรือไม่?”

สตรีโฉมงามลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้า “ถูกต้อง”

ทันใดนั้น ซูอี้ก็ยื่นมือออกไปบีบคอสตรีคนงาม

“ไม่ใช่ว่าเจ้าตกลงแล้วหรือ ขอเพียงข้าผู้นี้ร่วมมือ ข้าจะได้รับการไว้ชีวิต?”

สตรีโฉมงามตกใจ

“อย่าห่วงไป เจ้ายังมีประโยชน์ ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”

ซูอี้กล่าว ออกแรงบีบมือ สตรีโฉมงามหมดสติไปอีกครั้ง จากนั้นซูอี้จึงแบกนางออกไปจากคุกใต้ดิน

กลางภูเขามังกรเร้น

ภายในโถงอันโออ่า

ที่แห่งนี้แต่เดิมเคยถูกใช้โดยผู้เฒ่าฮั่วหงไถ หนึ่งในผู้นำของตำหนักมารเทียนอวี้

ยามซูอี้มาถึง หลังจากค้นหาช่วงสั้น ๆ เขาก็พบน้ำเต้าโลหิตใบหนึ่ง

ขนาดของน้ำเต้าโลหิตนั้นราวฝ่ามือ ใสมองทะลุราวคริสตัล มีอักขระเต๋าสีทองประทับอยู่เป็นเส้น ๆ มองปราดแรกก็ให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา

“น้ำเต้าวิญญาณดี เติบโตบนเถาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทอง ทว่ากลับถูกหล่อหลอมเป็นสมบัติวิเศษอันชั่วร้ายโหดเหี้ยม ช่างสิ้นเปลืองของดีจริงแท้”

ซูอี้เหลือบมองปราดเดียวก็รู้ว่าน้ำเต้านี้คือสมบัติวิญญาณแห่งมหาวิถีตามธรรมชาติ เติบโตบนเถาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สีทอง มีจังหวะวิถีแห่งยุคทองประทับอยู่บนเถาเหล่านั้นตามธรรมชาติ

ในสายตานักดาบในวิถีวิญญาณ สมบัติชิ้นนี้เป็นสุดยอดวัตถุดิบสร้างสมบัติน้ำเต้าบ่มศาสตราเพื่อเก็บดาบ บ่มเพาะมันในจังหวะวิถีแห่งยุคทองเพื่อพัฒนาคุณภาพของดาบวิญญาณ

ทว่ายามนี้ สมบัติวิญญาณอันแสนหายากเกินไขว่คว้านี้ถูกนำไปสร้างเป็นสมบัติปีศาจแทน!

เมื่อซูอี้หยั่งจิตด้วยจิตสัมผัส เขาก็เห็นหมอกโลหิตหมุนวนอยู่ในน้ำเต้าทอง เงาร่างสีเลือดหลายร้อยร่างปรากฏขึ้นอย่างรางเลือนในนั้น

บรรยากาศของร่างสีเลือดแต่ละร่างดุร้ายมืดมน ราวกับภูตผีจากนรก

เมื่อเห็นภาพนี้ ซูอี้ก็อดแสดงสีหน้ารังเกียจไม่ได้

นี่คือวิญญาณโลหิต!

วิญญาณร้ายซึ่งถูกบ่มเพาะจากวิญญาณของเด็กหญิงชาย เกิดจากการหลอมภัตตาโลหิตด้วยเคล็ดวิชาลับ เพื่อให้วิญญาณโลหิตเปลี่ยนร่างได้ต่อเนื่องโuเวลกูดฺอทคoม

วิธีการเลี้ยงวิญญาณโลหิตนั้นโหดร้ายนองเลือดที่สุด และน่าสลดใจยิ่งนัก

ในเก้ามหาแดนดิน มีเพียงขุมพลังฝั่งมารนอกรีตเท่านั้นที่จะใช้วิชาชั่วร้ายน่ารังเกียจเพียงนี้

มีวิญญาณโลหิตอยู่เก้าร้อยตนในน้ำเต้าทองตรงหน้าซูอี้ ครึ่งหนึ่งเป็นหญิง อีกครึ่งเป็นชาย กลิ่นอายของแต่ละตนไม่ได้อ่อนแอไปกว่านักรบมือฉมังเลย

“ต้องมีผู้ใดในโลกถูกสังหารอีกกี่คน และภัตตาโลหิตมากเพียงไรต้องถูกหล่อหลอมเพื่อบ่มเพาะวิญญาณโลหิตมากมายเพียงนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ?”

ซูอี้ไม่ใช่นักบุญ ทว่ายามเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ คิ้วของเขาก็ยังขมวดย่น

เขายังคงจำหายนะที่เกิดกับต้าโจวในระหว่างนี้ได้ สัตว์ร้ายสัตว์ปีศาจเดินทั่วหล้า สร้างพิษภัยร้ายทั่วโลกา!

และตำหนักมารเทียนอวี้ก็ทำเรื่องทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะเลี้ยงวิญญาณโลหิตเหล่านั้น…

“หากสวรรค์ลิขิตให้ตาย นั่นจะทำให้พวกมันบ้าคลั่ง ขุมอำนาจปีศาจเล็ก ๆ นอกรีตจะทำทุกอย่างตามอำเภอใจในต้าโจวนี้ได้จริง ๆ หรือ?”

ซูอี้พึมพำกับตนเอง ดวงตาลึกล้ำเย็นชา

เขาไร้ความทะเยอทะยานอยากช่วยเหลือค้ำชูโลกหล้า แต่ในเมื่อเหตุการณ์นี้ทำให้ขุ่นเคือง เขาจึงไม่คิดอันใดหากจะสั่งสอนบทเรียนอันไม่อาจลืมให้ตำหนักมารเทียนอวี้สักหน่อย!

ขณะที่กำลังครุ่นคิด ซูอี้ก็สร้างตราประทับขึ้นบนฝ่ามือ กดเข้าใส่น้ำเต้าทอง

ตู้ม!

เหล่าวิญญาณโลหิตในน้ำเต้าคำราม เสียงเก้าร้อยเสียงดังหวีดแหลม

จากนั้น ฝ่ามือและนิ้วของซูอี้พลันเปล่งแสงสาดส่อง เกิดเป็นฝ่ามือมหามรรคชำระจิตแห่งวิถีพุทธ

จากนั้น เขาก็เห็นว่าเหล่าวิญญาณโลหิตในน้ำเต้าทองต่างถูกแสงทองพุทธธรรมอันทรงพลังกวาดล้างเสียสิ้นในพริบตา!

น้ำเต้าทองที่แต่เดิมเป็นสีเลือดเองก็ถูกฟื้นสีเดิมของมันกลับมา

หลังจากทำเรื่องทั้งหมดนี้ ซูอี้ก็หันหลังจากไป

เขาตั้งใจจะไปเดินเล่นที่หุบเขามารบุปผาโลหิตเสียหน่อย!

ยามรัตติกาลร่วงโรย ราชวังมโหฬารถูกปกคลุมโดยความมืดมิด

ทว่า ราชวังและเหล่าศาลายังคงสว่างไสว ทัพหลวงแข็งขันเดินเวรยามทั่วเขตราชฐาน

โถงใหญ่

สว่างไสวเยี่ยงกลางวัน

เซียวเทียนเชวี่ย เซียวจื่อจิ่น เฉินเจิ้ง จางอี้เหรินและคนอื่น ๆ ที่หมดสติต่างลืมตาตื่นทีละคนสองคน

“ทุกท่าน ในที่สุดก็ตื่นแล้ว”

โจวจือหลีลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกรพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฝ่าบาท!”

เซียวเทียนเชวี่ยตกใจ กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านช่วยข้าไว้หรือ?”

ทุกผู้ต่างหันมองโจวจือหลี

โจวจือหลีส่ายหน้ากล่าวว่า “เหมือนเช่นเจ้า ข้าก็อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้ ตนเองก็ช่วยไม่ได้ ไม่ต่างจากเป็นนักโทษเลย”

ยามวาจาเหล่านี้ถูกเอ่ย ทุกผู้ต่างจนปัญญา

ที่แห่งนี้คือราชสำนัก จะมีผู้ใดอื่นในต้าโจวซึ่งสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้จากตำหนักมารเทียนอวี้ได้?

ยามนี้ เซียวจื่อจิ่นอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างระมัดระวัง “หรือจะเป็น… ฝีมือคุณชายซู?”

คุณชายซู!

เมื่อได้ยินนามนี้ ไม่ว่าจะเป็นเซียวเทียนเชวี่ย เฉินเจิ้ง จางอี้เหรินหรือผู้ใดต่างเหม่อลอยโดยช่วยไม่ได้

สมองของทุกคนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งเคยใช้หนึ่งดาบสยบต้าโจวราวเทพเซียน

“เป็นไปไม่ได้ กล่าวกันว่าคุณชายซูจากไปสู่ต้าเซี่ยและไร้ข่าวคราวจนยามนี้”

เซียวเทียนเชวี่ยครุ่นคิด “ยิ่งกว่านั้น ตำหนักมารเทียนอวี้แข็งแกร่งสุดขั้ว หากเป็นคุณชายซู ข้าเกรงว่า…”

เขาไม่ได้พูดอันใดอื่น ทว่าความหมายก็ถูกเปิดเผยออก

ทุกคนพยักหน้า

ในความเข้าใจของพวกเขา ซูอี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยามนั้นมีเพียงฐานการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งในใต้หล้า ทว่าฐานฝึกฝนของชายหนุ่มแย่กว่าตำหนักมารเทียนอวี้หลายคุม

ต้องทราบว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักมารเทียนอวี้คือมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!

“เป็นคุณชายซูจริง ๆ”

โจวจือหลีกล่าวอย่างจริงจัง “ยามนี้เขาเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย เขาฆ่าคนในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ง่ายดายราวดายหญ้า”

ทุกคน “…”

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นมึนตึงกะทันหัน ทุกผู้ตะลึง เห็นได้ชัดว่าตกใจ

โจวจือหลีมองสีหน้าอึ้งค้างของทุกผู้และอดทอดถอนใจไม่ได้ เหตุใดเขาจึงไม่เป็นเช่นนี้ยามเห็นซูอี้สังหารฮั่วหงไถกันหนอ?

“แล้วพวกคุณชายซูเล่า?”

เซียวจื่อจิ่นถาม เสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทำลายความเงียบในห้องโถง

ทุกผู้ต่างหันมองโจวจือหลีเช่นกัน

“หลังจากที่คุณชายซูช่วยเราทั้งหมด เขาก็ออกเดินทางต่อไปยังหุบเขามารบุปผาโลหิตแล้ว”

โจวจือหลีกล่าวเบา ๆ

หุบเขามารบุปผาโลหิต!

นั่นมันรังของตำหนักมารเทียนอวี้!

ยามนี้ทุกผู้ต่างประหลาดใจ และความคิดหนึ่งก็ปรากฏในใจทุกผู้โดยพร้อมเพรียง…

“คุณชายซูมาที่นี่เพื่อกวาดล้างพรรคมารจากต่างโลกในคราเดียวหรือ?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset