📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 612

บทที่ 612 - ภัตตาโลหิต
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ไปเดินเล่นที่วังหลวงกันเถิด”

ซูอี้ลุกจากเก้าอี้หวาย พลางแหงนมองขึ้นสู่นภา

มันคือยามย่ำค่ำ มืดมัวสลัว

สีหน้าของหลวงจีนหงจี้พลันผันแปร “นายน้อยอย่าวู่วาม ในวังหลวงมีหนึ่งผู้เฒ่า สองอารักษ์ สี่ผู้ดูแล และสิบแปดผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้อยู่ พลังของพวกเขามากพอจะกวาดล้างทุกศัตรูในต้าโจวได้…”

จากนั้น เขาก็รีบแนะนำตัวตนของคนเหล่านั้น

ผู้เฒ่าของตำหนักมารเทียนอวี้ในวังหลวงมีนามว่าฮั่วหงไถ เป็นมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ

อารักษ์ทั้งสอง หนึ่งชื่อหลิ่วอิ๋ง อีกหนึ่งชื่อต้วนพั่วเจี่ย ทั้งคู่ต่างอยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา

ผู้ดูแลทั้งสี่มีพื้นฐานฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเปิดทวาร

ส่วนผู้ฝึกตนอีกสิบแปดล้วนแล้วแต่เป็นทายาทจากตำหนักมารเทียนอวี้ พวกเขาทั้งหมดฝึกฝนอยู่ในขอบเขตไร้เบญจธัญ

หลังจากฟังจบ ก่อนซูอี้จะทันพูดอันใด หยวนเหิงก็ยิ้มเยาะ “อำนาจเล็กจ้อยนี้ไม่อาจคณามือนายท่าน เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก”

ไป๋เวิ่นฉิงเองก็พยักหน้า พลางกล่าวว่า “ใช่ ยากจะเป็นภัยต่อทั้งคุณชายซูและข้า”

กระทั่งเก๋อเฉียนผู้ระแวดระวังยังถอนหายใจโล่งอกพลางกล่าวว่า “ข้าก็ยังคิดว่าตำหนักมารเทียนอวี้แข็งแกร่งยิ่ง ทว่าหากมีแค่นี้ก็คงไม่พอคณามือจริง ๆ”

หลวงจีนหงจี้ “…”

เขาตะลึงจริงแท้ คนเหล่านี้… กล้าดีเช่นไรจึงไม่เห็นเหล่าเทพเซียนเดินดินในสายตา?!

“ไปกันเถิด”

ซูอี้ไพล่มือไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ออกจากลานซงเฟิงเปี๋ย

ยามเมื่อหลวงจีนหงจี้อ้าปากอยากพูดบางอย่าง หยวนเหิงก็เตือนสติอย่างเมตตา “หลวงจีน สิ่งที่ท่านได้ยินมาผิด ทว่าสิ่งที่ท่านเห็นถูกแล้ว ท่านควรมากับเราเพื่อดูความสนุกนะ”

“นี่…”

หลวงจีนหงจี้ลังเลอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเมื่อเขาเห็นซูอี้และคณะเริ่มการกระทำของพวกตนแล้ว เขาก็กัดฟันตามไปทันที

วังหลวงภายใต้ยามพลบค่ำอาบไล้แสงสีส้มแดงเป็นชั้น

โถงใหญ่

หม้อน้ำสำริดเก้าใบวางแทนตำหนักทั้งเก้า

ยามนี้ ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งหยิบขวดสมบัติของตน เทโลหิตข้นสีชาดลงในหม้อยักษ์ทั้งเก้า

นี่คือภัตตาโลหิตหลังหล่อหลอม มีปราณโลหิตมหาศาลน่าอัศจรรย์

เมื่อผู้ฝึกตนกลุ่มนี้เทโลหิตต่อ สีของหม้อน้ำสำริดยักษ์ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงดั่งเลือด

โลหิตในหม้อน้ำยักษ์ทั้งเก้าหนาแน่นกระเพื่อมไหวตลอดเวลา กลิ่นโลหิตปะทะเต็มจมูก

โจวจือหลีนั่งอยู่ข้างโถง มองภาพเหล่านี้จากไกล ๆ ใบหน้าซีดเซียว มือกำแน่น พยายามฝืนไม่อาเจียน

“มันก็แค่กลิ่นเลือดนิดหน่อย ฝ่าบาททนไม่ไหวแล้วหรือ? ช่างอ่อนแอเสียจริง”

ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งยิ้มเยาะ

ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ หัวเราะคลอ

โจวจือหลีแสดงสีหน้าอับอาย ก้มหน้าก้มตาไม่พูดจา ทว่าที่จริงแล้วเขาชิงชังจับใจ

ผู้ฝึกตนชุดดำเหล่านี้มาจากตำหนักมารเทียนอวี้ ในช่วงเวลาเหล่านี้ พวกเขาทำตามอำเภอใจในวังหลวง ไม่เห็นหัวฮ่องเต้แห่งต้าโจวอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย

“เร็วเข้า เม็ดยาจิตโลหิตมารที่หลอมได้ต้องถูกส่งให้ผู้เฒ่าฮั่ว อย่าเสียเวลา”

ไกลออกไปบนบัลลังก์มังกรมีชายชราหนวดสีเทาทอดร่างอยู่ เขามีเบ้าตาลึกโหลและบุคลิกเย็นชา

ต้วนพั่วเจี่ย!

หนึ่งในอารักษ์แห่งตำหนักมารเทียนอวี้

เมื่อได้ยินเสียงนี้เข้า ผู้ฝึกตนเหล่านั้นก็ไม่กล้าเฉยเมย พวกเขาเร่งลงมือ

“เพื่อหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารอะไรนั่น ตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกท่านไม่ลังเลจะปล่อยสัตว์ปีศาจจากทั่วโลกเพื่อทำร้ายผู้คนเพื่อรับภัตตาโลหิต”

โจวจือหลีมองต้วนพั่วเจี่ย แล้วอดถามไม่ได้ “ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกท่านต้องการทำอันใดกันแน่?”

ต้วนพั่วเจี่ยหันไปตอบโจวจือหลีด้วยรอยยิ้ม “สิ่งที่เจ้าควรรู้ เราย่อมบอกเจ้า และหากเจ้าไม่ควรรู้ ไม่รู้ก็ย่อมดีกว่า”

โจวจือหลีกล่าวอย่างจริงจัง “เช่นนั้นพวกท่านจะไปหนใดต่อ? จะหยุดลงเมื่อไร? ต้องฆ่าทุกคนในใต้หล้าต้าเซี่ยหรือไร?”

ต้วนพั่วเจี่ยดูพิลึก ก่อนกล่าวว่า “ก็แค่อาณาจักรเล็ก ๆ อ่อนแอ แม้จะสังหารคนทุกผู้ เม็ดยาจิตโลหิตมารก็คงห่างไกลจากเพียงพอ”

สีหน้าของโจวจือหลีเปลี่ยนฉับพลัน แทบไม่เชื่อหูตนเอง

“แน่นอน แม้เราจะเป็นพรรคมาร ทว่าเราก็คงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการจับปลาน้ำขุ่นหรอก จากนี้สักพัก เราจะไปยังต้าเว่ยและต้าฉินเพื่อรับภัตตาโลหิตต่อ”

ต้วนพั่วเจี่ยกล่าวช้า ๆ “จากการคาดการณ์ หากได้รับภัตตาโลหิตวันละแสนจิน ในสามเดือนคงพอหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารได้”

สามเดือน!

ภัตตาโลหิตวันละแสนจิน!

โจวจือหลีมือเท้าเย็นวาบ หัวใจสั่นสะท้าน

เท่าที่เขารู้ ภัตตาโลหิตหนึ่งจินจะได้มาจากการสังหารคนหนุ่มสาวสิบคนและหลอมแก่นเลือดของพวกเขา

การเก็บภัตตาโลหิตวันละแสนจินทุกวันหมายความว่าผู้คนหลายล้านต้องถูกเข่นฆ่าต่อวัน!

หากมันดำเนินไปสามเดือน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีผู้ถูกฆ่าเก้าสิบล้านคน ก่อนที่ตำหนักมารเทียนอวี้จะหลอมเม็ดยาจิตโลหิตมารได้พอ!

เมื่อความชั่วร้ายโหดเหี้ยมนี้กระจายออกไป โลกนี้จะต่างจากอเวจีเช่นไร?

“หากทำเช่นนี้ พวกท่านไม่กลัวถูกทัณฑ์สวรรค์หรือไร?”

ใบหน้าของโจวจือหลีซีดลงทุกขณะ เขาไม่อาจนึกว่าเหตุใดโลกนี้จึงมีผู้ฝึกตนอันป่าเถื่อนกระหายเลือด ใช้ชีวิตคนเป็นผักปลาเช่นนี้อยู่

นี่ไม่ได้โหดร้ายอีกต่อไป แต่ผิดมนุษย์!

“ทัณฑ์สวรรค์?”

ต้วนพั่วเจี่ยอดหัวเราะไม่ได้ “เราคือผู้ฝึกตนปีศาจ ก้าวเดินเพื่อท้าทายสวรรค์ ไยเล่าต้องกังวลเรื่องนี้? พ่อหนุ่ม เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนอยู่ดีนี่นะ เฮอะ!”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยคำดูแคลนและความมั่นใจ

โจวจือหลีสิ้นปัญญา เขาไม่เข้าใจตรรกะเช่นนี้เลยสักนิด

เนิ่นนานจากนั้น เขาก็ส่ายหน้าอย่างขมขื่น พลางกล่าวว่า “ไม่พูดถึงเรื่องนี้กันเถิด ข้าก็แค่อยากถาม ว่าเหตุใดตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกท่านจึงมาไล่จับคนผู้เกี่ยวข้องกับอัครมหาเสนาบดีซู? เขาไม่เคยล่วงเกินท่านนี่”

ต้วนพั่วเจี่ยครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “นี่คือคำสั่ง”

“คำสั่งของผู้ใด?”

โจวจือหลีงุนงงมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฉู่ซิว”

เสียงทุ้มลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นในโถงกะทันหัน

เมื่อเสียงปรากฏ ร่างสองร่างก็พลิ้วกายมาหา

ผู้หนึ่งร่างสูงใหญ่ และอีกผู้สดสวยสง่างาม

พวกเขาคือหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง

ต้วนพั่วเจี่ยลุกพรวดขึ้นจากบัลลังก์มังกร และเหล่าผู้ฝึกตนซึ่งกำลังเทเลือดลงสู่หม้อน้ำยักษ์ทั้งเก้าต่างหยุดมือหันมามองโuเวลกูดฺอทคอม

โจวจือหลีเองก็รีบร้อนลุก ทว่าเขาไม่เคยพบเจอหยวนเหิงและไป๋เวิ่นฉิง จึงทำได้เพียงงุนงงว่าทั้งสองเข้ามายังราชวังหลวงได้เช่นไร? หรือทั้งสองจะเป็นเทพเซียนเดินดิน?

“เจ้าเป็นใคร? กล้าดีเช่นไรจึงกล้าบุกรุกพื้นที่ของตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกข้า?”

ชายชุดสีเทาจากตำหนักมารเทียนอวี้ตะโกนด้วยสีหน้าถมึงทึง

ต้าโจวในยามนี้ไม่ต่างจากถูกตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาครอบครอง

ทว่ายามนี้กลับมีผู้หาญกล้าบุกรุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เห็นตำหนักมารเทียนอวี้ของพวกเขาอยู่ในสายตา!

ตู้ม!

หยวนเหิงยกมือวาดไปบนอากาศ และหัวของชายชุดเทาในขอบเขตไร้เบญจธัญก็ระเบิดกลายเป็นโลหิตปลิวกระจาย ตายอนาถคาที่

ง่ายดายราวฆ่าแมลงวัน

“แค่ปลาเล็กปลาน้อยในขอบเขตไร้เบญจธัญ… แต่กลับกล้ามาโวยวาย? สมควรตายนัก!”

หยวนเหิงกล่าวอย่างดูแคลน

ไป๋เวิ่นฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง สังเกตชัดเจนว่าการกระทำและการวางตัวของหยวนเหิงในยามนี้ได้รับอิทธิพลจากซูอี้ผู้เป็นนายมาเต็ม ๆ …ด้วยพวกเขาขณะนี้ดูร้ายกาจเข้ากระดูก!

“เจ้ากล้าฆ่าคนจากตำหนักมารเทียนอวี้ของข้าได้เช่นไร!?”

เหล่าผู้ฝึกตนในห้องโถงต่างฮือฮา ทั้งตกใจและโกรธเคือง

โจวจือหลีก็ตกใจเช่นกัน ทว่าก็รู้สึกสุดปรีดาในใจทันที สีหน้าปรากฏความตื่นเต้น ฆ่าได้ดี! ยอดเยี่ยม!

ยามนี้ ต้วนพั่วเจี่ยผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพลันลุกขึ้นและกล่าวเสียงแข็ง “พวกสารเลว เจ้ากล้าเหิมเกริมโดยไม่มองว่าเป็นถิ่นผู้ใด รนหาที่ตายโดยแท้!”

“ก็จริง”

หยวนเหิงยิ้มกริ่มพลางยืดตัวขึ้น ผลการฝึกฝนขั้นกลางของขอบเขตรวบรวมดาราพลันถูกปลดปล่อยในพลัน

ตู้ม!

ห้องโถงสั่นสะเทือนรุนแรง แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นทำให้เหล่าผู้ฝึกตนซึ่งอยู่เพียงในขอบเขตไร้เบญจธัญหน้าซีด วิญญาณหลุดลอย

“ขอบเขตรวบรวมดารา! คนผู้นี้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา!”

ใครสักคนกรีดร้องลนลาน

ม่านตาของต้วนพั่วเจี่ยหดตัว สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หรือสหายเต๋าจะเป็นเช่นข้า ไม่ได้มาจากมหาทวีปคังชิงนี้หรือ?”

เท่าที่เขารู้ ผู้ฝึกตนทั้งหลายในอาณาจักรต้าโจวนี้ อย่าว่าแต่ขอบเขตรวบรวมดาราเลย ขอบเขตเปิดทวารยังหาได้ยากยิ่ง

ทว่ายามนี้ปรากฏผู้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราเข้ามาหา จึงทำให้ต้วนพั่วเจี่ยสงสัยว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้เป็นคนของมหาทวีปคังชิงเฉกเช่นตน

“คนใกล้ตายเพ้อเจ้อนัก เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเรามาคุยเล่น?”

หยวนเหิงก้าวเข้ามา “เวิ่นฉิง มดปลวกตัวจ้อยพวกนั้นยกให้เจ้า ข้าจะจัดการเจ้าแก่นี่!”

ไป๋เวิ่นฉิงพยักหน้าน้อย ๆ “ได้”

“รีบแจ้งผู้เฒ่าฮั่วเร็ว ข้าจะหยุดพวกเขาไว้!”

เห็นเช่นนี้ ต้วนพั่วเจี่ยก็ตะโกนทันที

ตู้ม!

ยามเอื้อนเอ่ย เขาก็ลงมือทันที ยื่นมือออกไปคว้าง้าวสีเลือดออกมาเล่มหนึ่งซึ่งแผ่แสงสีเลือดพุ่งสู่ฟ้า ฟาดข้ามนภาสู่หยวนเหิง

โจวจือหลีสูดหายใจเฮือก

ต้วนพั่วเจี่ยเองก็เป็นผู้อยู่ในขอบเขตรวบรวมดารา ฝึกฝนตามวิถีชั่วร้าย อำนาจต่อสู้ร้ายกาจ นี่ทำให้โจวจือหลีหลั่งเหงื่อแทนหยวนเหิง

ทว่าพริบตาเดียว โจวจือหลีก็ต้องตกตะลึง

เพราะเขาเห็นหยวนเหิงพุ่งไปเบื้องหน้า ตราหมัดถูกประทับ แล้วง้าวสีเลือดก็ระเบิดออกทีละนิ้วราวทำจากกระดาษ ปลิวว่อนทุกทิศทาง

ทว่าตราประทับหมัดยังคงไม่ถูกขวางกั้น มันก็พุ่งกระแทกเข้าที่อกของต้วนพั่วเจี่ย

ตู้ม!

ร่างของต้วนพั่วเจี่ยกระเด็นปลิวละลิ่ว ฟาดเข้าใส่บัลลังก์มังกรเบื้องหลังไปกระแทกตัวฝังกำแพง เศษหินปลิวว่อน

เห็นได้ชัดเจนว่ามีรอยประทับหมัดจมเข้าไปในอก โลหิตทะลักไหลจากปากและจมูก สีหน้าซีดราวกระดาษ

หนึ่งหมัดปราบอารักษ์ในขอบเขตรวบรวมดาราแห่งตำหนักมารเทียนอวี้!

ภาพที่รออยู่นี้ทำให้ผู้ชมตกตะลึงทันที

โจวจือหลีอึ้งเสียจนกรามแทบร่วง ชายผู้นี้เป็นใคร เหตุใดอำนาจต่อสู้แข็งแกร่งน่าหวาดเกรงนัก!?

ผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญซึ่งวางแผนหนีจากโถงเพื่อขอความช่วยเหลือเหล่านั้นต่างก็ตกใจ หนังหัวชายิบ หัวใจสั่นสะท้าน

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากหนี ทว่าต้วนพั่วเจี่ยพ่ายเร็วเกินไป อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสจากหมัดเดียว ทำให้พวกเขาไร้โอกาสหลบหนี!

ยามนี้ ไป๋เวิ่นฉิงซึ่งยืนคุมหน้าโถงหลักก็เคลื่อนไหว

นางยกมือดั่งหยกขึ้นโบกในอากาศ

คมมีดน้ำแข็งใสกระจ่างพุ่งออกมา แผ่บรรยากาศหนาวเยือกกัดกิน ยามมันพุ่งออกมา ผู้ฝึกตนในขอบเขตไร้เบญจธัญเหล่านั้นก็ถูกบั่นหัวราวตุ๊กตาฟางในบัดดล

ไม่เหลือชีวา!

นี่คืออำนาจบดขยี้เด็ดขาด ไม่ต่างจากการบี้มดแม้แต่น้อย!

“ขอบเขตรวบรวมดาราอีกคนแล้ว…”

ต้วนพั่วเจี่ยชะงักค้าง วิญญาณหลุดลอยราวนางสนมไว้ทุกข์

นอกจากจะตกใจ โจวจือหลีก็ปรีดาลิงโลดอย่างช่วยไม่ได้!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset