พอถูกเขาแตะเนื้อตัวเข้าจริงๆ หญิงสาวก็เริ่มประหม่า ขาเรียวแนบชิดเข้าหากันแบบอัตโนมัติ แต่เซอร์เวย์ก็ไม่ได้ปล่อยมือออก เขายังคงขยับลูบคลำเนินนั้นเบาๆ
จนสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่น เพราะประสาทสัมผัสของเขาไว ถ้าไม่งั้นคงเป็นหมอผ่าตัดอันดับต้นๆ ของประเทศไม่ได้
“?” หญิงสาวแปลกใจทำไมเขาถึงไม่ทำต่อ เพราะอยู่ดีๆ เขาก็ถอนจูบออก แล้วหันไปใส่เสื้อผ้า
ไอยวริญคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าเขาต้องการร่างกายของเธอ เธอพร้อมที่จะให้เขาอยู่แล้ว
“อดทนอยู่บนนี้อีกสักระยะ ไม่นานหรอก” ชายหนุ่มพูดในขณะที่กำลังสวมรองเท้าจะออกไปข้างนอก
“คุณหมอจะให้ฉันไปจากที่นี่แล้วเหรอคะ” ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงจะดีใจ แต่พอมาวันนี้ทำไมรู้สึกใจหาย
สายตาคมหันกลับมามองเธอเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไป เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไรกับเธอเพราะเขาก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน
พอประตูปิดลงไอยวริญก็ค่อยๆ ก้าวเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง
ไม่สิเธอต้องออกมาจากโลกแห่งความฝันได้แล้ว ถึงแม้ความจริงมันจะน่ากลัวและโหดร้าย แต่นั่นมันก็คือความจริง ไอยวริญเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเผลอมีใจให้กับเขา ก็ตอนที่ได้ยินเขาบอกจะปล่อยเธอออกไปจากห้องนี้
“ทานข้าวได้แล้วค่ะ”
“??” นี่เราเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าพี่เขาเข้ามาตอนไหนเลยเหรอ “ค่ะ”
อาหารที่นักโภชนาการเตรียมไว้เธอต้องทานให้ครบและถ้าทานให้หมดได้ยิ่งดี
พอทานอาหารเสร็จแม่บ้านก็เข้ามาเก็บถ้วยชามและเสื้อผ้าเพื่อไปซักรีด
“ผมไม่ชอบเลยที่คุณไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น”
“คนไหนคะ” อมรรัตน์รู้ดีว่าสามีหมายถึงใคร แต่นางแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ยังไงผมก็ไม่ยอมรับเป็นลูกสะใภ้อยู่แล้ว”
“คุณพี่อย่าลืมนะคะ ว่าคนที่จะแต่งงานไม่ใช่คุณพี่”
“แต่ผมมีสิทธิ์ไม่ยอมรับ”
“นั่นก็แล้วแต่สิคะ แต่ฉันยอมรับ” นางยอมสามีทุกเรื่อง แต่เรื่องคู่ครองของลูก คนเป็นแม่ยอมไม่ได้จริงๆ เพราะอยากให้ลูกๆ เป็นคนเลือกคู่ชีวิตเอง
ดึกๆ ของวันเดียวกัน..
“คุณหมอดื่มมาเหรอคะ” เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวเขาเข้ามาในห้องด้วย
“ดื่มนิดหน่อย มีงานกินเลี้ยงส่งคุณหมอที่นี่ไปเรียนต่อต่างประเทศ” ขณะที่พูดชายหนุ่มก็ถอดเสื้อสูทไปด้วย หญิงสาวก็เลยเดินเข้าไปรับเสื้อตัวนั้นเพื่อที่จะเอาไปไว้ที่ซักให้
พออาบน้ำเสร็จเซอร์เวย์ก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียงตามปกติ
หญิงสาวขยับผ้าห่มที่เธอคลุมตัวอยู่ให้มาคลุมร่างของเขาด้วย
จังหวะนั้นชายหนุ่มก็ได้นอนหันหลังให้ จนเธอรู้สึกน้อยใจ..แต่จะน้อยใจเขาในฐานะอะไรล่ะ
เช้าวันต่อมา..
“คุณหมอจะออกไปแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“เออ.. คุณหมอคะ” เธอแค่อยากจะคุยกับเขาให้เยอะกว่านี้ เพราะกว่าเขาจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็คงเป็นตอนเย็นหรือไม่ก็ดึกๆ อีกนั่นแหละ
“มีอะไร”
“ฉัน..” เห็นสายตาของเขาที่มองมาก็พูดอะไรไม่ออก
“มีอะไรค่อยรอคุยกันตอนเย็นแล้วกัน”
“ค่ะ” ขนาดคำว่าค่ะเขายังไม่รอฟังเลย พอเขาเดินออกไปพ้นประตูแล้ว ไอยวริญก็ได้เดินไปนั่งลงที่เตียง มือเรียวเอื้อมไปจับหมอนที่เขาหนุนนอนทุกคืนขึ้นมากอดไว้
14:00 น.
“ถ้ามีเคสด่วน ก็เรียกคุณหมอท่านอื่นแล้วกัน”
“คุณหมอจะไปไหนเหรอคะ” คนที่ถามก็คือพยาบาลที่ประจำห้องตรวจด้านล่าง เพราะถ้ามีงานด่วนจริงๆ ก็ต้องเรียกเขาอีกอยู่ดี
“ขึ้นไปบนห้องทำงาน”
“ค่ะ”
ออกจากห้องตรวจมาได้ ชายหนุ่มก็ตรงไปที่ลิฟต์แล้วกดขึ้นชั้นบน
“คุณหมอ” แจนที่ทำหน้าที่อยู่ชั้นนี้เห็นว่าเขากลับขึ้นมา nᴏveʟɢu.ᴄᴏᴍ
“ผมจะขึ้นมาพักผ่อนหน่อย ไม่ต้องให้ใครมากวน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้อง แล้วก็หายเข้าไปในนั้น
“คุณหมอ?” หญิงสาวที่กำลังยืนเหม่อลอยมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง หันกลับมาเมื่อเห็นว่าเป็นเขา
“เมื่อเช้านี้จะคุยอะไร” ชายหนุ่มถามพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อสูท เหมือนไม่ได้ตั้งใจที่จะถาม
“เมื่อเช้านี้เหรอคะ?” เมื่อเช้านี้เราจะถามอะไรเหรอ..ขนาดเธอยังจำไม่ได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขายังคงจำได้อยู่ ..ก็เขาเป็นถึงหมอ ความจำของเขาคงดีกว่าเธอแหละ “ไม่มีอะไรสำคัญหรอกค่ะคุณหมอไม่ต้องสนใจหรอก”
“ไม่มีอะไรสำคัญ?” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย เพราะเขาคิดมาทั้งวันว่าน่าจะรอ ฟังเธอพูดให้จบก่อนแล้วค่อยลงมา จนไม่เป็นอันทำงาน ก็เลยต้องได้กลับขึ้นมาบนห้อง แต่เธอบอกว่าไม่มีอะไรสำคัญเนี่ยนะ
“ส่งเสื้อมาค่ะเดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้”
“ไม่ต้องเดี๋ยวผมจะกลับลงไปแล้ว”
“จะกลับลงไปแล้วเหรอคะ” ใบหน้าหวานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อคิดว่าจะได้เจอหน้าเขาแค่แป๊บเดียว
พอเห็นใบหน้าของเธอจากที่กำลังจะสวมเสื้อสูทกลับคืน เขาก็เลยเปลี่ยนใจเอาเสื้อตัวนั้นวางใส่มือเธอ แล้วก็เดินไปเอนตัวลงนอนที่เตียง
ไอยวริญรับอารมณ์เขาไม่ทันจริงๆ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนใจไม่กลับลงไปซะงั้น
หญิงสาวเก็บรองเท้าที่เขาเพิ่งจะถอดวางไว้ในตู้รองเท้า แล้วนำเสื้อสูทไปไว้ที่เตรียมซัก พอทำทุกอย่างเสร็จเธอก็เดินมาที่เตียง
คนตัวเล็กค่อยๆ นอนลงฝั่งที่เธอนอนอยู่ทุกวัน แต่มันไม่เหมือนทุกวันตรงที่หัวใจเต้นแรงมาก จนต้องได้แอบมองเขา
จากที่เขานอนหงายอยู่ พอเธอจ้องมองนานเข้าชายหนุ่มก็เลยนอนตะแคงหันหน้าไปฝั่งที่เธอนอน หญิงสาวรีบหันหน้าหนี เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นว่าตัวเองกำลังแอบมอง
แต่พอเซอร์เวย์นิ่งเงียบ เธอก็ค่อยๆ หันหน้ากลับมามองอีกครั้ง
“??” จังหวะที่เธอมองลงมาถึงริมฝีปากหนา ดวงตาของอีกฝ่ายก็ได้ลืมขึ้น “ขะ ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษทำไม”
“ขอโทษที่กวนคุณหมอตื่น”
“ผมยังไม่ได้หลับสักหน่อย”
“คะ?..เออ..ค่ะ” หวังว่าเขาคงไม่เห็นที่เรามองหรอกนะ ทำไมเราเสียการควบคุมตัวเองแบบนี้
“ขยับเข้ามาหน่อย”
“คะ?”
“ที่นี่ไม่มีหมอนข้าง รู้สึกปวดขา”
“เออ..ค่ะ” หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย
พอคนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้ มือและขาของเขาก็เอื้อมมาพาดทับร่างเธอไว้
หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงขึ้น หวังว่าเขาคงจะไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเธอหรอกนะ ..แต่เขาเป็นหมอ แค่แตะก็สัมผัสถึงชีพจรของอีกฝ่ายได้แล้ว