เซวียเจ๋อปินเกาหัว รู้สึกงงกับคำพูดของหลี่สือ
แต่ก็ว่าอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นแค่ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลร่ำรวย ไม่ใช่นักลงทุนมืออาชีพ แถมยังอายุยังน้อย ถึงจะไม่เข้าใจก็ไม่มีอะไรน่าอาย
แต่ในเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ
เซวียเจ๋อปินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “บอสหลี่บอกว่าบอสหม่าเป็นคนส่งต่อข้อความจากบอสเผย งั้น… บอสเผยก็ต้องรู้ล่วงหน้าว่าเมิ่งชั่งจะพูดอะไรสิครับ ไม่งั้นบอสหม่าจะเจาะจงถามความหมายของคำว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ ได้ไง”
หลี่สือส่ายหัว “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน มีความเป็นไปได้เยอะเกินไป
“บอสเผยอาจจะได้ยินคำว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ จากเฮ่อเต๋อเซิ่งหรือจากการขอการลงทุนบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งที่ผ่านมาของเมิ่งชั่ง แล้วสรุปได้ว่าเมิ่งชั่งน่าจะใช้คำนี้อีกรอบในงานโชว์เคสแบรนด์
“หรือไม่บอสเผยก็ไม่ได้กำหนดเจาะจงว่าต้องถามความหมายคำไหน แต่บอกให้บอสหม่าเลือกถามความหมายของคำไหนก็ได้ที่เมิ่งชั่งสร้างขึ้นมาเอง
“ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกัน”
เซวียเจ๋อปินดูสับสน
หลี่สืออธิบายต่อ “สองคำถามของบอสหม่า รวมถึงคำถามปลีกย่อย จริงๆ แล้วมีความหมายเบื้องลึก แถมยังจี้ไปที่แก่นของปัญหา!
“ทำไมผมถึงบอกว่าการเดินหมากครั้งนี้มีหลายชั้น
“ถ้าเมิ่งชั่งขอให้บอสหม่าถามคำถาม เขาก็เกือบจะไร้เทียมทานขึ้นมาทันที ไม่ว่าบอสหม่าจะถามหรือไม่ ขอแค่ไม่คัดค้านเขา เมิ่งชั่งก็จะตีความว่า ‘เถิงต๋าสนับสนุนแบรนด์สาวหน้านิ่ง’
“ซึ่งเมิ่งชั่งคิดว่าโอกาสที่จะโดนคัดค้านนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เพราะเนื้อหาการบรรยายวันนี้เป็นทฤษฎีล้วน แถมยังมีเหตุมีผลและต่อเนื่องเชื่อมโยง ในกรณีนี้ ถึงบอสหม่าจะคัดค้าน ขอแค่คัดค้านในขั้นทฤษฎี เมิ่งชั่งก็ได้เปรียบ เพราะไม่มีทางที่จะหาผู้ชนะได้
“ดังนั้น นี่จึงเป็นกับดัก
“การตอบโต้ที่บอสหม่า หรือที่บอสเผยคิดไว้ให้บอสหม่าคืออะไร คือการหาจุดอ่อนที่สุดของเมิ่งชั่งในระบบทางทฤษฎี กระโดดออกจากแนวคิดทฤษฎีในอุดมคติ และโจมตีโดยตรงในโลกของความเป็นจริง
“คำถามแรก บะหมี่เย็นย่างจะอร่อยรึเปล่า จริงๆ แล้วนี่คือแก่นของปัญหา ไอเดียธุรกิจทั้งหมดของเมิ่งชั่งตั้งขึ้นจากสมมติฐานนี้ ซึ่งก็คือสาวหน้านิ่งจะทำให้บะหมี่เย็นย่างทุกเจ้าแพ้ราบคาบในแง่ของรสชาติ ทำให้เกิดความสนใจและยอมจ่ายเพื่อความพรีเมี่ยม
“ก็เหมือนกับเบอร์เกอร์ร้านข้างทางที่ขายชิ้นละสิบหยวนกับเบอร์เกอร์แฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดเจ้าดังที่ขายชิ้นละยี่สิบหยวน ราคาสูงกว่าสองเท่า แต่ลูกค้าก็ยอมจ่าย
“แต่ถ้าลูกค้าไม่ซื้อ ขั้นแรกก็เป็นไปไม่ได้เลยสิ
“เมิ่งชั่งตระหนักชัดเจนถึงอันตรายจากคำถามข้อนี้ เลยไม่กล้าตอบตรงๆ เขาทำได้แค่ตอบไปอ้อมๆ ว่าแบรนด์สาวหน้านิ่งยอมทุ่มเงินเพื่อสร้างมาตรฐานการผลิต การคิดค้นสูตร และการคัดสรรวัตถุดิบ
“ตอนนั้น นักลงทุนจะคิดว่าถ้าทำถึงขนาดนั้นรสชาติก็ต้องดีกว่าบะหมี่เย็นย่างขายตามร้านข้างทางแน่นอน ซึ่งก็เท่ากับเป็นการตอบคำถามของบอสหม่า
“แต่บอสหม่าก็ถามเพิ่มอีกว่า ทำแบบนั้นจะการันตีได้ใช่มั้ยว่าบะหมี่เย็นย่างจะออกมารสชาติดี
“จริงๆ แล้ว นี่เป็นการย้ำกับนักลงทุนทุกคนว่าบางเรื่องก็แก้ไม่ได้ด้วยเงิน
“เมิ่งชั่งพูดในทางทฤษฎี ซึ่งก็เป็นผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เอาเข้าจริง เขาไม่กล้าฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ยังไม่กล้าก้าวออกจากดินแดนของความเป็นทฤษฎีล้วนๆ
“จากการเผชิญหน้ากันรอบนี้ ถึงการตอบของเมิ่งชั่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่คำถามของบอสหม่าก็จี้ถึงแก่นของปัญหา รสชาติของบะหมี่เย็นย่างคือรากฐานของทุกอย่าง ถึงจะพัฒนาสูตรและมาตรฐานการผลิต แต่ถ้ารสชาติออกมาไม่ตรงตามที่ลูกค้าทั่วไปคาดไว้ ทุกอย่างก็สูญเปล่า
“คำถามข้อที่สองคือให้เมิ่งชั่งอธิบายการผนวกรวมหลายมิติ
“อันที่จริง ทุกคนรู้ว่าการผนวกรวมหลายมิติคือคำที่เมิ่งชั่งสร้างขึ้นมา ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นแนวคิดที่สูงส่งและพิสูจน์ได้ในตัวเอง
“แต่คำแบบนี้ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน เพราะโดยพื้นฐานแล้วเป็นแค่การเอาแนวคิดที่เป็นที่นิยมอย่างยาวนานมายัดความหมายใหม่ให้เกิดเป็นคำใหม่
“บอสหม่าเลยถามต่อว่า ก็เป็นแค่การร่วมงานกันระหว่างแผนกต่างๆ ไม่ใช่เหรอ
“เห็นได้ชัดว่าเมิ่งชั่งเห็นด้วยกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะถ้าเห็นด้วยก็เท่ากับยอมลดระดับแนวคิดของ ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ ลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ จริงๆ ก็ไม่ต่างจากการทำงานร่วมกันของหลายๆ แผนก
“ดังนั้นเมิ่งชั่งจึงทำได้แค่ตีมึนย้ำความแตกต่างระหว่างสองแนวคิด คือมีรูปแบบและระดับที่แตกต่างกัน ว่าง่ายๆ คือ ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ เป็นรูปแบบธุรกิจขั้นสูง
“ในกรณีนี้ ถึงเมิ่งชั่งจะเอาตัวรอดได้ แต่คำตอบกลวงๆ แบบนี้จะทำให้นักลงทุนบางคนตระหนักว่าแนวคิดสวยหรูนี้ไม่ได้สูงส่งอย่างที่เมิ่งชั่งพยายามให้เป็น
“ผมคิดว่าตอนที่บอสเผยบอกให้บอสหม่าถามคำถาม บอสน่าจะไม่ได้ใส่ใจคำว่า ‘การผนวกรวมหลายมิติ’ มากขนาดนั้น อันที่จริงบอสหม่าถามความหมายคำไหนออกไปก็ได้ผลเหมือนกัน”
เซวียเจ๋อปินพยักหน้าทันที “งี้นี่เอง!
“พูดอีกอย่างคือ คำถามทั้งสองสุดยอดตรงที่ไม่ได้ถูกจำกัดโดยทฤษฎีของเมิ่งชั่ง แต่กลับจี้จุดอ่อนที่สุดของทฤษฎีทั้งหมดจากภายนอก และทำลายแนวคิดกับบรรยากาศทั้งหมดทิ้ง!”
หลี่สือยิ้มด้วยความพอใจ “ใช่ ถูกต้องเลย
“ครั้งนี้มองได้ว่าเป็นการเตือนและการโต้กลับจากบอสเผย
“อันดับแรก บอสเผยรู้ว่าตัวเองมาเองไม่ได้ เพราะจะให้เมิ่งชั่งหากินกับชื่อเสียงเถิงต๋าไม่ได้
“สอง การให้บอสหม่าถามคำถามสองข้อไม่ได้เป็นการย้ำเตือนเมิ่งชั่งแค่คนเดียว แต่รวมถึงนักลงทุนทุกคนด้วย
“ไม่ว่าตลาดอินเทอร์เน็ตจะดีขนาดไหน ยังไงสินค้าจริงก็คือตัวตัดสิน ถ้าไม่มีสินค้าที่โดดเด่น ทุกอย่างก็ว่างเปล่าและล่องลอยอยู่ในอากาศ
“เมิ่งชั่งบอกว่าให้คุณค่าในสินค้าของตัวเองมาก แต่นั่นก็เป็นแค่ลมปาก เขาจะให้คุณค่าในตัวสินค้าจริงๆ หรือเปล่าอยู่ที่การกระทำหลังจากนี้
“แนวคิดสูงส่งที่ว่ามาดูสวยงาม แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเปลี่ยนเปลือกนอกของทฤษฎีทางธุรกิจที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนทำไมต้องเปลี่ยนเปลือก ก็ชัดเจนว่าเป็นการสร้างผลกระทบจูงใจบางอย่าง
“สำหรับเมิ่งชั่งแล้ว หลังจากโดนบอสเผยจัดการ เขาต้องยั้งตัวเองแน่ถ้าคิดจะหากินกับชื่อเสียงของเถิงต๋าในอนาคต บอสเผยยังย้ำนักลงทุนด้วยว่าถ้ายังแจ้นเข้าไปลงทุนกันอยู่ เถิงต๋าก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยถ้าโดนโกงขึ้นมาทีหลัง ทุกอย่างเป็นเพราะคุณไม่ฉลาดพอล้วนๆ”
เซวียเจ๋อปินสับสน “งั้น… ทำไมบอสเผยไม่แสดงจุดยืนตรงๆ ล่ะครับ ทำไมต้องใช้วิธีอ้อมๆ แบบนี้ด้วย”
หลี่สือยิ้ม “คุณเข้าใจหลักการของคำพูดที่ว่า การกระทำเด็ดขาดได้ แต่ไม่ใช่กับคำพูดใช่มั้ย
“จนถึงตอนนี้ แบรนด์สาวหน้านิ่งเป็นแค่ไอเดียทางธุรกิจ จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเมิ่งชั่งทำยังไง ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าแบรนด์สาวหน้านิ่งจะล้มเหลว
“ถึงเมิ่งชั่งจะอยากต้มนักลงทุน แต่ถ้าไม่ลงมือทำจริงๆ ก็เป็นแค่ความคิดไม่ดีความคิดหนึ่งใช่มั้ยล่ะ
“เมิ่งชั่งไม่ได้ก่อภัยคุกคามหรือความสูญเสียให้กับเถิงต๋า คงแปลกน่าดูถ้าบอสเผยคิดจะทำลายบริษัทที่ตัวเองเพิ่งลงทุนไป
“เวลาคนฉลาดสู้ จะหยุดตอนที่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้ว บอสเผยแค่สะกิดเมิ่งชั่งเบาๆ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไตร่ตรองอีกทีก่อนที่จะทำอะไร นี่คือวิธีที่ดีสุดในการจัดการเรื่องนี้”
เซวียเจ๋อปินถามขึ้น “เราควรจับตาดูต่อไปใช่มั้ยครับ”
หลี่สือพยักหน้า “ใช่ บอสเผยชี้ให้เห็นชัดเจนถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ถึงจะไม่ได้คัดค้านโดยตรง แต่บอสก็ไม่ได้แสดงออกถึงการยอมรับเหมือนกัน
“เราควรจับตาดูไปกับบอสเผยต่อ ยังด่วนสรุปอะไรไม่ได้
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองลุกกลับออกไป
เมิ่งชั่งที่อยู่บนเวทีกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจ เขายืนอยู่ท่ามกลางนักลงทุน กำลังบันทึกช่องทางการติดต่อของแต่ละคนไว้โนiวลกูดอทคอม
หลังจากส่งนักลงทุนทุกคนกลับตามมารยาท เมิ่งชั่งก็พักจิบน้ำพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก
“เฮ้อ… ไม่น่าขอให้บอสหม่าถามคำถามเลย ไม่คิดเลยว่าจะส่งผลตรงข้าม
“แต่ยังไงก็ไม่น่ารอด
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถึงไม่ขอ บอสหม่าก็น่าจะถามเอง
“ชายหน้าใหญ่ยาวคนนั้นดูโง่แค่ในเบื้องหน้า เหมือนว่าไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร แต่จริงๆ น่าจะจงใจแสดงออกให้คิดแบบนั้น จุดประสงค์คงเพื่อทำให้คนอื่นระวังตัวน้อยลง
“ใช่ ถ้าเป็นไอ้งั่งจริงจะเป็นมือขวาที่บอสเผยไว้ใจได้ยังไง วันนี้เกือบไปแล้วจริงๆ ถ้าเผอเรอกว่านี้น่าจะพลาดได้
“ถึงจะได้รับผลกระทบนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ในอนาคตต้องระวังตัวมากกว่านี้
“เถิงต๋านี่น้ำนิ่งไหลลึกกว่าที่คิด”
แน่นอนว่า เมิ่งชั่งเองก็สังเกตเห็นปัญหาเดียวกับที่หลี่สือเห็นเหมือนกัน เขาไม่ได้รู้สึกชัดเจนขนาดนั้นตอนอยู่บนเวที แต่พอยิ่งได้คิด ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล
คำถามของบอสหม่าทำให้นักลงทุนหลายคนกลับไปอยู่ในช่วงรอดูสถานการณ์ เป็นการเทน้ำเย็นดับไฟที่เมิ่งชั่งพยายามจุดขึ้นอย่างเต็มที่
เมิ่งชั่งพอจะรู้สึกได้ว่าบอสเผยกับบอสหม่าสังเกตเห็นว่าเขาพยายามหากินกับชื่อเสียงของเถิงต๋า ซึ่งครั้งนี้เป็นแค่การเตือน
แน่นอนว่า เมิ่งชั่งก็ไม่คิดจะยอมแพ้
แต่เขาต้องยั้งตัวเองและระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต
ตอนแรกเมิ่งชั่งได้ยินมาเยอะว่ากฎของบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งไม่ค่อยเข้มงวดและได้เงินลงทุนง่าย
เมิ่งชั่งเลยเลือกเริ่มต้นที่บริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง เพราะง่ายที่สุด
แต่พอได้เงินลงทุนมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้นเกินความคาดหมายของเมิ่งชั่งโดยสิ้นเชิง
เมิ่งชั่งหาเก้าอี้นั่ง เขาเปิดขวดน้ำแร่แล้วยกดื่มให้ชุ่มคอ
เขารู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อยหลังพูดมากว่าสองชั่วโมงครึ่ง
“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ที่บอสเผยยอมลงทุนดูเหมือนจะเป็นแค่ฉากหน้า ใช่ บอสเผยเป็นอัจฉริยะด้านการลงทุน จะโดนต้มเอาเงินง่ายๆ ได้ไง
“ถึงเบื้องหน้าจะดูง่าย แต่ถ้าคิดแบบนั้นจริงๆ อาจจะดับอนาถเอาได้
“ฉันต้องระวังตัวให้มากกว่านี้
“แต่กิจการบอสเผยก็ใหญ่โตมาก คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมาจับตาดูธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ขอแค่ฉันระวังตัวและไม่ทำอะไรขัดใจบอสเผยกับบอสหม่า ฉันก็น่าจะไปต่อได้ตลอดรอดฝั่ง”
หลังจากคิดดู เมิ่งชั่งก็ตัดสินใจ
อุปสรรคเล็กน้อยครั้งนี้ทำให้เขาระวังตัวมากขึ้นนิดหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมแพ้ ถ้าอุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ทำให้ถอยได้ เมิ่งชั่งคงไม่ใช่เมิ่งชั่ง