MasterGU.noted = ชื่อบทจากเว็บนอก -> A Senior’s Request/คำขอของรุ่นพี่ (7)
เสื้อผ้าสำหรับเจ้าบ่วงที่ฉันซื้อทุกครั้งเมื่อคิดถึงมัน
เสื้อผ้ามากกว่าร้อยชุด ถูกนำมาวางเรียงบนพื้นห้องนั่งเล่นอันกว้างขวาง
“อึยชินอปป้าซื้อทั้งหมดนี้มาเองเลยหรือ… น่ารักจัง…!”
“ต…ตัวนิดเดียวเอง”
“ถ่ายรูปเก็บไว้ดีกว่า”
ลูกหลานเสือเงินทั้งสามมิอาจละสายตาจากเสื้อผ้าตัวเล็กกะทัดรัด
เจ้าบ่วงกำลังสะบัดหางถี่ๆ บนพรมที่ฉันซื้อให้เมื่อคราวก่อน
มันทำตาเป็นประกายราวกับชื่นชอบเสื้อผ้าชุดใหม่
‘หวังว่าจะบรรเทาความโกรธได้บ้างนะ’
วันนี้เจ้าบ่วงก็ยังคงไม่อ้อนให้อุ้ม
ดูท่ามันจะยังไม่หายโกรธ แม้ว่าฉันจะดื่มยาวิเศษของเผ่ากวางที่มีรสชาติเหมือนบึงนรกจนหมดแล้ว
ฉันถามเจ้าบ่วงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุด
“เจ้าบ่วง ชอบชุดไหนเป็นพิเศษไหม”
มันทำตาเป็นประกายทันที แต่ยังไม่ตอบคำถามของฉัน
…ไม่ได้ผล
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อหันไปเห็นวังจีโฮทำหน้าเหมือนจะระเบิดขำเสียให้ได้
กรร…
เจ้าบ่วงครางในลำคอพลางเบือนหน้าหนี
ได้เห็นภาพดังกล่าว ฉันถึงกับทำตัวไม่ถูก
…ยังไม่หายโกรธสินะ
เจ้าบ่วงไม่มีวันผิด
ดังนั้นฝ่ายที่ผิดคือฉันเอง
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ฉันยังพยายามไม่มากพอ
หลังจากครุ่นคิดหาวิธีบรรเทาความโกรธเจ้าบ่วงอยู่นาน สุดท้ายก็ยังคิดไม่ตก
วังจีโฮที่มองดูสถานการณ์มาสักพัก เริ่มกลั้นขำไม่ไหว
“ฮะฮะฮะฮะ!”
เขายิ้มแย้มด้วยสีหน้ามีความสุขเป็นพิเศษ
เจ้าบ่วงก็เอาแต่ขดตัวโดยไม่มองหน้าฉัน
ลูกหลานเสือเงินทั้งสามทำได้เพียงมองมาด้วยสายตางงงวย
“ท่านเสือเหลือง…?”
“…ข…ข้าไม่เคยเห็นท่านเสือเหลืองหัวเราะแบบนี้มาก่อน”
“ถ่ายเก็บไว้ดีกว่า”
สถานการณ์เริ่มบรรเทาลงหลังจากเสือแดงปรากฏตัว
“ไปกันเถอะ โชอึยชิน”
“…ครับ”
ฉันจำใจต้องละสายตาออกจากแผ่นหลังสีขาว
ห้องรับแขกที่เสือแดงเดินนำมา
คงเพราะย่างเข้าฤดูร้อน การตกแต่งจึงเปลี่ยนไปพอสมควร
โทนหลักของห้องยังคงเป็นสีทองตามเดิม แต่ผ้าม่านถูกเปลี่ยนให้บางลง เครื่องเรือนเปลี่ยนเป็นสีโทนอ่อนทั้งหมด
‘ใส่ใจแม้กระทั่งฤดูกาล…’
ชาประจำวันคือชาเย็นแบล็กเบอร์รี ส่วนของว่างทำจากผลแอบปริคอต
ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบ้านที่ด้านในเย็นสบาย แต่ภายนอกร้อนระอุ
‘ว่าแต่… แบคโฮกุนไปไหน’
ตอนแรกยังเห็นอยู่ที่ประตูหน้า แต่กลับไม่โผล่มาในห้องรับแขก
ดูจากถ้วยชาที่วังจีโฮวางเตรียมไว้ แบคโฮกุนน่าจะถูกชวนมาด้วย
“มาแล้วสินะ”
แบคโฮกุนเดินเข้ามาหลังจากฉันจิบชาไปสองสามอึก
เห็นแบคโฮกุนนั่งลง วังจีโฮเข้าประเด็นหลักทันที
“ตือหงอเหนงหายตัวไป”
“อย่าบอกนะว่าตายแล้ว”
ฉันสร้างความเสียหายไปมากก็จริง แต่มั่นใจว่าไม่ถึงตาย
“ยังไม่ตายแน่นอน เพราะไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับบาเรีย”
สถานะของบาเรียสามารถนำมาใช้พิสูจน์ความเป็นความตายของตือหงอเหนงได้ด้วย?
วังจีโฮเล่าต่อไป
“บาเรียแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อมโยงกับพลังของผู้นำสิบสองเผ่า ถ้ามีใครตายฉันก็ต้องทราบ”
ถ้าอย่างนั้นตือหงอเหนงหายไปไหน?
เสือแดงพูดขณะมองมาทางฉันที่ทำหน้าครุ่นคิด
“ตอนนี้เผ่าหมูกำลังระดมพลตามหาตัวตือหงอเหนงที่หายไป เบาะแสสุดท้ายคือพิกัดที่อีกฝ่ายส่งให้ลูกน้อง…”
ดูเหมือนเสือแดงจะยังตามสืบข่าวจากเผ่าหมูอยู่
วังจีโฮคงอนุญาตเพราะเขากลับมาแข็งแรงดีแล้ว อีกทั้งความเสี่ยงของภารกิจก็ยังต่ำมากเนื่องจากเผ่าหมูกำลังระส่ำระสาย
“มีสมมติฐานอยู่หลายข้อ… ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ตือหงอเหนงผู้ทำภารกิจล้มเหลว เกิดหวาดกลัวจนต้องหนีไปซ่อนตัว ตอนนี้ขวัญกำลังใจของเผ่าหมูกำลังต่ำมาก”
เสือแดงกล่าวพลางฉายโฮโลแกรมเพื่อแสดงข้อมูล
เผ่าหมูกำลังออกค้นหาตือหงอเหนงอย่างเป็นระบบ
วังจีโฮพูดต่อทันทีที่เสือแดงรายงานเสร็จ
“ไม่มีเบาะแสใดเชื่อมโยงได้ว่า การหายตัวไปของตือหงอเหนงเกี่ยวข้องกับเผ่าเสือ”
วังจีโฮแสยะยิ้ม
“ตอนนี้เผ่าหมูไม่มีตือหงอเหนงแล้ว หรือต่อให้กลับมาก็ไม่มีคราดซ่างเป่าซินจินอยู่ดี เป็นได้แค่หมูเขี้ยวกุด เอาเวลาไปกังวลกับเรื่องอื่นดีกว่า”
คราวนี้วังจีโฮฉายโฮโลแกรมบ้าง
ภาพแรกคือรูปถ่ายใบหน้าผู้นำรุ่นถัดไปของทั้ง TC และจูโอกรุป
ภาพที่สองเป็นแผนที่แสดง ‘ถิ่น’ ของเผ่าวัว เผ่างู เผ่าม้า และเผ่าลิงบนคาบสมุทรเกาหลี
“ภาพแรกคือเป้าหมายของ ‘ท่านผู้นั้น’ … ภาพที่สองคือผู้ต้องสงสัยเผ่าหางยาว… สินะ?”
เขาพยักหน้ารับคำพูดฉัน
“ใช่ พวกมันเพ่งเล็งผู้นำรุ่นถัดไปของ TC กับจูโอกรุปมาแล้วสองหน จะต้องมีเหตุผลที่ไม่ยอมรามือแน่”
“ถ้าอยากทำให้กลุ่มทุนเป็นอัมพาต จ้องเล่นงานผู้นำตระกูลรุ่นปัจจุบันไม่ดีกว่าหรือ ทำไมถึงเพ่งเล็งรุ่นถัดไปแทน… เดาเป้าหมายของมันไม่ออกจริงๆ”
โศกนาฏกรรมสนามเบสบอลจัมชิลในเกม ทำให้ผู้นำรุ่นถัดไปของ TC กรุปต้องก้าวลงจากตำแหน่ง ถือว่าจอมบงการทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง
‘ผู้นำรุ่นถัดไปของจูโอกรุปยังสบายดีก็จริง แต่กลุ่มทุนก็เกิดความขัดแย้งภายในอย่างหนัก… ลำพังข้อมูลในเกมยังไม่ช่วยให้กระจ่างว่าเป้าหมายของจอมบงการคืออะไรกันแน่’
ต่อให้คำนึงถึงอีเวนต์ถัดไปด้วย คำตอบก็ยังไม่กระจ่างอยู่ดี ฉันจึงฟันธงอะไรไม่ได้
“ผู้ต้องสงสัยเผ่าหางยาวถูกตีกรอบให้แคบลงแล้ว แต่ทางเราก็ยังจับตามองทั้งหมดพร้อมกันไม่ไหว ตอนนี้คงต้องตามสืบเผ่าหมูเหมือนเดิมไปก่อน”
ฉันพยักหน้ารับคำพูดวังจีโฮ
เป็นเรื่องยากที่จะจับตามองสี่เผ่าแท้บนคาบสมุทรเกาหลีพร้อมกัน
ช่างนี้ควรตามสืบเผ่าหมูจนแน่ใจเสียก่อน
‘การเคลื่อนไหวครั้งถัดไปของจอมบงการ… จะเกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน’
ระหว่างนั้นก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
“ทางเผ่าเสือกำลังทดลองบางอย่างอยู่ ไว้ได้ข้อสรุปแล้วจะบอก”
วังจีโฮทำตาเป็นประกายขณะพูด
คงกำลังซุ่มทำเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่เบื้องหลัง
“จบไปอีกหนึ่งคดี”
เมื่อหมดประเด็นเกี่ยวกับปาร์ตี้บนเรือ ฉันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้ไกลจากจอมบงการมากขึ้น
วันนี้ฉันมาเพื่อขอร้องวังจีโฮสองเรื่อง
“พอดีอยากรบกวนนายนิดหน่อย เกี่ยวกับเด็กในห้องน่ะ”
“ว่ามา”
จากที่สังเกตดู เขาชื่นชอบเด็กในห้องพอสมควร คงยอมรับฟังข้อเสนอ
“ภาวะหูหนวกของฮันอี… นายพอจะช่วยอะไรได้ไหม”
“ฉันลองตรวจสอบหลายครั้งแล้ว แต่ทั้งพลังวิเศษและยาวิเศษสมัยใหม่… ไม่มีอะไรได้ผลเลย”
วังจีโฮเคยตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว?
ฉันไม่รู้เพราะวังจีโฮไม่เคยแสดงออก
“จนถึงตอนนี้ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้… ราวกับเธอไม่มีความสามารถด้านการ ‘ได้ยิน’ มาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะสกิลหรือแสงประทานชนิดใดก็รักษาไม่หาย… ต่อให้เป็นแสงประทานสายฟื้นฟูที่ทรงพลังแค่ไหน แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่เคยมีอยู่ ก็คงฟื้นฟูกลับมาไม่ได้”
ไม่อยากเชื่อว่าแม้แต่เผ่าเสือในเทพนิยายก็ยังจนปัญญา
ดูเหมือนปัญหาของฮันอีจะร้ายแรงกว่าที่คิด
‘อยากให้เธอยินเสียงเพลงเหมือนเพื่อนคนอื่น…’
วังจีโฮก็คงคิดแบบเดียวกัน ดวงตาของเขาดูหม่นหมองทันที
เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
“มินกือรินกำลังถูกคนสติไม่ดีตามรังควาน ช่วยหาตัวให้หน่อย”
ฉันฉายโฮโลแกรมของกระทู้หนึ่งในบอร์ดทั่วไปที่บันทึกเก็บไว้เมื่อวาน
“คนโพสต์ไม่ถูกลงโทษเพราะไม่ได้ใช้คำพูดรุนแรง และเนื้อหาก็ดูมีเหตุมีผล แต่ความจริงแล้วเป็นแค่ข้อเท็จจริงที่ถูกนำมาใส่สีตีไข่”
ยกตัวอย่างเช่น ข่าวลือที่มินกือรินกดขี่พนักงานพิพิธภัณฑ์ภาพวาดร่วมสมัย ซึ่งเคยจัดแสดงผลงานของเธอ
หลักฐานที่แนบมาด้วย คือสองบทความข่าวจากหนังสือพิมพ์
บทความแรกอธิบายถึงช่วงเวลาและสถานที่ ที่ผลงานของมินกือรินถูกจัดแสดง
บทความที่สองคือข่าวการทยอยลาออกของพนักงานพิพิธภัณฑ์ เนื่องด้วยปัญหาด้านสุขภาพจิต
มีแค่สองข่าวนี้
“ดูจากหลักฐาน เรายังไม่สามารถอนุมานได้ว่ามินกือรินมีนิสัยกดขี่”
“คนเรามักจะเชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ ระหว่างที่ภาพวาดของเด็กอัจฉริยะถูกจัดแสดง กลุ่มคนที่มีอาการทางจิตก็พยายามโยงเข้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน”
ฉันฉายโฮโลแกรมเพิ่มอีกหนึ่ง
ใครบางคนอ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของพนักงานพิพิธภัณฑ์ที่ลาออกไป และยืนยันว่ามินกือรินกดขี่พนักงานจริง
หลักฐานที่แนบมาด้วย มีแค่นามบัตรของพนักงานพิพิธภัณฑ์
‘ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่านามบัตรของพนักงานช่วยสรุปว่ามินกือรินกดขี่ได้ยังไง’
แต่คนเบาปัญญามักจะเชื่ออะไรแบบนี้ แล้วตะแบงว่าฝ่ายตนมีหลักฐานมากถึงสามชิ้น
“หากนำ ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ มาผสมกับความเป็นจริง อย่างเช่นบทความข่าวทั้งสอง คำให้การของบุคคลที่อ้างตัวเป็นพยานจะดูน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที”
“…เรื่องนี้มันงี่เง่าจนไม่รู้จะเริ่มด่าจากตรงไหนเลย โง่สิ้นดี ทั้งคนกุข่าวและคนที่เชื่อ”
“มีคนกลุ่มอิจฉาพรสวรรค์ของมินกือรินเป็นทุนเดิม พวกมันต้องถือโอกาสผสมโรงแน่ ฉันอยากให้นายรีบดำเนินการ”
วังจีโฮตอบขณะลากโฮโลแกรมของฉันเข้าไปเก็บในดีไวซ์ของตัวเอง
“เข้าใจแล้ว ฉันจะหาตัวคนทำให้ได้”
คนร้ายคงถูกจับได้ในเร็ววัน หาก ‘ท่านประธาน’ ของโรงเรียนแสงเงินเดินเรื่องด้วยตัวเองโuเวลกูดoทคoม
ฉันข้ามไปยังหัวข้อถัดไป
มันเกี่ยวข้องกับนรกที่ฉันต้องเผชิญตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม
“ฉันอยากรู้สรรพคุณยาวิเศษของเผ่ากวาง แม้จะดื่มหมดแล้ว แต่ก็แทบไม่รู้สึกถึงความต่าง… มีแค่อาการล้าที่หายเป็นปลิดทิ้ง”
ฉันหน้าซีดขณะพูด เพราะดันเผลอนึกถึงรสชาติสุดทุกข์ระทมของยาวิเศษ
วังจีโฮหัวเราะชอบใจเมื่อได้เห็น
“นายรู้จักเทวสมบัติของเผ่าเสือใช่ไหม? ยาวิเศษของเผ่ากวางถูกปรุงขึ้นจากบ่อน้ำที่มีเทวสมบัติปรากฏ”
ปรุงจากน้ำในบ่อวิเศษ?
อาจมีคุณค่าไม่เท่าเทวสมบัติ แต่รับประกันได้เลยว่าเป็นน้ำที่มีประโยชน์สูง
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายจะได้รับหนึ่งในความสามารถเชิง ‘เนตร’ ของพวกเรา อีกไม่นานก็คงรู้ผล”
วังจีโฮพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่เนื้อหาค่อนข้างจริงจัง
เนตรของเผ่าเสือ
หนึ่งในความสามารถเชิงเนตร
ถ้าได้ของแบบนั้นมาครองจริง ขอบเขตการวางกลยุทธ์ของฉันก็จะกว้างขึ้นมาก
แต่ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า
“ถ้ามันดีขนาดนั้น ปรุงยาวิเศษให้เจ้าบ่วงด้วยสิ”
“…ยาวิเศษของเผ่ากวางไม่ช่วยเยียวยาสมองของนายเลยรึไงนะ”
วังจีโฮทำหน้าเหนื่อยหน่าย แต่ฉันจริงจัง
เสือแดงเผลอพึมพำ ‘โชอึยชิน…’ ออกมา แต่สุดท้ายก็เงียบไปด้วยสีหน้าเจือความสงสาร
หลังจากคุยธุระกันเสร็จ พวกเราเดินกลับมายังห้องนั่งเล่น
ลูกหลานเสือเงินทั้งสามกำลังรออยู่
“…ดูนี่สิ!”
น้องเล็กอึนแจโฮฉายโฮโลแกรม
ในวิดีโอเป็นภาพของเจ้าบ่วงกำลังนั่งมองเสื้อผ้าตัวจิ๋วบนพื้นห้องนั่งเล่น
วิดีโอน่าจะถูกถ่ายหลังจากที่ฉันย้ายไปห้องรับแขกแล้ว
[บ๊อกบ๊อก!]
[อ๊ะ! สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอโทษ! ไม่ได้คิดจะขโมยนะ แค่จะหยิบไปใส่ตู้ของเจ้าให้]
อึนซอโฮขอโทษเจ้าบ่วง
มันคงกลัวว่าจะมีใครแย่งเสื้อไป
ไม่เห็นต้องกังวลเลย ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ฉันต้องซื้อใหม่ให้อยู่แล้ว
[เลิกโกรธโชอึยชินเถอะนะ]
ถัดมาเป็นเสียงของแบคโฮกุน
[หลังจากนี้เขาคงระวังตัวมากขึ้น]
แบคโฮกุนพูดพลางลูบหัวเจ้าบ่วงสองสามครั้งแล้วเดินหายไปจากจอภาพ
ที่มาห้องรับแขกช้าคงเพราะเรื่องนี้
กรร…
ขณะฉันยืนมองจอโฮโลแกรม เจ้าบ่วงเดินมาหยุดอยู่ตรงปลายเท้า
ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
คงตระหนักว่าตัวเองทำเกินไปหลังจากได้ฟังคำพูดแบคโฮกุน
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันเป็นฝ่ายผิดเอง ขอโทษนะ!”
เจ้าบ่วงไม่มีวันผิด ดังนั้นคนผิดคือฉัน
เจ้าบ่วงแสนรู้ใช้หัวซุกชายกางเกงฉันทันที
เป็นท่าทีออดอ้อนที่ไม่ได้เห็นมานาน
‘ในที่สุดเจ้าบ่วงก็ให้อภัย…!’
วังจีโฮมองมาด้วยความผิดหวัง ส่วนอึนแจโฮก็ตั้งใจถ่ายวิดีโอเก็บไว้
แต่ใครสนกันล่ะ
หลังจากหมกตัวอยู่ที่คฤหาสน์ของวังมยองโฮจนถึงช่วงค่ำของวันอาทิตย์
ฉัน เจ้าบ่วง และแบคโฮกุน เราสามคนเดินไปทางหอพัก
แบคโฮกุนฝากคำพูดทิ้งท้าย
“สัปดาห์หน้า มาที่หอฝึกสีเงินด้วย”
ศึกดวลระหว่างฉันกับแบคโฮกุนถูกกำหนดวันแล้ว
* * *
เช้าวันจันทร์
ห้องเรียน 1/0
“ทุกคนได้รับข้อความแล้วใช่ไหม ครูประจำชั้นแจ้งว่าต้องอยู่ทำธุระนานกว่าที่คิด”
“หืม… ครูฮัมกึนยองไม่มา? แล้วใครเป็นครูประจำชั้นแทน”
“ห้องเราไม่ได้กำหนดครูผู้ช่วยไว้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไงต่อ”
ก่อนถึงคาบโฮมรูมไม่นาน
ขณะเด็กๆ ในห้องจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับการธุระอันยืดเยื้อในเมืองฮงชอนของครูฮัมกึนยอง
“กือริน กินอันนี้ไหม เซเบิ้ลคุกกี้รสเอิร์ลเกรย์ตัวใหม่ของ MITRON”
“หือ… อันนี้ยูรีไม่ได้ทำเอง?”
“ซื้อมาเป็นต้นแบบน่ะ! ว่าจะลองเลียนแบบดู มาหัดทำด้วยกันไหม”
คิมยูรียื่นขนมให้มินกือรินที่กำลังกังวล
ถ้าสังเกตดูให้ดี คิมยูรีก็กำลังประหม่าเช่นกัน
คงช่วยไม่ได้ เพราะหนึ่งในเหตุผลที่คิมยูรีเลือกเรียนห้อง 0 ก็คือ ‘มีครูประจำชั้นเก่งๆ คอยคุ้มครอง’
ครืด—!
ประตูอัตโนมัติเปิดออก เผยให้เห็นใครบางคนยืนอยู่
คิมชินรก
‘คิมชินรกเป็นครูประจำชั้นห้อง 1/1 ไม่ใช่รึไง… เดินมาผิดห้อง?’
ครูประจำชั้นห้อง 1/1 ไม่ควรยืนอยู่หน้าห้องเรียน 1/0
มีบางอย่างไม่ปกติ
“ไอ้เด็กชอบสร้างปัญหาจะมาเป็นครูประจำชั้นชั่วคราวของห้องศูนย์? แปลกจัง”
วังจีโฮมองไปนอกห้องด้วยสีหน้างุนงง
คงรู้สึกตงิดใจไม่น้อยที่ต้องมีครูประจำชั้นเป็นเด็กรุ่นลูก ถึงจะแค่ชั่วคราวก็ตาม
ฉันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นสีหน้าปัจจุบันของวังจีโฮ
“ห้องศูนย์อยู่ทางนี้ครับ… ฝากด้วยนะครับ”
แต่คิมชินรกไม่ได้เข้ามาในห้อง
เขาคำนับไปยังทิศทางหนึ่งแล้วก็เดินหายไป
และคนที่เดินเข้ามายืนหลังโต๊ะครูในห้อง…
ยงเจกอน
“ข้ามีนามว่ายงเจกอน เป็นเผ่ามังกร วันนี้จะทำหน้าที่ครูประจำชั้นชั่วคราวแทนครูฮัมกึนยอง ขอฝากตัวด้วยนะ”
ไอ้มังกรนี่มาได้ยังไง…?
ยงเจกอนมองฉันพร้อมกับแจกรอยยิ้มสดใส