📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี ยอดวิถีแห่งปีศาจ – ตอนที่ 409

บทที่ 409 - เรียนรู้ (1)
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ใกล้ๆ เขตภูผาตระหง่าน หุบเขาเฟยชิง

อันต๋าลั่วยืนอยู่ในหุบเขา เงยหน้ามองมังกรพิษหลายตัวที่โบยบินอยู่เหนือท้องฟ้าบนศีรษะ สัตว์ประหลาดสกปรกที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยเมือกเหม็นสาบเหล่านี้ กำลังแยกเขี้ยวคมกริบพลางสอดส่ายสายตาอยู่กลางท้องฟ้า ทำการโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่คิดเข้าใกล้ใจกลางหุบเขาจนถึงตายได้

อันต๋าลั่วกระชับหมวกติดเสื้อ ปิดบังใบหน้าและเขาของตัวเองเอาไว้ในเสื้อคลุมอีกครั้ง เขาพลิกมือสร้างปราณมารสีดำสนิทกลุ่มหนึ่ง ปราณมารพลิกตัวและหมุนวนอยู่กลางอากาศ ก่อนจะกลายเป็นวัตถุในสภาพเหมือนหยกโค้ง

หยกโค้งนั้นลอยอยู่ด้านหน้าเขา เปล่งแสงสีม่วงอ่อนๆ สาดส่องรัศมีหนึ่งหมี่รอบๆ ตัวเขา

อันต๋าลั่วจึงค่อยเดินไปยังใจกลางหุบเขา

ไม่ไกลออกไปได้ยินเสียงร้องคำรามทุ้มต่ำของสัตว์ยักษ์สำหรับทำศึกได้เป็นระยะ ยังมีเสียงหัวเราะร่าสนุกสนานกำเริบเสิบสานของพวกมารหนามอยู่ด้วย

“อาศัยอะไรพวกเราต้องเฝ้าประตูอย่างยากลำบากอยู่ที่นี่ พวกหมี่หลางกลับกินมนุษย์และดื่มสุราได้ตามใจชอบ”

อันต๋าลั่วได้ยินเสียงโอดครวญเบาๆ ของยามที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่แสดงท่าทาง หากตัดทะลุการเฝ้าระวังหลายชั้นไปท่ามกลางเสียงตัดพ้อทุ้มต่ำ ไม่นานก็มาถึงด้านหน้าหอเล็กสองชั้นสีม่วงอ่อนที่วาดสัญลักษณ์สีแดงเลือดเอาไว้บนผนัง

“ประตูแห่งเลือดเนื้อส่งข้อมูลมาอีกแล้วขอรับ ใต้เท้าเฟยเกอหนีที่เคารพ” อันต๋าลั่วส่งกระแสเสียงเข้าไปอย่างแผ่วเบา

ไม่มีการตอบกลับ ในหอเล็กของผู้บัญชาการใหญ่สงบนิ่ง

อันต๋าลั่วจิตใจหนักอึ้ง สังหรณ์ร้ายอยู่บ้าง

“ใต้เท้าเฟยเกอหนีขอรับ” เขาถามอีกครั้ง “ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

ในหอเล็กยังคงไม่มีเสียงใดดังออกมา

อันต๋าลั่วสายตาเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆ เดินไปด้านหน้า โดยเข้าใกล้อย่างช้าๆ ทีละก้าวๆ มือของเขาชักมีดสั้นที่อยู่บนน่องออกมาอย่างเงียบๆ แล้ว

เข้าใกล้หอเล็กทีละก้าวๆ

โครม

เขาชนประตูใหญ่เปิดออก

ภาพสยดสยองด้านในทำให้ราชามารที่เห็นภาพโหดเหี้ยมมาจนชินอย่างเขาตื่นตระหนกทันที

ใต้เท้าเฟยเกอหนีราชามารผู้เป็นผู้นำทัพของราชอาณาจักร เพื่อนร่วมงานของเขา ตอนนี้นอนแน่นิ่งอยู่กลางโถงใหญ่ ทรวงอกและช่องท้องถูกแหวะออกอย่างระมัดระวัง บุรุษล่ำสันที่ร่างท่อนบนสวมเสื้อคลุมสีดำนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าศพ มือถือถ้อยคำแห่งการทำลายล้างศัสตรามารที่เฟยเกอหนีเก็บไว้ พร้อมกับขยำหัวใจตรงส่วนท้องของศพไปมา

พอได้ยินเสียงประตูถูกชนเปิด บุรุษล่ำสันก็ค่อยๆ หมุนตัวมา ใบหน้าเขาคลุมผ้าสีดำไว้เช่นกัน มีแต่ตามารดุร้ายสีแดงอ่อนๆ คู่หนึ่งที่โผล่ออกมาด้านนอก

“อ้อ…มาอีกคนแล้ว” เสียงของเขาทุ้มต่ำ มีอำนาจดึงดูดมาก ในถ้อยคำเหมือนมีของประหลาดบางอย่างกำลังกระเพื่อมออกมา ปิดกั้นขอบเขตรัศมีมากกว่าร้อยหมี่รอบๆ ไว้โดยสมบูรณ์

อันต๋าลั่วสีหน้าตะลึงไปในพริบตาหนึ่ง จากนั้นก็กระทืบเท้าอย่างฉับพลัน พื้นพลันระเบิดเสียงดังตูม ปราณมารทะลักขึ้นทั่วร่าง ก่อนจะหมุนตัวหนีไปทางประตูใหญ่ด้านหลัง

ทว่าเพิ่งหนีออกมาได้ไม่กี่ก้าว ด้านในประตูด้านหลังก็มีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาจิกผมของเขาไว้ แล้วกระชากไปด้านหลัง

“ไม่!” เสียงของอันต๋าลั่วไม่อาจส่งออกไปโดยสิ้นเชิง ร่างถูกลากกลับไป

โครม

ประตูใหญ่ถูกปิดแน่น ด้านในประตูมีเสียงฉีกเลือดเนื้อดังออกมา นอกจากนี้ก็ไม่มีเสียงใดอีก

เขตจันทราสารท กรมหยินหยาง

ในวัดสีเหลืองอ่อนที่วิจิตรประณีต ใต้อาทิตย์อัสดง บุรุษสตรีวัยกลางคนที่สวมกวนขนนกสีขาวหลายคนกำลังเดินอยู่บนระเบียงเสาศิลาที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องมาจากด้านข้าง

บุรุษที่เป็นผู้นำมีสีหน้าเอาจริงเอาจัง ใบหน้ามีริ้วรอยล้ำลึก สองตาที่เฉียบขาดฉายแววจนใจ

“กรมหยินหยางที่อยู่ใกล้ๆ นี้ส่งข่าวกลับมาว่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ เขตห้าเขตที่อยู่ใกล้ๆ รวมกัน มีผู้ถืออาวุธห้าคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ทางทัพมารมีราชามารอย่างน้อยสามคนกับอาวุธเทพศัสตรามารที่เก็บไว้หายสาปสูญไปเช่นกัน ผลของการตรวจสอบอย่างละเอียดออกมาแล้วหรือยัง” บุรุษถามเสียงทุ้ม

“เรียนท่านทูต ยังไม่มีเจ้าค่ะ” สตรีวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างตอบเบาๆ อย่างระมัดระวัง “ตามสถานการณ์ปกติทั่วไป อย่างน้อยต้องใช้เวลาเจ็ดวันต่อหนึ่งรอบถึงจะส่งคืนข้อสรุปย่อยกลับมา”

“ช้าเกินไปแล้ว” บุรุษส่ายหน้า “ห้าวัน ห้าวันต่อหนึ่งรอบเป็นอย่างน้อย พวกเราจะปล่อยให้จังหวะเมื่อก่อนหน้าส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ได้ การตรวจสอบก่อนหน้านี้ได้บอกแล้วว่ามีคนเห็นยอดฝีมือที่ทั่วร่างเป็นสีดำ ซึ่งตั้งใจลอบโจมตีผู้ถืออาวุธกับราชามารโดยเฉพาะเข้าออกค่ายของทัพมาร ทัพมารในอาณาเขตที่แน่นอนรอบๆ กลับเหมือนไม่พบเขา”

“ที่ท่านทูตพูดถึงหรือจะเป็นคนชุดดำลึกลับที่ถูกเรียกว่ามารราตรีผู้นั้น” สตรีวัยกลางคนคือเจิ้งชิวเยวี่ยเจ้ากรมคนปัจจุบันของเขตจันทราสารท เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้อยู่ๆ ก็มีทูตคนหนึ่งถูกส่งมารวบรวมและควบคุมข้อมูล ทรัพยากร และขุมกำลังทั้งหมดในมือของนาง

“มารราตรี…ชื่อนี้กลับเหมาะสมยิ่ง คนผู้นี้จะลงมือในคืนเดือนมืด จำเป็นต้องป้องกันไว้” ทูตครุ่นคิด “รอรายงานข้อสรุปย่อยครั้งหน้าส่งมา ข้าจะรวบรวมข้อมูลแล้วส่งให้เบื้องบน เบื้องบนสมควรตัดสินว่าจะรับมือกับมารราตรีผู้นี้อย่างไร”

“ท่านทูตรอบคอบนัก แต่ว่าปัญหาเกี่ยวกับมารราตรีนั่น ท่าทีของพวกเราคืออย่างไร…” เจิ้งชิวเยวี่ยถามอย่างสงสัย

“ยังไม่ต้องไปสนใจเขา พวกเราไม่ได้มีขุมกำลังใหญ่พอจะไปยุ่งด้วย ขอแค่เขาไม่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้กับทัพมารของพวกเราก็พอ” ทูตถอนใจเฮือกหนึ่ง

มารราตรีผู้ลึกลับคนนี้เป็นเทพเทวามาจากไหน เขาไม่รู้ ทว่าดูจากสถานการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ มารราตรีไม่ได้มีความตั้งใจโจมตีกองทัพราชสำนัก

“แต่ว่า…”

“ค่อยดูอีกทีเถอะ…จริงสิ ช่วงนี้เด็กน้อยบ้านข้าก็ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านนอกเช่นกัน…” ทูตเปลี่ยนหัวข้อ แสดงให้เห็นว่าไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก

เจ้ากรมเจิ้งชิวเยวี่ยเข้าใจ

ปัจจุบันอยู่ในช่วงขาดแคลนกำลังคน ต่อให้มารราตรีชุดดำผู้นี้อันตรายขนาดไหน ผู้ที่ประสบหายะล้วนแล้วแต่เป็นผู้ถืออาวุธที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพและสามสำนัก ล้วนมาจากตระกูลทั่วไป ตระกูลขุนนาง และสำนักขนาดเล็กๆ ทั้งหมด

บวกกับพลังที่คนชุดดำผู้นั้นแสดงออกมาที่ทั้งเหี้ยมหาญและลึกลับ ทูตจึงไม่อยากจะแตะกับระเบิดลูกนี้ ในใจมีความคิดถ่วงเวลา ถ่วงเวลาไว้ก่อน ดูว่าภายหลังมีโอกาสที่เขาจะหยุดมือไปเองได้หรือไม่

เพียงแต่เจิ้งชิวเยวี่ยมีลางสังหรณ์ร้ายในใจ เกรงว่าคนชุดดำผู้นั้นจะไม่มีทางหยุดมือ…

…….

ฉัวะ!

ลู่เซิ่งฟันกระบี่ตัดศีรษะมารตรงหน้าทิ้ง ศีรษะที่มีเขากระทิงสีดำลอยหมุนออกไป แล้วกลิ้งหลุนๆ บนพื้นหลายตลบ ก่อนจะตกลงไปในแอ่งที่เกิดจากกองเลือด

เขาเก็บกระบี่และกวาดตามองรอบๆ บนพื้นเต็มไปด้วยศีรษะและซากศพของมารในทัพมาร

ยามบ่าย ดวงอาทิตย์เจิดจ้า กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นโชยขึ้นจากพื้น บวกกับกลิ่นเหม็นของพิษที่มีเฉพาะเผ่ามาร ทำให้ในรัศมีหลายสิบหมี่รอบๆ บริเวณนี้จึงไม่มียุงหรือแมลงอยู่

ในสองเดือนมานี้ เขาอาศัยข้อมูลของสำนักพันอาทิตย์ออกตามล่าหาอาวุธเทพศัสตรามาร ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามาร เผ่ามนุษย์ หรือเผ่าปีศาจ ขอแค่มีสถานที่เก็บอาวุธเทพ เขาก็จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อแย่งชิงมา ถ้าหากเจอผู้ขัดขวาง ก็จะฆ่าทิ้ง

เขามีสภาพหยินโชติช่วงอำพรางกลิ่นอาย ผู้ถืออาวุธทั่วไปไม่อาจสัมผัสร่องรอยของเขาได้ ไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าอริยะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะยินยอมลดฐานะของตัวเองลงมากระทำเรื่องฆ่าคนชิงอาวุธเทพแบบนี้โนlวลกูดอทคoม

พลังอาวรณ์ที่ลู่เซิ่งได้รับมีมากขึ้นเรื่อยๆ จากการกลืนกิน ในที่สุดก็ทะลุสามหมื่นหน่วย

ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจอยู่บ้างก็คือ พลังอาวรณ์ที่แฝงอยู่ในอาวุธเทพศัสตรามารที่ได้มาในภายหลังทั้งมีเยอะและมีน้อย ที่มีเยอะมีทั้งสองสามพันหน่วย และสี่ห้าพันหน่วย ที่มีน้อยมีแค่สองสามร้อยหน่วย

นี่มีความแตกต่างมหาศาล ลู่เซิ่งเดาว่าสมควรเกี่ยวข้องกับระยะเวลาการดำรงอยู่กับชื่อเสียงของอาวุธเทพแต่ละชิ้น

ลู่เซิ่งค่อยๆ สะบัดเลือดบนตัวกระบี่ทิ้ง เลือดเนื้อและซากศพของมารที่อยู่รอบๆ ถูกไฟสีทองหลายกลุ่มเผาไหม้และทำลายกลายเป็นควันดำ ก่อนจะสลายหายไปกลางอากาศ

ลู่เซิ่งมองดูรอบๆ พอยืนยันได้ว่าไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตเหลืออีก ก็คิดจะกระโดดขึ้นท้องฟ้าเพื่อเดินทางต่อ

ครั้งนี้เขาเพิ่งกลับมาจากค่ายของทัพมารแห่งหนึ่ง ล่าได้มีดสั้นศัสตรามารที่ดูโบราณมากเล่มหนึ่ง กำลังจะนำไปเก็บที่เขตจันทราสารท

อยู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงแหวกอากาศเบาๆ เข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง

เงาคนสีดำเขียวสายหนึ่งกลางอากาศโผบินมาพร้อมเมฆสีขาวหลายก้อน แล้วลอยหยุดอยู่ด้านหน้าพื้นที่ว่างผืนนี้

“สหายเก๋อหลินเล่า เหตุใดจึงมีเจ้าเพียงคนเดียว” บุรุษผู้นี้มีอายุราวสามสิบสี่สิบปี ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ สวมชุดนักพรตสีเขียวขลิบทองรูปยันต์แปดทิศ ถือที่ปัดฝุ่นสีขาวราวหิมะ แต่งกายแบบนักพรตผู้สูงส่ง

ลู่เซิ่งไม่ตอบ เขาจำได้อย่างเลือนลางว่า ราชามารที่เป็นผู้นำกลุ่มในทัพมารที่เขากำจัดทิ้งเมื่อครู่ถูกเรียกว่าใต้เท้าเก๋อหลิน

และคนตรงหน้านี้

ลู่เซิ่งหยีตา ดูเหมือนจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนจากทัพมารที่มารับแล้ว

“เอาของมาหรือยัง” นักพรตผู้นี้ไม่รอให้ลู่เซิ่งตอบ ก็ถามอย่างเร่งร้อน “เจ้ามาคนเดียวหรือ หรือว่านึกเสียใจ จึงหลอกลวงข้า” สีหน้าเขากลายเป็นสีเขียวแวบหนึ่ง ที่ปัดฝุ่นในมือเรืองแสงสีเขียวหลายสาย เงากระเรียนเซียนสีขาวตัวหนึ่งลอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาช้าๆ สิ่งที่แตกต่างก็คือ สองตาของกระเรียนเซียนมีชีวิตชีวามาก สมจริงกว่าเงาของอาวุธเทพเมื่อก่อนหน้านี้ไม่น้อย

“อ้อ? อาวุธเทพดาวหยกหรือ” ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย นี่เป็นอาวุธเทพระดับดาวหยกที่เขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกล่า

ระดับของอาวุธเทพไม่ได้ส่งผลต่อพลังของผู้ถืออาวุธ พวกมันเพียงกำหนดศักยภาพของพวกผู้ถืออาวุธเท่านั้น

พูดอีกอย่างก็คือ ต่อให้ผู้ถืออาวุธคนหนึ่งได้รับอาวุธเทพระดับเทวปัญญา พลังก็ไม่อาจก้าวข้ามผู้ถืออาวุธทั่วไปได้ สิ่งที่พลังระดับนี้วัดกันคือการควบคุมและการใช้งานกฎเกณฑ์หลักของอาวุธเทพ ต่อให้อาวุธเทพมีอานุภาพแตกต่างกันมาก แต่ผู้ถืออาวุธด้วยกันก็ต่างกันอย่างมากสุดหนึ่งถึงสองเท่า ไม่มีทางห่างกันเกินไป

เหมือนกับท่านใช้ท่อน้ำเล็กๆ ปล่อยน้ำจากถังน้ำ และใช้ท่อน้ำเล็กๆ ปล่อยน้ำจากบ่อน้ำ อย่างมากสุดแรงดันน้ำก็ทำให้ความเร็วในการไหลแตกต่างกันเล็กน้อย ทว่าความจริงแล้วปริมาณน้ำที่ออกมาไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

ลู่เซิ่งพิจารณาที่ปัดฝุ่นในมือนักพรตผู้นี้อย่างละเอียด

“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ?!” นักพรตผู้นี้เห็นลู่เซิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด พลันเคร่งเครียดอยู่บ้าง

“สมคบคิดกับศัตรู ตาย!” ลู่เซิ่งสาดประกายกระบี่

ผ้าสีเงินผืนหนึ่งลอยขึ้นจากในมือเขา บนผ้ามีลวดลายเค้าโครงของอสูรอินทรีราชสีห์แปดเศียรติดอยู่อย่างลางเรือน มันส่งเสียงแหวกลมพร้อมกับไปถึงตรงหน้านักพรตในชั่วพริบตา

“กวาดล้างทำลาย!” นักพรตแสดงสีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันสัมผัสก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคลื่นยักษ์และเขาสูงกดทับลงมาหาตำแหน่งของตัวเอง จึงรีบโบกที่ปัดฝุ่น ใช้การโจมตีแทนการป้องกันเพื่อปกป้องตัวเอง

เผชิญหน้ากับผ้าที่ยาวแค่สิบกว่าหมี่ แต่กลับมอบความรู้สึกหลอนดั่งเผชิญคลื่นยักษ์จากทะเลลึกให้แก่เขา

เงามืดของประกายกระบี่ปกคลุมเขาไว้ด้านใน

ครั้นที่ปัดฝุ่นสัมผัสประกายกระบี่สีเงิน มันกลับส่งเสียงร้องโหยหวน จากนั้นพละกำลังอันมหาศาลก็กระแทกใส่ที่ปัดฝุ่น แล้วกระแทกให้มันหักพับไปชนทรวงอกของนักพรต

ตูม!

ปราณจริงแท้ของเขาระเบิดเหมือนกับลูกโป่ง ไอหมอกสีเขียวหลายกลุ่มกระจายออกมารอบๆ ทรวงอกมีรูเลือดขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา

นักพรตก้มหน้ามองอาการบาดเจ็บตรงทรวงอกของตัวเองอย่างอึ้งงัน เปลวไฟสีทองอ่อนกลุ่มหนึ่งกำลังลุกไหม้อย่างช้าๆ และเงียบเชียบกลางรูเลือดที่ทรวงอก

วินาทีนี้ เขาคิดถึงเรื่องราวมากมาย ชั่วชีวิตนี้นักพรตได้กระทำเรื่องราวผิดครรลองครองธรรมและไร้กฎไร้เกณฑ์ในสายตาของคนอื่นนับไม่ถ้วน เขามีปณิธานแรงกล้าตั้งแต่เด็ก กอปรกับมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา เฉลียวฉลาดโดยกำเนิด จึงเริ่มมีอิทธิพลกับทิศทางการพัฒนาของตระกูลแต่แรก เรื่องราวเลวร้ายที่เขาได้ทำมาชั่วชีวิตเพื่อตระกูลมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าตอนนี้และที่นี่ ผู้ที่เขาคิดถึงมากที่สุดคือลูกชายไม่เอาอ่าวที่บ้านผู้นั้น

“ถ้าข้าจากไปแล้ว…เขาจะทำอย่างไร” ความคิดนี้แวบขึ้นในใจนักพรตเป็นครั้งสุดท้าย

ตูม!

ร่างของเขาระเบิดออกกลายเป็นเปลวไฟสีทองกลุ่มหนึ่ง แค่ไม่กี่อึดใจก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน

เปลวไฟสีทองหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับมายังมือของลู่เซิ่ง ก่อนจะหายไปในผิวหนัง

ที่ปัดฝุ่นด้ามนั้นตกลงพื้น พอลู่เซิ่งกวักมือมันก็ลอยขึ้นมา แล้วตกลงกลางฝ่ามือของเขา

Facebook Twitter Telegram Pinterest
ยอดวิถีแห่งปีศาจ

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

Way of the Devil, Cực Đạo Thiên Ma, Extreme Dao Heavenly Demon, WoD, 极道天魔
Score 9.3
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: , ต้นฉบับ: 1213 Chapters (จบแล้ว)
ลู่เซิ่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ พบว่าตัวเองมาอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย กลายเป็นคุณชายร่ำรวยมีเงินทอง แต่ละวันมีกับข้าวสามมื้อ มีสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีเขาคิดจะใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ไปจนตาย จนกระทั่งว่าที่น้องเขยของเขาตายอย่างลึกลับหลังจากตรวจสอบคดีประหลาด ทั้งยังถูกฆ่าล้างตระกูล!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset