ลู่หยวนผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?
เขาไม่ได้อยู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์หรอกหรือ?
เสิ่นโตวครุ่นคิดสักพัก การที่คุณชายลู่แข็งแกร่งนับเป็นเรื่องที่ดี ในอนาคตที่เขากลายมาเป็นลูกเขย ตระกูลเสิ่นก็จะอยู่จุดสูงสุดของแดนเหนือ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ ความปวดร้าวในใจก็สงบลง…
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เมื่อควันและธุลีมลายสิ้น ร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากสุสานกระบี่ที่พังทลาย เป็นผู้ชายสวมชุดสีแดงห่มดำ มีรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าหล่อเหลา กลิ่นอายแรงกดดันแผ่ออกมารอบข้าง เคลื่อนลงมาจากท้องนภาราวกับเทพที่ถูกเนรเทศ
เสิ่นโตวก้าวเท้ามาข้างหน้า กล่าวพร้อมกับยิ้มเจื่อนว่า “ยินดีกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บตัวบ่มเพาะสำเร็จ!”
คนที่เหลือตอบสนองคนแล้วคนเล่า ก่อนประสานมือคารวะทันที “ยินดีด้วยขอรับ!”
ลู่หยวนส่งเสียงอืม กล่าวว่า “ข้าเหนื่อยเหลือเกิน อยากพักเสียหน่อย เชิญพวกเจ้าตามสบาย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายหนุ่มก็เห็นร่างแน่งน้อยของผู้ฝึกกระบี่หญิงผู้สง่างามอยู่ไม่ไกลนัก นั่นคือฉินอี่หานผู้ยืนตระหง่านอยู่ในอากาศ ดวงตางดงามจับจ้องมายังเขาตลอดเวลา ราวกับกำลังรออยู่นานแล้ว
เขากำลังจะไป แต่เสียงแผ่วเบาพลันดังขึ้นที่ข้างหู “ลู่หยวน…”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วก่อนหันหน้าไปมอง ก่อนจะพบหญิงสาวผู้เดินนวยนาดเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเยาว์วัยอันทรงเสน่ห์บนใบหน้าขาวนวลราวกับหยก คนผู้นี้คือเสิ่นซูเหยียน
สีหน้าของชายหนุ่มมืดมนทันที เขาหงุดหงิดกับหญิงสาวผู้นี้มากที่สุด!
เป็นนังนี่! ที่พาเจ้าของร่างเดิมออกไปสร้างปัญหา ทิ้งภาระต่าง ๆ มากมายไว้กับเจ้าของร่างคนเก่าโดยทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์!
“ทำไมหรือ?”
น้ำเสียงของลู่หยวนเย็นชายิ่ง ใครก็ตามย่อมมองออกว่าเขาหงุดหงิด
เสิ่นซูเหยียนผู้กำลังเข้ามาใกล้หยุดนิ่ง สีหน้าซีดเผือดขึ้นมา
เกิดอะไรขึ้นกับบุตรศักดิ์สิทธิ์?
เขาไม่เคยปฏิบัติกับข้าเช่นนี้มาก่อน!
เสิ่นซูเหยียนดึงสติตัวเอง กำลังจะปริปากตอบ แต่นางกลับเห็นร่างของลู่หยวนวูบไหวก่อนจากไป
เหนือฝูงชนไกลลับตา สตรีสูงสง่าราวกับเทพเซียนสวมชุดสีขาวยืนอยู่ หลังจากชายหนุ่มเข้าใกล้ รอยยิ้มก็พลันปรากฏบนใบหน้าคมคาย
แค่รอยยิ้มนั้นก็พิชิตใจบุตรจำนวนมากจากตระกูลใหญ่ในที่นี้ได้!
อาภรณ์สีขาวและดำของทั้งสองราวกับหยินหยางวูบไหว… หายไปต่อหน้าทุกคน
หลังจากทั้งสองไม่อยู่แล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจ กระซิบกระซาบว่า “ผู้หญิงที่อยู่กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เมื่อครู่เป็นใคร รูปลักษณ์เช่นนั้น ย่อมเป็นอันดับหนึ่งในแดนเหนือเป็นแน่!”
“ศิษย์ของสำนักอักขระสวรรค์นามว่าฉินอี่หาน ข้าได้ยินมาว่านางเก็บตัวมาหลายปี จนกระทั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมาที่สำนักอักขระสวรรค์ในครั้งนี้ นางถึงได้ออกมา”
“พอสองคนนี้ยืนอยู่ด้วยกันแล้วเหมือนคู่เซียนสวรรค์เลย!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของทุกคน เสิ่นซูเหยียนก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าบิดเบี้ยวดูน่าสะพรึง
เสิ่นโตวผู้อยู่ด้านข้างกลุ่มคนที่กระซิบกระซาบเหล่านั้น กล่าวว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ออกจากการเก็บตัวแล้ว เชิญทุกท่านกลับไปด้วย!”
ทุกคนลอบมองใบหน้าของธิดาผู้นำตระกูลเช่นกัน พวกเขาจึงยกมือคารวะ ก่อนจะจากไปคนแล้วคนเล่า
ในสถานที่เก็บตัวขนาดใหญ่ เหลือเพียงเสิ่นซูเหยียนและเสิ่นโตว
เสิ่นซูเหยียนยังคงจ้องไปทางที่ลู่หยวนจากไป กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านพ่อ ลูกไม่อยากแพ้ฉินอี่หาน!”
บิดายืนเอามือไพล่หลัง จิตสังหารฉายในดวงตา “ไม่ต้องห่วง นางไม่มีทางขวางทางลูกได้หรอก!”
ลู่หยวนตามศิษย์พี่หญิงกลับห้องโถงทางตะวันตก ทันทีที่เข้ามาถึงก็พบเทียนเม่ยเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน
ชายหนุ่มเดินไปข้างเตียง ฟาดไปที่บั้นท้ายขององค์หญิงหางจิ้งจอก
นางยังคงอยู่ในความฝัน ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บั้นท้ายจนได้สติทันที เอามือลูบบริเวณนั้น ดวงตางดงามพลันลืมขึ้นพร้อมความรู้สึกแค่นเคืองในใจ
นางโกรธ!
ใครกันที่กล้ามาขัดความฝันของข้าผู้นี้?!
ไม่เกรงใจแม่เสียแล้ว!
“เจ้าเป็นจิ้งจอกสวรรค์หรือหมูสวรรค์กันแน่? วัน ๆ รู้จักแต่การนอนหรืออย่างไร?”
เสียงของลู่หยวนดังมาจากข้างหู เทียนเม่ยเอ๋อร์หันศีรษะมองทันที จึงพบว่าชายหนุ่มเตรียมง้างมือขึ้นจะฟาดอีกครั้ง
นางยืนขึ้นทันที เอามือลูบบั้นท้าย โทสะทั้งหมดในใจถูกสะกดเอาไว้ ร้องขอความเมตตาว่า “ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว นายท่านหยุดฟาดเถอะ!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์จึงยอมรามือ เขานั่งเอนหลังบนเก้าอี้พลางอุ้มนางไว้แนบอก เทียนเม่ยเอ๋อร์เข้าใจจึงกลายร่างเป็นจิ้งจอกทันที ยอมอยู่ในอ้อมแขนแต่โดยดี
ฉินอี่หานที่อยู่ด้านข้างก็นั่งลงเช่นกัน รินชาให้ตัวเองสักพักแล้วกล่าวว่า “งานเลี้ยงวันเกิดนี้อาจจะไม่ง่ายเสียแล้ว”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร?”
“ผู้อาวุโสของสำนักอักขระสวรรค์มาหาข้าเมื่อวานแล้วบอกว่า พวกเขาจะออกไปข้างนอกสองสามวัน ดูเหมือนพวกเขาจะสัมผัสกลิ่นอายของเหิงอีเจี้ยนได้”
“เหิงอีเจี้ยนหรือ?” novelgu.com
ลู่หยวนยังคงประทับใจต่อคนผู้นี้ เขาคือหนึ่งในสิบสุดยอดปรมาจารย์กระบี่ในแผ่นดินหยวนหง
เขาเคยเป็นคนที่ฟาดฟันทั่วหล้าด้วยหนึ่งกระบี่ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนแข่งขันเพื่อจัดอันดับปรมาจารย์ มือขวาของเขาหัก นับแต่นั้นมา อันดับจึงตกลงจากที่สามมาเป็นที่สิบ
หลังจากปีนั้น เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในการจัดอันดับปรมาจารย์กระบี่ ตำนานของชายผู้นั้นก็เลือนหายไปอย่างช้า ๆ
ฉินอี่หานคล้ายกับถอนหายใจอย่างเสียดาย “ไม่ได้พบเห็นปรมาจารย์กระบี่ผู้นี้มานานแล้ว ในตอนนั้นข้าจำได้ว่าเขาถือกระบี่ยักษ์เอาไว้ บุกทะลวงสามเมืองด้วยหนึ่งกระบี่ เพื่อเด็ดหัวปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์”
“กระบี่ยักษ์? เขาใช้กระบี่ยักษ์หรือ?”
ฉินอี่หานไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มถึงให้ความสนใจเรื่องนี้ จึงพยักหน้า
ลู่หยวนพลันยิ้มออกมา “ข้ารู้ว่าทำไมเขาถึงปรากฏตัว”
ในแผ่นดินหยวนหง ย่อมมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ฝึกฝนกระบี่ แต่น้อยคนนักที่จะใช้กระบี่ยักษ์!
บุตรแห่งโชคชะตาเซียวเทียนเข้าไปในป่าเรืองแสงที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวน หลังจากนั้นเหิงอีเจี้ยนก็มาที่เมืองหลวน พวกเขาต่างใช้กระบี่ยักษ์เช่นกัน
ดูจากเส้นทางแล้ว พวกเขาทั้งสองน่าจะข้องเกี่ยวกัน!
บุตรศักดิ์สิทธิ์สันนิษฐาน “หรือว่าเหิงอีเจี้ยนจะมาสนับสนุนศิษย์ของเขา…”
ฉินอี่หานยังคงไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไร แต่อีกฝ่ายชิงหลับตาพักผ่อนไปแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่หญิงส่ายหน้า จากนั้นถือกระบี่ไม้ขึ้นมากวัดแกว่งฝึกกระบี่
ในห้องโถง เทียนเม่ยเอ๋อร์เริ่มรู้สึกวิงเวียนหลังจากอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม เมื่อกำลังจะผล็อยหลับ เสียงต่ำของเขาก็ดังขึ้นในหูของนาง “บุตรศักดิ์สิทธิ์จำได้ว่า หุบเขาบูรพาเคยเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เทพใช่หรือไม่?”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ส่ายหน้า สลัดความง่วงงุนออกไป “มีข่าวลือเช่นนั้นจริง แต่มันเป็นเรื่องเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ทุกวันนี้สัตว์เทพแทบจะสูญพันธุ์หมดแล้ว สิ่งที่เรียกว่าที่อยู่อาศัยก็หายไปนานแล้วเช่นกัน”
นางเงยหน้ามองลู่หยวน เห็นเพียงร่างสูงนอนพิงเก้าอี้ ยามปรายตามองตรงไปด้านหน้า
เทียนเม่ยเอ๋อร์มองตามสายตาเจ้านาย พบว่าเบื้องหน้าเก้าอี้มีเศษผ้าสองชิ้นลอยอยู่ในอากาศ มันประกบเข้าหากัน ก่อนแผนที่เรียบง่ายจะปรากฏขึ้นตรงหน้านาง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เทียนเม่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าแผนที่นี้มันช่างคุ้นเคยนัก!
นางมองดูสักพัก ทันใดนั้นก็ชี้ไปที่บางสิ่งแล้วกล่าวว่า “ตรงนั้น ดูเหมือนจะเป็นที่ที่พวกข้าจิ้งจอกสวรรค์อยู่”
ลู่หยวนขยับนิ้ว เศษผ้าถูกวางอยู่บนเก้าอี้ “ที่ที่เจ้าพูดเมื่อครู่อยู่ตรงไหนนะ?”
จิ้งจอกน้อยยื่นอุ้งเท้าขนาดเล็กออกไป ชี้ไปยังจุดหนึ่งของแผนที่ ตอบว่า “ที่นี่”
จากนั้นนางก็ไปชี้ที่อื่นอีก “นี่คือที่ที่มังกรนาคายักษ์อยู่ ส่วนมังกรเกล็ดอยู่ที่นี่ และจุดนี้เป็นที่อยู่ของวิหคเพลิงเมฆา”
“หืม? นายท่าน แผนที่นี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มีหลายที่ถูกทำเครื่องหมายบนพื้นที่ภูเขา แต่ตอนนี้ล้วนเป็นที่ราบไปแล้ว!”