📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 516

บทที่ 516 - จดหมายประหลาด
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ห่างจากนครหลวงจิ๋วติ่งไปหลายร้อยลี้

ริมแม่น้ำใหญ่

ชายหนุ่มผมสีม่วงสวมมงกุฎทองมีสีหน้ามืดมนและโกรธจัด เขากัดฟันกล่าวว่า “ตระกูลเซี่ยกล้าดีอย่างไรถึงปฎิบัติกับพวกเราเช่นนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้พวกเราไม่อาจทำเป็นลืมได้!!”

ใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวที่สวมชุดหงส์ซีดเผือด หว่างคิ้วของนางมีร่องรอยตื่นตระหนก ก่อนจะเอ่ย “เป็นที่รู้กันว่าในต้าเซี่ยว่า ไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลเซี่ยก็คือค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน แต่ใครจะคิดว่าค่ายกลสังหารซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจะยังสามารถปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ออกมา…”

มีเสียงอันเยือกเย็นของเงาร่างสีเลือดดังออกมาจากจี้หยกที่ห้อยอยู่ที่คอของชายหนุ่มผมม่วงสวมมงกุฎทอง

“ข้ายืนยันได้ว่าค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนได้รับความเสียหายอย่างหนักจริง ๆ หลังจากใช้อีกไม่กี่ครั้งมันก็ต้องสลายหายไปอย่างแน่นอน ครานี้พวกเราเสียหน้าครั้งใหญ่ ความเกลียดชังนี้ต้องตอบแทนคืนเป็นสิบเท่าร้อยเท่า!”

น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาตและกระหายเลือด

ในขณะนี้เองพลันมีเสียงแตกของอากาศดังมาจากไกล ๆ

ร่างของเวิงจิ่วพลันปรากฏขึ้นในอากาศ

เขาเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่มีผมสีม่วงและสวมมงกุฎทองและหญิงสาวในชุดหงส์ ก่อนพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ชายชราผู้นี้มาที่นี่เพื่อถ่ายทอดท่าทีของราชวงศ์เซี่ย”

หลังกล่าวเช่นนั้น เขาก็พูดทวนถ้อยคำของชายวัยกลางคนสวมผ้าดิบ

ในน้ำเสียงของเขาซึ่งไร้ความผันผวน

หลังจากฟังแล้ว หญิงสาวในชุดหงส์ก็มองดูชายหนุ่มผมสีม่วงสวมมงกุฎทองอย่างเป็นกังวล เกรงว่าอีกฝ่ายจะทนต่อการกระตุ้นดังกล่าวไม่ได้และเกิดคลั่งขึ้นมา

ทว่าใครจะคิด! ชายหนุ่มผมม่วงสวมมงกุฎทองเพียงถูแก้มของเขาอย่างแรง จากนั้นจัดเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วโค้งคำนับอย่างให้เกียรติ ก่อนพูดว่า “ข้าวานผู้อาวุโสกลับไปรายงานด้วยว่า หวนเฉ่าโหยว ผู้เป็นทายาทของตระกูลหวนได้จดจำบทเรียนเอาไว้แล้ว!”

แม้แต่น้ำเสียงก็ยังแสดงถึงความเคารพ

แต่เมื่อเห็นท่าทีที่อ่อนน้อมถ่อมตนของหวนเฉ่าโหยว ม่านตาของเวิงจิ่วก็พลันแข็งค้างไปในทันใด

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เวิงจิ่วก็กล่าวขึ้นว่า “ชายชราจะนำคำกล่าวของคุณชายกลับไปทูลให้ทราบ”

หวนเฉ่าโหยวเงยหน้าขึ้น ก่อนเผยสีหน้าซาบซึ้งขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาและกล่าวว่า “รบกวนผู้อาวุโสเดินทางมาแล้ว หากในอนาคตมีโอกาสข้าจะต้องตอบแทนผู้อาวุโสอย่างแน่นอน!”

คำพูดนั้นดูจริงจังและจริงใจยิ่ง แต่เวิงจิ่วกลับรู้สึกเหน็บหนาวในใจขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เขามองหวนเฉ่าโหยวอย่างลึกล้ำและกล่าวว่า “นายน้อยโปรดดูแลตนเองด้วย”

หลังจากนั้นเขาก็หันหลังจากไป

เมื่อเห็นเวิงจิ่วหายไป หวนเฉ่าโหยวพลันหัวเราะออกมาและพูดว่า “ดูสิ เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซี่ยไม่กล้าต่อกรพวกเรา ไม่เช่นนั้นเหตุใดพวกเขาถึงต้องส่งคนมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วย”

“โง่เง่า!”

เสียงด่าทออย่างโกรธเคืองดังออกมาจากจี้หยก “หากพวกผู้อาวุโสในตระกูลเห็นว่าเจ้าหนูเช่นเจ้าเป็นตัวไร้ประโยชน์เพียงใด เกรงว่าพวกเขาคงไม่ทุ่มเทในการสนับสนุนเจ้าหนูเช่นเจ้าขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนายน้อยถึงเพียงนั้น!”

หวนเฉ่าโหยวเงียบไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “โลกรู้เพียงว่าตระกูลหวนของเราทรงอำนาจ เอาแต่ใจ และลงมือโดยขาดการยับยั้งชั่งใจ เมื่อคลั่งขึ้นมาก็จะไม่สนใจสิ่งใด แต่ลุงทวดไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งที่เรียกกันว่าความคลุ้มคลั่งนั้นไม่ใช่ไม่มีสมอง!”

เสียงในจี้หยกเงียบไปอย่างหาได้ยาก

เห็นเช่นนั้นหวนเฉ่าโหยวก็กล่าวต่อ “ร่างกายของคนตระกูลหวนของเรามี ‘สายเลือดที่แท้จริงของอสูรสวรรค์’ ไหลเวียนอยู่ ทำให้เราอยู่เหนือผู้มีพรสวรรค์ทั่วไป พลังการสังหารฝืนสวรรค์ แต่มันไม่ได้หมายความว่าคนคลั่งในสายตาของผู้คนทั่วโลกอย่างเราจะไร้สมอง บ้าบิ่น หรือโง่เขลา!”

“การคลั่งที่แท้จริงหมายความว่าอย่างไร? มันหมายถึงกล้าทำได้ทุกอย่าง!”

ใบหน้าหล่อเหลาของหวนเฉ่าโหยวเผยความเคร่งขรึม “เมื่อข้าพ่ายแพ้ ตราบเท่าที่อีกฝ่ายไม่สังหารข้า จะให้ข้าคุกเข่าเรียกบรรพบุรุษก็ย่อมได้”

“แต่ตราบใดที่ข้ารอด ข้าสัญญาว่าในอนาคต ไม่เพียงจะให้คนเหล่านั้นคุกเข่าเรียกข้าเป็นบรรพบุรุษ แต่ยังจะสังหารพวกเขาทิ้งอย่างไร้ปรานี!”

หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ นางรู้สึกคล้ายว่าต้องประเมินหวนเฉ่าโหยวเบื้องหน้าใหม่อีกครั้ง

“ฮึ่ม เจ้าหนูอย่างเจ้ายังนับว่าฉลาดอยู่บ้าง”

ในจี้หยก น้ำเสียงที่ไม่แยแสเผยความรู้สึกโล่งใจ “คราวนี้แม้ว่าเราจะล้มเหลวในการบุกเข้านครหลวงจิ๋วติ่ง แต่ข้าเดาว่าในใจเจ้าคงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าด้วยภูมิหลังของตระกูลเซี่ย มันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เราจะบุกรุกเข้าไปยังภูเขาเทียนหมาง”

“ไม่ผิด”

หวนเฉ่าโหยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่อยากลองดูว่าพลังของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนจะทนไปได้อีกนานแค่ไหน? สุดท้ายนี้ ตระกูลหวนของเราจะมีโอกาสครอบครองนครหลวงจิ๋วติ่งและยึดภูเขาเทียนหมางซึ่งเป็นดินแดนที่ได้รับพรของโลกนี้หรือไม่?”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ถอนหายใจเบา ๆ “แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า… ข้ายังต้องรออีกสักพัก…”

น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเสียใจ

ครอบครองนครหลวงจิ๋วติ่งและยึดภูเขาเทียนหมาง!

หญิงสาวในชุดหงส์ตระหนักในทันใดว่า เบื้องหลังความตั้งใจที่จะบุกเข้าไปในนครหลวงจิ๋วติ่งในวันนี้ของหวนเฉ่าโหยว ยังมีความคิดอื่นแฝงอยู่อีก!

เสียงในจี้หยกดังขึ้น “หยุดพูดเรื่องไร้สาระเสียที ข้าอยากถามแค่ว่าเจ้าจะทำอะไรต่อไป?”

หวนเฉ่าโหยวลูบคาง แววตาของเขาลุ่มลึกขณะพูดว่า “เพื่อไปที่เกาะเซียนพระสุเมรุ พวกเราจะต้องเข้าร่วมชุมนุมมวลพฤกษา ใช่ นอกจากนั้น ข้ายังจำเป็นต้องเลือกผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีความสามารถจากเหล่าตัวตนยุคโบราณและอัจฉริยะในยุคนี้…”

พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็แสดงท่าทางจนใจพลางกล่าว “ช่วยไม่ได้ โลกปัจจุบันกับเมื่อสามหมื่นปีที่แล้วไม่เหมือนกัน มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ลุงทวดก็เกือบถูก ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ สังหารไปจนเหลือเพียงจิตดั้งเดิม ในอนาคตเมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง หากตระกูลหวนจะฟื้นคืนความรุ่งโรจน์และทำการครอบครองโลกแต่มีลูกน้องไม่เพียงพอจะทำอย่างไร?”

ผัวะ!

หวนเฉ่าโหยวถูกตบเข้าที่ศีรษะ

เสียงหัวเราะและการดุด่าดังมาจากจี้หยก “ถึงแม้ข้าจะเหลือแค่จิตดั้งเดิม ตราบใดที่ข้าชิงร่างของมหาปราชญ์สวรรค์วิถีวิญญาณมาก็ยังคงสามารถฟื้นฟูพลังกลับไปสู่จุดสูงสุดได้!”

สวนน้อยนภาเมฆ

ซูอี้กำลังนั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่

ยามที่เขาไปสังหารโจวเฟิงจื่อที่แอ่งเกล็ดทองเมื่อคืนนี้ การฝึกฝนของชายหนุ่มได้มาถึงขั้นกลางของขอบเขตเปิดทวารแล้ว

นอกจากนี้… ตอนนี้เขาไม่มีปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรการฝึกฝน แม้ว่ารากฐานของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ความก้าวหน้าของการฝึกฝนก็ไม่ได้เชื่องช้าลง

ตามการคาดการณ์ของซูอี้ ด้วยความคืบหน้าเช่นนี้ ภายในเจ็ดวันก็เพียงพอที่จะพัฒนาไปสู่ขอบเขตเปิดทวารขั้นปลายได้

การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย จากขอบเขตทั้งสามของวิถีต้นกำเนิด ขอบเขตเปิดทวารเป็นเพียงขอบเขตการเปลี่ยนผ่าน การก่อตัวของถ้ำเปิดทวารก็มีไว้เพียงแค่รองรับเมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วที่ก่อขึ้นในขอบเขตไร้เบญจธัญ

ด้วยวิธีนี้ เมล็ดพันธุ์เต๋าสุดขั้วจึงจะสามารถรวบรวม ‘ดาราปฐมญาณ’ ได้ในขอบเขตรวบรวมดาราได้

กล่าวโดยสรุปคือ ขอบเขตนี้คือการเชื่อมโยงอดีตและอนาคต

สำหรับการขัดเกลาขอบเขตนี้ แก่นสำคัญอยู่ที่การสะสมของมหาวิถี ซึ่งไม่ได้ยากเย็นอะไร เพียงพยายามฝึกฝนให้หนักก็พอ

ตกเย็น

มีผู้มาเยี่ยมเยือน

อวี๋ซูเหยา เจียงหลี และชิวเหิงคงมาเยือนพร้อมกัน

อวี๋ซูเหยาถือไหสุราเก่าที่ปิดผนึกไว้นับร้อยปีมาด้วย ซึ่งเมื่อเห็นซูอี้ เขาก็ปฏิบัติต่อชายหนุ่มด้วยความเคารพราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของตนโนlวลกูดอทคoม

แน่นอนว่าเขามาคราวนี้ย่อมเพื่อขอคำชี้แนะจากซูอี้

นี่คือสิ่งที่ซูอี้สัญญาไว้ที่โรงหลอมอาวุธ ณ หอมรกตเมื่อวาน

ทว่าการที่เจียงหลีมาที่นี่… เป็นเรื่องที่ซูอี้ไม่คาดคิด

นางมีนัยน์ตาหงส์ที่งดงามและท่วงท่าอันสูงส่งสง่างาม

แต่หญิงสาวในชุดสีม่วงผู้นี้ ยามเผชิญหน้ากับซูอี้ ท่าทีของนางกลับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

แทนที่ท่าทีหยิ่งหยองและภาคภูมิใจก่อนนี้ นางมีร่องรอยหวาดกลัวและเคารพ

ส่วนชิวเหิงคง…

นักดาบไร้คนเทียบเทียมผู้นี้เคยมีชื่อเสียงในต้าเว่ย แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักที่จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน

แต่เมื่อเขาได้พบกับซูอี้จริง ๆ เขากลับข่มตัวเองไว้อย่างเมื่อก่อนโดยไม่รู้ตัว

พอตกกลางคืนทั้งสามก็บอกลาและจากไป

อวี๋ซูเหยามีความสุขมาก เขาได้ประโยชน์มากมายจากคำชี้แนะของซูอี้เกี่ยวกับศิลปะการหลอมอาวุธ

เจียงหลีก็โล่งใจเช่นกัน นางมาหาซูอี้เพราะกังวลว่าเรื่องของโจวเฟิงจื่อกับโจวจือเฉียนจะทำให้ซูอี้ถือตระกูลเจียงเป็นศัตรู

แต่หลังจากพูดคุยกัน นางก็ตระหนักได้ว่าซูอี้ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เลย…

มีเพียงชิวเหิงคงเท่านั้นที่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แม้ว่าซูอี้ยังคงถือว่าเขาเป็นสหาย และไม่มีเจตนาที่จะเมินเฉย

แต่ชิวเหิงคงรู้ว่าช่องว่างระหว่างตนเองกับซูอี้นั้นห่างชั้นกันเกินไป… จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับไปใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน!

กลางคืนมืดดุจน้ำหมึก จันทร์กระจ่างล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า

ซูอี้ยากนักที่จะว่าง ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หยวนเหิงเตรียมหม้อไฟในคืนนี้เพื่อผ่อนคลาย

เมื่อคิดดูแล้ว ซูอี้เองก็รู้สึกว่าช่วงนี้เขาเหมือนจะยุ่งเกินไป

ตั้งแต่เข้านครหลวงจิ๋วติ่งมาจนถึงตอนนี้ผ่านไปเพียงสี่วันเท่านั้น แต่กลับมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น

ในช่วงสามคืนแรก เขาได้ช่วยเยว่ซือฉานที่ฮ่วนซีชา สังหารฮั่วเทียนตูที่ทะเลสาบชูอวิ๋น และสังหารโจวเฟิงจื่อที่แอ่งเกล็ดทอง…

ในที่สุดคืนนี้ก็มีโอกาสผ่อนคลายอันหาได้ยาก ซูอี้ย่อมนึกอยากพักผ่อน

ในลานบ้าน ของสำหรับลวกต้มและเนื้อแล่บางส่วนถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว น้ำในหม้อบนกองไฟกำลังเดือดปุด ๆ น้ำสีแดงสดใสเผ็ดร้อนส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจออกมา

ซูอี้ เยว่ซือฉาน หยวนเหิง และไป๋เวิ่นฉิง ล้วนนั่งอยู่รอบกองไฟ

เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนขึ้นไปแสนไกลมีแสงจันทร์ส่องลงมาดุจสายน้ำ เป็นภาพที่เงียบสงบงดงามยิ่งนัก

ทว่า ก่อนที่ซูอี้จะได้ขยับตะเกียบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากไกล ๆ

ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและสั่งการหยวนเหิง “ไม่ว่าเป็นผู้ใดมาก็ไม่ต้อนรับทั้งสิ้น”

หยวนเหิงพยักหน้าและรีบเดินออกไป

ซูอี้จับตะเกียบคีบเนื้อปลาสีขาวใส ขณะเพิ่งโยนมันลงใส่หม้อไฟ หยวนเหิงก็กลับมาแล้ว ก่อนมอบจดหมายปิดผนึกให้

“นายท่าน คนที่มาส่งจดหมายเป็นเพียงคนที่ได้รับการว่าจ้างให้มาทำธุระให้ ส่วนเจ้าของจดหมายฉบับนี้เป็นผู้ใด ตัวผู้ที่มาส่งจดหมายนั้นเองก็ไม่ชัดเจน”

หยวนเหิงกล่าวเสียงต่ำ

ซูอี้แค่นเสียง ก่อนวางตะเกียบลง เขาเปิดผนึกจดหมายอ่าน

หลังจากอ่านเนื้อหาบนจดหมายจบแล้ว คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อย ดวงตาลุ่มลึกเปล่งประกายเย็นยะเยือก

“กินกันไปก่อน ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

ซูอี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายและเดินออกไปนอกลานเล็ก ๆ ของสวนน้อยนภาเมฆ

สีหน้าของหยวนเหิง เยว่ซือฉาน และไป๋เวิ่นฉิงต่างเปลี่ยนไป พวกเขาตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

“นายท่าน ท่านต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?”

หยวนเหิงอดที่จะถามไม่ได้

“คืนนี้อย่าออกไปข้างนอก หากเกิดอะไรขึ้น… หยวนเหิง จงอย่าลืมยันต์ลับที่ข้าให้ไว้”

ซูอี้กล่าวโดยไม่หันศีรษะไปมอง ก่อนร่างของเขาจะเลือนหายไป

ไฟสีแดงที่ลุกโชนสะท้อนถึงให้เห็นสีหน้าสับสนของพวกหยวนเหิงทั้งสาม

นี่… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset