วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม
เมื่อสัปดาห์ก่อนบอสหลี่กับสหายตัดสินใจเรื่องโปรเจ็กต์รอบๆ โฮสเทลเขย่าขวัญเรียบร้อยแล้ว สัปดาห์ถัดๆ มา พวกเขาก็เริ่มสำรวจพื้นที่และจัดการงานก่อสร้าง แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้สร้างโรงแรมและร้านอาหารขึ้นมาใหม่จากศูนย์ แต่ใช้วิธีปรับปรุงโรงงานในโซนอุตสาหกรรมที่มีอยู่แล้วแทน ถ้าพวกเขาเร่งมือและทำงานล่วงเวลากันสักหน่อย ก็น่าจะสร้างโปรเจ็กต์เหล่านั้นเสร็จทันโปรเจ็กต์โฮสเทลเขย่าขวัญพอดี หรือไม่ก็ช้ากว่ากันไม่มากนัก
ขอแค่เงินถึง เหล่าคนงานก็พร้อมเร่งมือให้ได้
เผยเชียนรู้สึกว้าวุ่นใจอยู่บ้างที่โปรเจ็กต์รอบข้างคืบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังทำหน้านิ่งได้อยู่
เฮ้อ ในเมื่อห้ามไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยละนะ
วันนี้เป็นวันจันทร์ เดิมทีเผยเชียนตั้งใจจะตรงไปที่เฟยหวงสตูดิโอเพื่อเปิดเผยแผนการ ‘ช็อกบำบัดเป็นวงรอบ’ ให้พวกเขาฟัง แต่ห่าวหยุนจากแผนกบุคลากรแจ้งเขาว่ามีเรื่องบางอย่างต้องรายงาน ดังนั้นพอกินมื้อเที่ยงเสร็จ เผยเชียนจึงแวะเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนเป็นอันดับแรก
เผยเชียนประหลาดใจเล็กน้อย เพราะฝ่าย HR ไม่น่าจะงานยุ่งช่วงนี้ ห่าวหยุนไม่มีอะไรที่ดีกว่านี้ทำแล้วหรือไง ถึงได้มาสร้างปัญหาให้เขาแบบนี้
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอามากๆ เห็นทีเขาคงต้องพิจารณาเปลี่ยนหัวหน้าฝ่าย HRคนใหม่เสียแล้ว
ห่าวหยุนเคาะประตูห้องทำงานของเผยเชียนก่อนเข้ามา
“บอสเผยคะ หลักๆ แล้วดิฉันจะมารายงานเรื่องการปรับฐานเงินเดือนของพนักงานแต่ละกิจการค่ะ”
ได้ยินดังนี้เผยเชียนยิ่งงงหนักกว่าเก่า “ปรับฐานเงินเดือนเหรอ”
หมายความว่ายังไงกันแน่
เถิงต๋ายังดูแลพวกเขาดีไม่พอหรือยังไง
ยังมี…เพดานเงินเดือนให้ปรับได้อีกเหรอ
ฟังแล้วเผยเชียนก็สนใจขึ้นมาทันที
ห่าวหยุนพูดต่อ “คืออย่างนี้ค่ะบอส หลายกิจการกำลังพยายามวางรากฐานของตัวเองใหม่ เลยเริ่มจากการตรวจสอบการทำงานภายในกิจการก่อน ระหว่างนี้พวกเขาเลยพบว่าพนักงานหลายคนเผชิญปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำค่ะ
“ฝ่าย HR เองตรวจสอบแล้วก็พบว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับพนักงานหลายกิจการ เราเลยใช้เวลาทั้งบ่ายวันศุกร์ที่แล้วและเช้าวันนี้ทำแผนการที่อยากเสนอให้บอสอนุมัติค่ะ”
เผยเชียนเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังสับสนอยู่บ้าง
เขารู้ว่า ‘ปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำ’ คืออะไร
มันหมายถึงการที่พนักงานใหม่ได้เงินเดือนมากกว่าพนักงานเก่า พนักงานระดับสูงได้เงินเดือนมากกว่าฝ่ายบริหาร และลูกน้องในทีมได้เงินเดือนมากกว่าหัวหน้างาน
สถานการณ์เช่นนี้พบเจอได้ในหลายๆ บริษัท ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเก่าอาจเข้าบริษัทมาในช่วงที่ราคาแรงงานตลาดอยู่ที่สามพันหยวนต่อเดือน ผ่านไปสองปี เงินเดือนที่ได้ก็เพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก
ในขณะที่สองปีนั้น ราคาแรงงานตลาดกระโดดขึ้นไปถึง 4,500 หยวนต่อเดือน เด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์จึงถูกจ้างด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าพนักงานที่มีประสบการณ์ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นมา
ปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำนั้นพบเห็นได้ทั่วไป เพราะบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้ปรับฐานเงินเดือนของพนักงานให้เป็นไปตามราคาแรงงานตลาดที่เพิ่มขึ้นทุกปี เพราะพวกเขาไม่อยากมีต้นทุนเพิ่ม
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้บริษัทส่วนใหญ่ห้ามพนักงานพูดคุยเรื่องเงินเดือน เพราะถ้าทำอย่างนั้น ปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำก็จะถูกเปิดเผย พนักงานหลายคนอาจไม่พอใจและขอลาออกได้
ถ้าหัวหน้างานรู้ความจริงว่าตัวเองทำงานหนักกว่าลูกน้องในทีม แต่กลับได้เงินเดือนน้อยกว่า ก็ย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา
ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งมานานกว่าหนึ่งปี เถิงต๋าเองก็ลงทุนไปเยอะกับการสร้างแรงจูงใจให้คนมาสมัครงาน ถึงจะเพิ่มเงินเดือนให้พนักงานบ่อยๆ แต่สุดท้ายหน้าที่ ประสบการณ์ และความสามารถของพนักงานแต่ละคนก็แตกต่างกันอยู่ดี ทำให้ปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำยังคงมีอยู่
แน่นอนว่าปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำในเถิงต๋าไม่ได้หนักหนาเท่าบริษัทอื่น เพราะมีการเพิ่มเงินเดือนและสวัสดิการสำคัญของบริษัทอยู่บ่อยๆ
ถึงอย่างนั้นห่าวหยุนก็เล็งเห็นความสำคัญในการวางรากฐานที่มั่นคงซึ่งอิงมาจาก ‘จิตวิญญาณของรากฐาน’ ปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำนั้นเป็นภัยแฝง ถึงบริษัทส่วนใหญ่จะไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ และต่อให้เถิงต๋ามองข้ามมันไปก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่ดี แต่ห่าวหยุนก็ยังเลือกรายงานเรื่องนี้กับบอสเผย และให้เขาตัดสินใจ
เผยเชียนรับเอกสารมาจากห่าวหยุน แต่ตัวเลขยาวเป็นพืดก็ได้แต่ทำให้เขาตาลาย
เขาทำทีเป็นอ่านเอกสารนั้นแล้วพูดขึ้น “คุณจะบอกว่ามีพนักงานใหม่บางคนได้เงินเดือนเยอะกว่าพนักงานเก่าใช่ไหม”
ห่าวหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “ใช่ค่ะ แต่สถานการณ์จริงซับซ้อนกว่านั้นนิดหน่อย
“พูดง่ายๆ คือ พนักงานเก่าที่ว่าเข้ามาก่อนพนักงานใหม่แค่หกเดือน พวกเขามีความสามารถและประสบการณ์มากกว่า แต่กลับได้เงินเดือนต่างกันแค่สองร้อยหยวน สุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำอยู่ดีค่ะ”
นัยน์ตาของเผยเชียนลุกวาวทันใด
เยี่ยมไปเลย! เขากังวลว่าจะเพิ่มเงินเดือนพนักงานไม่ได้อีกมาตั้งนานแล้ว!
“จัดการง่ายนิดเดียว
“ก็จ่ายเงินคนพวกนั้นเพิ่มสิ!
“ตรวจสอบมาตรฐานเงินเดือนสูงสุดที่ใช้จ้างพนักงานใหม่เป็นช่วงๆ จากนั้นก็จ่ายส่วนต่างเพิ่มให้พนักงานเก่า!”
ห่าวหยุนชะงักไป “เอ่อ บอสเผยคะ วิธีนั้นดีที่สุดเลยค่ะ แล้วคงง่ายด้วยถ้าเรามีพนักงานไม่กี่คน แต่ดิฉันต้องขอเตือนบอสก่อนว่าถ้าพนักงานของเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เงินเดือนที่เราต้องโปะเพิ่มก็จะมากขึ้นตามไปด้วย มันอาจมากเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้ก็ได้นะคะ
“ถ้าเป็นบริษัทอื่น…พวกเขาคงประหยัดเงินส่วนนี้ไว้ อุตสาหกรรมไหนๆ ก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นค่ะ”
เงินที่เราต้องโปะเพิ่มจะมากขึ้นตามไปด้วยงั้นเหรอ
เยี่ยมไปเลยน่ะสิ!
เผยเชียนดีใจเหมือนเจอเงินตกอยู่บนพื้น เขาเอ่ยอย่างเด็ดขาด “เอาตามนั้นแหละ! ขึ้นเงินเดือนทุกคนพร้อมกันให้หมด!
“ผมไม่สนหรอกว่าเรามีพนักงานเก่ากี่คน หรือต้องจ่ายอีกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าขึ้นเงินเดือนทุกคนให้หมดเลย!”
ห่าวหยุนถามย้ำอีกที “ทุกคนเลยเหรอคะ”
เธอรู้ว่าบอสเผยไม่ได้จะจ่ายเงินเดือนให้ทุกคนเท่ากันหมด แต่ตั้งใจจะกำจัดปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำให้หมดไปเท่านั้น
ทว่าเผยเชียนกลับพูดต่อโดยไม่ลังเลใจ
“ถูกต้อง! ทุกคนเลย! ตอนนี้น่าจะยังมีเวลา เริ่มตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป บอกฝ่ายบัญชีให้ทำเบิกเงินเดือนใหม่ด้วย”
ห่าวหยุนพยักหน้ารับด้วยความรู้สึกท่วมท้นสุดๆ “ได้ค่ะ เข้าใจแล้ว ดิฉันจะแจ้งแผนกบัญชีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ถึงห่าวหยุนเองจะเดาได้ว่าทุกอย่างต้องลงเอยแบบนี้ตั้งแต่ก่อนที่จะนำข้อมูลมารายงานบอสเผย แต่การตัดสินใจอย่างรวดเร็วของเขาก็ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวพนักงานทุกคนจากใจจริง
ตอนที่ห่าวหยุนกำลังจะออกไป บอสเผยก็หยุดเธอเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน
“ตอนแรกคุณบอกว่าทุกกิจการกำลังพยายามวางรากฐานของตัวเองใหม่ เลยตรวจสอบการทำงานภายในจนเจอว่ามีพนักงานประสบปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำใช่ไหม…ว่าแต่ทุกคนจะวางรากฐานกันใหม่ทำไมล่ะ”
จู่ๆ เผยเชียนก็รู้สึกได้ว่าคำพูดเกริ่นนำของห่าวหยุนมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ห่าวหยุนยิ้มก่อนจะตอบ “บอสเผยคะ ที่บอสมอบ ‘รางวัลรากฐานสำคัญ’ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็เพื่อบอกใบ้ให้พวกเราวางรากฐานกันใหม่ไม่ใช่เหรอคะ ทุกกิจการถึงได้เริ่มตรวจสอบการทำงานภายในทีมตัวเองไงคะ แต่นอกจากปัญหาเงินเดือนเหลื่อมล้ำแล้ว ก็ยังไม่พบปัญหาร้ายแรงอย่างอื่นนะคะ”
พอเผยเชียนได้ยินก็กะพริบตาปริบๆ ด้วยความงงงวย
นี่ฉันอีกแล้วเหรอ
แค่เพราะแจกไอ้ ‘รางวัลรากฐานสำคัญ’ ก็กลายเป็นฉันบอกใบ้ให้ทุกคนไปวางรากฐานใหม่เรอะ
ไม่ได้ตั้งใจโว้ย
เอ่อ…แต่ดูเหมือนผลที่ได้ก็ไม่ต่างกันละนะ
พวกเขาไม่พบปัญหาร้ายแรงอะไรนอกจากเรื่องเงินเดือนเหลื่อมล้ำ ยิ่งกว่านั้นฉันยังได้เสียเงินเพิ่มอีกด้วย
จะว่าไปก็ไม่เลวแฮะ!
เผยเชียนไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค ฝากแจ้งฝ่ายบัญชีด้วย”
…
หลังจากห่าวหยุนออกไป เผยเชียนก็เก็บข้าวของแล้วรีบมุ่งหน้าไปที่เฟยหวงสตูดิโอทันที
ภาพยนตร์เรื่องวันพรุ่งนี้ที่สดใสลาโรงไปแล้ว แล้วบริษัทก็เซ็นสัญญากับเว็บอ้ายลี่เต่าเรียบร้อย แค่นี้เผยเชียนก็พึงพอใจแล้วโนเวลกูดอทคoม
เขาต้องรีบจัดการ ‘ช็อก’ ทุกคน ก่อนที่พวกเขาจะสร้างปัญหาใหม่ให้!
ระบบยังใจดียอมให้เขาใช้แผน ‘ช็อกบำบัดเป็นวงรอบ’ กับกิจการไหนก็ได้หนึ่งกิจการในแต่ละรอบบัญชี แค่นี้ก็นับเป็นบุญแล้ว เผยเชียนต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อไปถึงเฟยหวงสตูดิโอ เผยเชียนก็พบว่ามีพนักงานแค่สองสามคนกำลังเล่นอินเทอร์เน็ตและดูซีรีส์อยู่
แต่พนักงานส่วนใหญ่ยังทำงานกันไม่หยุดหย่อน! เห็นแล้วบอสเผยก็อดเจ็บใจลึกๆ ไม่ได้
ดูสิ! ดู! คนปกติที่ไหนเขาทำกัน!
พวกเขาเพิ่งจบโปรเจ็กต์กันไป และยังไม่มีโปรเจ็กต์ใหม่ แต่ก็บังคับตัวเองให้ทำงานกันแล้ว!
ดูท่าเฟยหวงสตูดิโอจะประสบปัญหารุนแรงซะแล้ว ทัศนคติในการทำงานหนักแบบผิดๆ ฝังรากลึกลงทุกที สงสัยเผยเชียนต้องใช้แผน ‘ช็อกบำบัดเป็นวงรอบ’ จัดการกับพวกเขาซะหน่อย!
หวงซื่อปั๋วกับจูเสี่ยวเช่อนั่งหารือบางอย่างกันอยู่หน้าจอคอมพ์ พอเห็นบอสเผยเข้ามา ทั้งคู่ก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที
“บอสเผย มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย”
เผยเชียนตัดสินใจเข้าประเด็นทันที “ไม่มีอะไรมาก ผมแค่อยากประกาศระบบการทำงานใหม่
“แผนการช็อกบำบัดเป็นวงรอบ!
“กำไรมหาศาลเท่ากับการทำงานหนัก ยิ่งพวกคุณทำเงินได้เยอะก็ยิ่งเหนื่อยล้ามากขึ้นเท่านั้น
“มองเผินๆ แล้วการทำเงินได้เป็นเรื่องดีก็จริง แต่ที่จริงแล้วมีภัยร้ายแฝงมาด้วย มันไม่เพียงส่งผลต่อพลังกายและสุขภาพของพวกคุณ แต่ยังกลืนกินแรงบันดาลใจและความสามารถไปด้วย!
“ดังนั้นผมเลยตัดสินใจใช้แผนช็อกบำบัดเป็นวงรอบกับกิจการที่ใช้พลังแรงงานกันอย่างหนักหน่วง สี่เดือนต่อจากนี้ไปพนักงานของเฟยหวงสตูดิโอจะยังได้รับเงินเดือนและสวัสดิการทุกอย่างครบถ้วน แต่ห้ามใครเข้างานเป็นอันขาด
“ระหว่างการบำบัดนี้จงตั้งใจกอบกู้พลังกาย สุขภาพ แรงบันดาลใจ และความสามารถของพวกคุณ
“ช็อกบำบัดเป็นวงรอบของเฟยหวงสตูดิโอจะเริ่มต้นเดือนหน้าและกินเวลาสี่เดือน สรุปคือเราจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนจนถึง 31 กรกฎาคม”
ทุกคนต่างช็อกไปตามๆ กัน
นี่มันหมายความว่าไง ทุกคนในแผนกจะโดนพักงานสี่เดือนแต่ยังได้เงินเดือนงั้นเหรอ
บริษัทอื่นอาจจะให้ใครบางคนใช้สิทธิ์นี้ได้ แต่ถ้าคนคนนั้นไม่อยู่ เพื่อนร่วมงานในแผนกก็ต้องสานต่องานของเขาให้เรียบร้อย
แต่บอสเผยกลับจะให้ทั้งกิจการพักงานพร้อมกันเนี่ยนะ
แถมยังเป็นการพักงานแบบได้เงินเดือนด้วย ทำไมบอสเผยถึงได้ขึงขังขนาดนี้ แถมยังกัดฟันพูดอย่างหนักแน่นอีก
ไม่เหมือนกำลังให้รางวัลพวกเขาด้วยการพักงาน แต่น้ำเสียงเหมือนจะไล่พวกเขาออกมากกว่า…
หวงซื่อปั๋วถึงกับชะงักไป “บอสเผยครับ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะครับ ถึงสตูดิโอของเราจะยังไม่มีโปรเจ็กต์ใหม่ แต่ก็ต้องมีคนคอยจัดการภาระงานประจำวัน จะให้หยุดพร้อมกันหมดทุกคนคงเป็นไปไม่ได้
“จะให้แผนช็อกบำบัดเป็นวงรอบทำให้เราจบเห่ไม่ได้นะครับ…”
เผยเชียนครุ่นคิดอยู่ห้าวินาที “งั้นเอาอย่างนี้ สลับกันทำงานเป็นไง แต่ขอให้ใช้จำนวนคนน้อยที่สุดในการทำงานนะ
“แบ่งพนักงานออกเป็นทีม แล้วให้แต่ละทีมเข้ามาดูแลทีมละหนึ่งเดือน พนักงานทุกคนจะได้ช็อกบำบัดเป็นวงรอบคนละสี่เดือน แต่ระยะเวลาของการบำบัดจะเพิ่มเป็นห้าเดือนแทน เพราะทุกคนต้องเวียนกันเข้ามาทำงานด้วย พูดง่ายๆ คือยืดเวลาออกไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม”
หวงซื่อปั๋วลังเลใจ “แต่ถึงอย่างนั้น…”
เผยเชียนสีหน้าคร่ำเครียด “ไม่มี ‘แต่’ ไปจัดการกับปัญหาของตัวเองให้ได้ แล้วเข้าสู่แผนช็อกบำบัดเป็นวงรอบตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป!”
หวงซื่อปั๋วหันไปมองหน้าจูเสี่ยวเช่อ ต่างฝ่ายต่างมีท่าทีอึกอัก
แต่ก็พยักหน้ารับพร้อมกันในที่สุด “ได้ครับบอสเผย พวกเราจะจัดการให้”
บอสเผยยิ้มด้วยความพึงพอใจ “เยี่ยมมาก ระหว่างช่วงช็อกบำบัดเป็นวงรอบ พวกคุณสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ห้ามเริ่มต้นโปรเจ็กต์ใหม่เป็นอันขาด แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วยว่าจะทำเงินให้เถิงต๋ากรุ๊ปได้ยังไง ที่ผ่านมาพวกคุณเสียสละตัวเองกันมามากพอแล้ว!”
หวงซื่อปั๋วได้ยินดังนั้นก็ซาบซึ้งใจ “ได้ครับบอสเผย! แต่มั่นใจได้เลยนะครับ ต่อให้พวกเราได้พักงาน เฟยหวงสตูดิโอก็ยังสร้างมูลค่าให้เถิงต๋ากรุ๊ปได้ครับ!”
รอยยิ้มของเผยเชียนหายวับไปฉับพลัน “ว่าไงนะ”
จูเสี่ยวเช่อหลบไปข้างๆ เผยให้เห็นหน้าจอคอมพ์ที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เพ่งกันอยู่ “บอสเผยครับ บริษัทจัดฉายภาพยนตร์จากต่างชาติบังเอิญได้ดูวันพรุ่งนี้ที่สดใส เลยจะเอาหนังของเราไปจัดฉายที่เมืองนอกครับ!”