[ตรวจสอบพบว่าท่านมีอายุสามหมื่นปีบริบูรณ์แล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกจากปิดด่านทันที เผยแพร่มรรคสู่สรวงสวรรค์ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ รักษาเจตจำนงเดิม จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]
ตัวเลือกนี้โผล่ขึ้นมาตอนหานเจวี๋ยชำระล้างศิษย์สำนักซ่อนเร้น ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เลือกทันที รอคอยหลังจากชำระล้างศิษย์ทั้งหมดเสร็จสิ้นถึงได้กลับอารามเต๋า มาเลือกอีกครั้ง
ตอนนี้ เขาอายุสามหมื่นสี่สิบสี่ปีแล้ว
เหตุผลที่ไม่เลือกในทันที เพราะหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ก้อนนั้นมีแรงดึงดูดมากเกินไป
หากยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้ายอีกขั้นจะกลายเป็นยอดสมบัติมรรคาสวรรค์
ต่อให้เขาออกไปตอนนี้ ขอเพียงไม่ออกนอกขอบเขตมรรคาสวรรค์ อริยะก็ทำอะไรเขาไม่ได้
แต่พอใจเย็นลง หานเจวี๋ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย
ท้ายที่สุดแดนเซียนก็มิใช่อาณาเขตเต๋า หากอริยะมีวิธีการอย่างอื่นเล่า
หานเจวี๋ยสงบจิตใจ เลือกตัวเลือกที่สอง
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ปราณม่วงมหามรรคหนึ่งสาย]
[ปราณม่วงมหามรรค: หลังจากหลอมรวมแล้ว จะได้รับคุณสมบัติในการสำเร็จเป็นอริยะมหามรรค]
หือ?
อริยะมหามรรค!
มุมปากหานเจวี๋ยยกโค้งขึ้น
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้
ปราณม่วงอนธการทำให้กลายเป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ปราณม่วงมหามรรคก็ทำให้กลายเป็นอริยะมหามรรค
แต่ก็แค่มีคุณสมบัติ มิใช่ได้เป็นอย่างแน่นอน
หานเจวี๋ยนำปราณม่วงมหามรรคออกมา มันเป็นสีเทาขมุกขมัว คล้ายควันกลุ่มหนึ่ง มองไม่เห็นผลดีอันใด
เขาไม่ต้องการที่จะหลอมรวมตอนนี้ จึงเก็บปราณม่วงมหามรรคไว้ภายในโลกดารา
เก็บไว้ว่ากันวันหลัง
ตอนนี้หานเจวี๋ยสามารถพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะได้ด้วยตัวเอง ยังไม่จำเป็นต้องใช้ปราณม่วงมหามรรคชั่วคราว
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ มุมานะเพื่อการพิสูจน์มรรคของตน
เขามีตบะระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์แล้ว แต่ยังอยู่ห่างไกลจากการพิสูจน์มรรคยิ่งนัก ยังคงต้องพากเพียรบำเพ็ญ
การผสานรวมกับมหามรรค ขั้นตอนนี้ซับซ้อนเหลือเกิน ถึงจะมีคุณสมบัติเลิศล้ำ ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน
ครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์อายุสามหมื่นปี หานเจวี๋ยนับว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์
หวนนึกถึงยุคบุกเบิกฟ้าดิน บรรพชนเต๋าพิสูจน์ต้าหลัวยังใช้เวลาหลายพันล้านปี ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงตำนานเล่าขาน เท่านั้น ความจริงอาจจะยาวนานกว่านั้นก็ได้
….
เก้าสิบปีต่อมา
เมื่อเซวียนฉิงจวินมาถึงเขตเซียนร้อยคีรีก็ตะโกนเรียกชื่อหานเจวี๋ย พอหานเจวี๋ยได้ยิน เขาเลือกสละอายุห้าพันล้านปีเพื่อทำนายดูก่อนรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีอันตราย หานเจวี๋ยจึงเคลื่อนย้ายนางเข้ามาในอารามเต๋า
ทั้งสองพบกันอีกครั้ง มิได้มีฉากโอบกอดหลั่งน้ำตา กลับดูปกติทั่วไปยิ่งนัก
เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากลับมาแล้ว เจ้ายังนับข้าเป็นคู่บำเพ็ญเพียรอยู่หรือไม่”
หานเจวี๋ยแย้มยิ้มกล่าว “แน่นอน เจ้าก็ไม่เคยหักหลังทอดทิ้งข้านี่”
เรื่องราวของเซวียนฉิงจวิน หานเจวี๋ยเคยเอ่ยกับสิงหงเสวียนไว้นานแล้ว สิงหงเสวียนก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ในแดนเซียนการมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติยิ่ง จักรพรรดิมนุษย์ยังมีฝ่ายวังหลังสามพันนางเลย
รอยยิ้มของเซวียนฉิงจวินกดลึกกว่าเดิม นางชูมือเรียวงามขึ้น ปราณม่วงสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ บิดส่ายไปมาดั่งงูน้อย
“นี่คือปราณม่วงอนธการ สำหรับพิสูจน์เป็นอริยะมรรคาสวรรค์ ข้านำมาเป็นของกำนัลให้เจ้าโดยเฉพาะ”
เซวียนฉิงจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงฟังดูภูมิใจอยู่บ้าง
นี่เป็นยอดสมบัติที่ทำให้ผู้ทรงพลังทั้งหลายบ้าคลั่งได้เชียวนะ!
หานเจวี๋ยกลับสงบนิ่งยิ่งนัก ถามว่า “เป็นของอริยะท่านไหน”
เซวียนฉิงจวินตอบ “ปราณม่วงอนธการนิกายฉ่าน เดิมทีประสงค์มอบให้เผ่าสวรรค์”
มิใช่ของเจ้าแม่หนี่ว์หวาหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาพลันนึกถึงเรื่องบางอย่าง
แรกเริ่มมีอริยะมรรคาสวรรค์เก้าท่าน ที่ปรากฏตัวออกมามีเพียงหนี่ว์วา ฝูซีเทียน เทพสูงสุดหนานจี๋ ฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย อริยะมิ่งจี อริยะจินอัน มหาจักรพรรดิเซียว ส่วนอริยะอีกท่านหนึ่งไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเลย
‘หรือว่าอริยะท่านนั้นจะดับขันธ์ไปนานแล้ว’
หานเจวี๋ยสอบถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ดับขันธ์ไปแล้ว ตอนนี้เหลืออริยะมรรคาสวรรค์เพียงเจ็ดท่าน]
หานเจวี๋ยตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เหลืออริยะมรรคาสวรรค์แค่เจ็ดคน แต่อริยะไม่ได้มีเท่านี้ เหมือนหลี่มู่อีและปรมาจารย์ลัญจกรสรวง
เซวียนฉิงจวินถาม “เป็นอะไรไป”
หานเจวี๋ยยิ้มตอบ “เจ้ายินดีมอบให้ข้าจริงๆ หรือ”
เซวียนฉิงจวินพยักหน้า แววตาสงบนิ่ง เปี่ยมด้วยความจริงใจ
หานเจวี๋ยรับปราณม่วงอนธการไป จากนั้นก็ซักถามถึงขั้นตอนดำเนินการ
เซวียนฉิงจวินก็มิได้ปกปิดแต่อย่างใด ในเผ่าสวรรค์ นางเข้าร่วมกองกำลังนิกายฉ่าน ก่อนหานเจวี๋ยจะไปเข้าฝัน นางได้ทราบว่านิกายฉ่านมีปราณม่วงอนธการ ต่อมาหลี่มู่อีอริยะแห่งนิกายเหรินถ่ายทอดเสียงหานาง บอกว่าสามารถช่วยนางช่วงชิงปราณม่วงอนธการได้โuเวลกูดoทคอม
เซวียนฉิงจวินรู้สึกคลางแคลงใจยิ่งนัก ไม่ทราบว่าเหตุใดตนถึงถูกอริยะต้องตาได้ หลี่มู่อีกล่าวว่ามีปัญหาติดขัดภายในสำนักเต๋า เขาคัดเลือกคนไว้สองสามราย ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะสามารถทำได้ ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของหลี่มู่อี นางจึงนำปราณม่วงอนธการมาได้สำเร็จ จากนั้นจึงหนีกลับมายังแดนเซียน
หานเจวี๋ยฟังมาถึงตรงนี้ก็พลันกระจ่าง อริยะคิดวางกับดักเช่นนั้นหรือ
เขาใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับเซวียนฉิงจวินอย่างเงียบเชียบ เสียอายุขัยไปอีกห้าพันล้านปี
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง หานเจวี๋ยออกไปส่งนางด้วยตัวเอง สร้างอารามเต๋าหลังหนึ่งไว้ใกล้ๆ กัน
หลังจากหานเจวี๋ยกลับไป เซวียนฉิงจวินรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป
หลังจากได้พบหานเจวี๋ย นางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าอย่างน่าประหลาด ราวกับปลดเปลื้องภาระมากมายออกไปจากร่าง
เมื่อกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยเริ่มใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์กับปราณม่วงอนธการ ใช้อายุขัยไปอีกสี่พันล้านปี
….
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
อาณาเขตเต๋านิกายเหริน
หลี่มู่อีลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วแน่น
“เป็นไปได้อย่างไร จิตศักดิ์สิทธิ์ของข้าขาดหายไปได้อย่างไร”
หลี่มู่อีนับนิ้วทำนาย สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป
“ฝีมือสูงส่งนัก!”
ดวงตาหลี่มู่อีวาวโรจน์ เอ่ยพึมพำ “หานเจวี๋ยเอ๋ยหานเจวี๋ย เจ้าเป็นใครกันแน่ เป็นผู้ใดคอยเกื้อหนุนอยู่เบื้องหลังเจ้า”
เขาทำนายได้ว่าหานเจวี๋ยอายุเพียงสามหมื่นปี และไม่มีภูมิหลังอดีตชาติ
กล่าวอีกนัยคือ เบื้องหลังหานเจวี๋ยต้องมีผู้ทรงพลังลึกลับคอยเกื้อกูลอยู่แน่นอน
สายตาของเขามองทะลุสามสิบสามชั้นฟ้า จ้องมองเขตเซียนร้อยคีรี เขตเซียนร้อยคีรีเสมือนหมอกสลัวกลุ่มหนึ่ง แม้จะเป็นอริยะเช่นเขาก็มองทะลุไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
เสียปราณม่วงอนธการสายหนึ่งไปโดยเปล่าประโยชน์…
ไม่ได้!
ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้!
หลี่มู่อีลุกขึ้นยืน ออกจากอาณาเขตเต๋าไป
….
ภายในอารามเต๋า หานเจวี๋ยกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญ
[ความเกลียดชังที่หลี่มู่อีมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 4 ดาว]
[เทพสูงสุดหนานจี๋เกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
[เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 3 ดาว]
[อริยะจินอันเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 1 ดาว]
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วทันที
ทำไมจู่ๆ ถึงมีแจ้งเตือนความเกลียดขังมากขนาดนี้
หรือจะเกี่ยวข้องกับปราณม่วงอนธการ
ต้องใช่แน่!
แต่พวกเจ้าเป็นฝ่ายส่งมาให้ถึงประตูเองนะ!
หานเจวี๋ยไม่เชื่อว่าหลี่มู่อีไปหาเซวียนฉิงจวินด้วยความบังเอิญ ปราณม่วงอนธการสายนี้ต้องมีแผนการซุกซ่อนอยู่แน่ แต่เมื่อถูกชำระล้างอย่างสมบูรณ์ จึงทำให้เหล่าอริยะไม่สามารถวางแผนเล่นงานเขาต่อได้ ดังนั้นจึงเกิดความอับอายจนพาลโกรธ
เป็นเช่นนี้หานเจวี๋ยยิ่งไม่มีทางออกจากอาณาเขตเต๋า
‘เกลียดข้าไปเถอะ ชังข้าไปเถอะ รอจนผู้เฒ่าพิสูจน์มรรคสำเร็จ จะสังหารพวกเจ้าให้หมด!’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ หลักการที่เขายึดมั่นเสมอมาคือผู้อื่นไม่ระรานข้า ข้าก็ไม่ระรานผู้อื่น แต่หากผู้อื่นระรานข้า ข้าก็จำต้องระรานผู้อื่นเช่นกัน!
จะยอมให้พวกเจ้าลงมือไปก่อนชั่วคราว!
หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ ฝึกบำเพ็ญต่อ
ในขณะนั้นเอง
“ข้าคือเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยอริยะมรรคาสวรรค์ สำนักซ่อนเร้นขโมยปราณม่วงอนธการ ฝ่าฝืนกฎสวรรค์ อภัยให้ไม่ได้ สรรพสิ่งจงฟัง หากกวาดล้างสำนักซ่อนเร้น จะได้รับแรงกุศลมรรคาสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน!”
—
MasterGU.edited = ปราณม่วงอันธการ->ปราณม่วงอนธการ