ไป๋อู๋อีเงยหน้าขึ้นทันที ภาพที่เห็นคือลู่หยวนยืนตระหง่านอยู่พร้อมกับกระบี่ ชุดคลุมปลิวไสวไปตามสายลม ดูสง่างามราวกับทวยเทพ
เซียนสาวค้นพบตัวตนของบุตรศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน จึงหันหลังทันที นางดึงกระบี่ยาวแหลมคมที่เดินทางผ่านโลกจากพื้นดิน ก่อนจะฟาดฟันไปหาอีกฝ่าย
ปราณกระบี่อันไร้พรมแดนเพิ่มจำนวนขึ้นในทันที เงากระบี่ทั่วท้องนภาเข้าโจมตี จิตสังหารเย็นเยือกเคลื่อนเข้าหาศัตรู
ในพริบตา ปราณกระบี่พุ่งมาตรงหน้าลู่หยวน กำลังจะแทงทะลุในบัดดล!
ครั้งนี้กุ่ยซู่ตอบสนอง แม้เห็นได้ชัดว่ามันสายเกินกว่าจะช่วยชีวิตผู้คนได้ แต่มือขนาดเล็กยังกำค้อนเอาไว้ กลิ่นอายทั้งหมดในร่างกายระเบิดออก อากาศรอบข้างถูกบดขยี้
“ไป!”
กุ่ยซู่ทุ่มสุดตัว เหวี่ยงค้อนขนาดใหญ่สีดำพุ่งขึ้นไป!
ฟู่! ฟู่! ฟู่!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนแตกสลายเพราะค้อนขนาดใหญ่นี้ ก่อนค้อนจะพุ่งตรงเข้าหากระบี่ยาวแหลมคมที่อยู่ตรงกลาง
“มันสายเกินไปแล้ว!”
ไป๋อู๋อียืนเอามือไพล่หลัง เผยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ
ปราณกระบี่ที่ทะยานออกมาไม่ได้ด้อยลงแม้จะถูกค้อนยักษ์เข้าปะทะ ต่อให้กุ่ยซู่มาขวางอยู่ตรงหน้า ก็ไม่สามารถจัดการกระบี่ดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย
ตอนนี้… ปราณกระบี่มาถึงเป้าหมายแล้ว ลู่หยวนไร้สิ้นการปกป้อง!
อีกเพียงพริบตาหนึ่งเท่านั้น ปราณกระบี่นั่นจะปะทะใส่ชายหนุ่มจนเป็นผุยผง!
ปราณกระบี่พุ่งผ่านท้องนภาไปด้วยน้ำหนักหนึ่งหมื่นจิน เพียงพริบตามันอยู่ห่างจากใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งฉื่อ
ชายหนุ่มยกมือขึ้น สองนิ้วแยกจากกันช้า ๆ ราวกับพยายามจะรับปราณกระบี่ที่กำลังจะเข้ามา
เมื่อเห็นดังนี้ กุ่ยซู่จึงตกตะลึง
นายท่านกำลังจะฝืนรับกระบี่ด้วยร่างกายตัวเองงั้นหรือ?!
ไป๋อู๋อีผู้อยู่บนพื้นเห็นดังนี้ จึงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“พรืด!”
“ฮ่า ๆๆๆๆ ลู่หยวน เจ้ามันก็แค่จักรพรรดิยุทธ์ตัวน้อย แต่ยังคิดว่าจะสามารถใช้นิ้วเพื่อฝืนรับปราณกระบี่นี้ได้ เจ้ารนหาที่ตายแท้ ๆ!”
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร นี่คือกระบี่ที่แม้แต่ขั้นเทียมเทพยังไม่กล้ารับด้วยซ้ำ! แต่เจ้ากลับ…!?”
เสียงหัวเราะเงียบลงทันที…
ดวงตาของไป๋อู๋อีเบิกกว้าง จับจ้องกระบี่ยาวแหลมคมที่พลันหยุดนิ่งกลางท้องนภา
ปราณกระบี่ยาวขนาดใหญ่พุ่งทะยานมาหา เดิมทีมันเป็นพลังที่แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อาจหยุดยั้ง แต่ปรานกระบี่ทรงพลังนั่นกลับถูกสองนิ้วหยุดอย่างง่ายดาย จนไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้อีก
สีหน้าของลู่หยวนเรียบเฉย ออกแรงที่สองนิ้วเล็กน้อย เสียง ‘เปรี้ยง’ ก็ดังขึ้น กระบี่นั้นถูกบดขยี้ไปพร้อมกับปราณของมันจนไม่เหลือซาก! กลายเป็นฝนกระบี่ทั่วท้องนภา ร่วงหล่นไปเล่มแล้วเล่มเล่า
ทั่วทั้งความว่างเปล่า ซึ่งนอกจากเสียงฝนกระบี่ที่ตกลงมาแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก
ลู่หยวนชักกระบี่ออกมาก่อนยืนขึ้น กระบี่มหันตภัยสั่นไหวเล็กน้อย ในองศาที่ไม่มีใครมองเห็นมีกลิ่นอายสีดำบนกระบี่มหันตภัย มันกระจายไปจนถึงปลายกระบี่ ทำให้รูปลวดลายเหมือนหอคอยขนาดเล็กที่มียอดสามชั้นซ้อนบนฐานปรากฏ
หลังจากนั้นกระบี่มหันตภัยถูกยกขึ้น กลิ่นอายแก่กล้ารวมตัวบนกระบี่มหันตภัย
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกกระบี่ขึ้น ก่อนฟาดลงไป!
วิ้ง!
หลังจากสิ้นเสียงกระบี่ ปราณลึกล้ำพลันพุ่งออกมา
ปราณกระบี่พุ่งลงมาจากท้องนภา ภาพมายาของเซียนสาวหายไปทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่จำนวนมากเคลื่อนตาม ตรงเข้าฟาดฟันกระถางทองดาราสวรรค์
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ปราณกระบี่หลายสิบสายฟันเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า เสียง ‘แคร๊ก’ ดังขึ้นหลายครั้ง ก่อนที่รอยแตกจะกระจายทั่วกระถางสีทอง!
หลังจากนั้นไป๋อู๋อีจึงกลับมามีสติ เขารีบเรียกสมบัติลับกลับคืนมา แต่ชั่วลมหายใจนั้นเอง ลู่หยวนก็ฟันกระบี่ซ้ำอีกครั้ง
ตู้ม!
ปราณกระบี่มหันตภัยพุ่งตรงเข้าปะทะกระถางสีทอง ปราณกระบี่แรงกล้าที่เคลื่อนผ่านทำให้กระถางสีทองถูกผ่าครึ่งในทันที
ไป๋อู๋อีตกตะลึง นี่คือสมบัติลับที่ไป๋เจ๋อใช้เวลารวบรวมมาหลายปี เป็นอาวุธวิเศษที่ล้ำค่ามหาศาล!
มันถูกลู่หยวนสับเป็นชิ้น ๆ จริงหรือ?!
เหนือความว่างเปล่า บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ในอากาศพร้อมสีหน้าสงบนิ่ง
“ไป๋อู๋อี ไม่ว่าอาวุธวิเศษจะดีแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในมือสวะอย่างเจ้า มันก็เป็นได้แค่ขยะ”
ไป๋อู๋อีตัวแข็งทื่อ เขาจ้องมองท้องนภาอย่างเหม่อลอย ไม่อาจทำใจเชื่อได้
ระบบแจ้งเตือนว่า [จิตใจของไป๋อู๋อีหวั่นไหว ค่าชะตาของเขาลดลง 1,000 แต้ม ค่าชะตาในตอนนี้อยู่ที่ 5,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาของท่านเพิ่มขึ้น 2,000 แต้ม ปัจจุบันนี้มีอยู่ 7,000 แต้ม!]
ลู่หยวนกระชับกระบี่ยาว ก่อนฟันไปทางไป๋อู๋อีในพริบตา!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ปราณกระบี่พุึ่งทะยานด้วยพลังมหาศาล ตรงเข้าโจมตีบุตรแห่งโชคชะตา
วิ้ง!
สิ้นเสียง… ปราณกระบี่จำนวนมากพลันช้าลง ก่อนจะค่อย ๆ หายไปในอากาศ
ไกลออกไป มีสัตว์เทพสีขาวราวหิมะ รูปทรงคล้ายกับสิงโตสีขาว มีเขาสองข้างบนศีรษะ กำลังเหยียบย่างอยู่กลางอากาศ ก่อนมันจะเข้ามาใกล้ ลู่หยวนก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังของมัน ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเดินอยู่บนสายลมราวกับเซียนก็ไม่ปาน
มันก้าวมาข้างหน้า เปิดปากกล่าวว่า “เจ้าหนู เด็กคนนั้นอยู่ภายใต้การคุ้มครองของข้าผู้นี้ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย”
เมื่อลู่หยวนมองดู จึงทราบว่ามันคือสัตว์เทพไป๋เจ๋อ
“เจ้าปกป้องเขางั้นหรือ?”
บุตรศักดิ์สิทธิ์แสยะยิ้ม “ไป๋เจ๋อ วันนี้เจ้ายังปกป้องตัวเองไม่ได้แท้ ๆ จะไปปกป้องเขาได้อย่างไร?”
สัตว์เทพยืนขวางทางอยู่หน้าไป๋อู๋อี น้ำเสียงกดต่ำเล็กน้อย “หึ เจ้าฝึกฝนมาถึงจุดนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย คงจะยากลำบากไม่เบา ดังนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป หวังว่าเจ้าจะไม่ตัดสินใจผิดพลาด!”
รอยยิ้มหยันปรากฏที่มุมปากของคนฟัง “ปล่อยข้าผู้นี้ไปงั้นหรือ? ไป๋เจ๋อนะไป๋เจ๋อ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว การคลอดบุตรของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว ปราณวิญญาณจำนวนมากรวมอยู่ในท้องของเจ้า เพื่อคอยปกป้องลูกน้อย เจ้าในตอนนี้ จะไปมีพลังมาต่อสู้กับข้าได้อย่างไร?”
ดวงตาของไป๋เจ๋อหลุบต่ำ สิ่งที่ลู่หยวนพูดมาเป็นความจริง หากไม่ใช่เพราะปกป้องทารกในครรภ์ ทำไมต้องมาเสียเวลาเจรจาด้วย?
ด้วยพลังของมันในยามปกติ หากออกแรงเสียหน่อย ย่อมสามารถฆ่าชายตรงหน้าได้ในคราวเดียว!
ถึงแม้มันจะรออยู่ในถ้ำเพื่อให้กำเนิดบุตร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก
ไป๋อู๋อีก็เหลือเกิน! รอให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเริ่มหาเรื่องกับคนผู้นี้ไม่ได้หรือ?!
ตอนนี้กระถางทองดาราสวรรค์หายไปแล้ว มันจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องบุตรแห่งโชคชะตาเอาไว้!
ลู่หยวนไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลากับไป๋เจ๋อที่นี่ เขาหันกระบี่ไปข้างหน้า “ไป๋เจ๋อ ข้าขอบอกตามตรง ไป๋อู๋อีผู้นี้จะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าติดตามข้าเสียยังดีกว่า”
เมื่อไป๋เจ๋อทราบว่าเรื่องในวันนี้คงไม่อาจคลี่คลายได้ มันจึงไม่คาดหวังให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นฝ่ายถอย ก่อนจะเตรียมทุ่มทุกอย่างที่มี!
มันเย้ยหยันออกมา “ข้าคือสัตว์เทพ ต่อให้ต้องตายก็ไม่ร่วมมือกับมารเช่นเจ้าเด็ดขาด!”
“ตั้งแต่เจ้าย่างเท้ามาที่นี่ ข้าก็สามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมารในร่างกายเจ้า ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการปกปิด แต่ทุกลมหายใจในร่างกายของเจ้าไม่อาจเล็ดลอดจมูกของข้าไปได้!”
คู่กรณียกมุมปาก “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ต้องเตรียมตัวตายแล้วละ!”
กระบี่ยาวในมือของชายหนุ่มแผ่ปราณออกมา สายลมแรงกล้าโหมกระหน่ำอยู่รอบตัวเขา พายุดังกล่าวแปรเปลี่ยนพื้นที่โดยรอบเป็นอาณาเขตสีโลหิต
เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งความว่างเปล่าพลันถูกห้อมล้อมโดยอาณาเขตแดนฉาน แรงกดดันเข้มข้นปกคลุมจากทุกทิศทาง …มหาศาลราวกับความตายเคลื่อนเข้ามาช้า ๆ
ต่อให้เป็นไป๋เจ๋อก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันแห่งความตายที่ส่งผลถึงวิญญาณโดยตรง ทำให้มันต้องจริงจังมากยิ่งขึ้น
คนตรงหน้าคล้ายอยู่เพียงขั้นจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น แต่กลับได้รับพรจากมาร หากทุ่มสุดตัวคงไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถสำแดงพลังอันแก่กล้าได้เท่าไร