เฉินคังทั่วกับห่าวฉยงพาตัวบอสหลี่ที่แข้งขาอ่อนออกมาหลังผ่านไปยี่สิบนาที
เผยเชียนรีบยื่นชาให้ “บอสหลี่ ดื่มอะไรร้อนๆ ก่อนครับ”
หลี่สือนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เขาใช้สองมือยกถ้วยชาขึ้นจิบ แต่สีหน้าที่ซีดเผือดกลับไม่ได้ดูดีขึ้น
“โอเคขึ้นมั้ยครับบอสหลี่” เผยเชียนถามด้วยความเป็นห่วง
หลี่สือโบกมืออย่างอ่อนแรก เขาไม่มีแรงแม้แต่จะพูดอะไรออกไป
น่ากลัวฉิบหาย!
ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีอะไรมาก ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จบ กัดฟันทนๆ ไปน่าจะผ่านได้
แถมเขายังใช้คำเล่นแง่กับบอสเผยที่บอกว่า ‘ทนเล่นจนจบ’ ไม่ยอมบอกว่า ‘เล่นผ่าน’ ซึ่งหมายความว่าแค่ทนเล่นจนจบ ไม่ต้องเล่นผ่านก็ถือว่าทำตามที่พูดแล้ว
ถือว่ามีความตั้งใจ แต่ก็ยังอ่อนหัด
หลี่สือกลัวแทบตายตอนเข้าไปในโปรเจ็กต์ย่อยแรกและยอมแพ้ในโปรเจ็กต์ย่อยที่สี่ เขาแข้งขาอ่อนจนต้องให้ เฉินคังทั่วกับห่าวฉยงไปพาตัวออกมา
ในใจอันหวาดหวั่นของหลี่สือคิดเพียงแค่ว่า ห้ามดูถูกบอสเผยอีก!
ดูบ้านผีสิงเป็นตัวอย่าง เบื้องหน้าไม่ได้น่ากลัวเลย ใช้เวลาเล่นไม่นาน ไม่มีพนักงานแต่งเป็นภูตผีปีศาจมาหลอก แต่พอไปลองเล่นจริงก็หลอนจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง!
พอนึกย้อนกลับไปดู โปรเจ็กต์ย่อยพวกนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย แต่เต็มได้ด้วยการเล่นกับความหลอนในใจ
พูดง่ายๆ คือ ทำทุกอย่างให้ผู้เล่นนึกหลอนไปเอง!
ต้องยอมรับเลยว่าตรงนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก
บอสหลี่ถือแก้วชาด้วยมือที่สั่นเทิ้ม ในใจคิดไปว่าน่าจะสะดุ้งตื่นเพราะความกลัวไปอีกครึ่งเดือน
หัวโชกเลือดบนเพดานเอย กระจกในห้องน้ำเอย ทีวีจอซ่าที่ส่องแสงรางๆ ในห้องนั่งเล่นอีก…
ทุกอย่างเป็นฉากทั่วไปที่พบได้ในบ้าน แต่ตอนนี้กลับฝากฝังความสั่นประสาทไว้ในจิตใจ
บอสหลี่ที่มีภาพลักษณ์ของชายวุฒิภาวะสูงผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกลัวจนเหมือนไก่รอโดนเชือด เผยเชียนอดเขินแทนไม่ได้
เฮ้อ บอสหลี่ก็แค่หาช่องทำเงิน ถึงจะทำลายแผนดีๆ ของฉันไปหลายครั้ง แต่โทษก็ไม่ถึงขั้นประหาร
รู้สึกผิดหน่อยๆ แฮะที่ให้เข้าไปเล่นบ้านผีสิงสุดน่ากลัวเพื่อขอข้อมูลจากฉัน
เผยเชียนคิดว่าน่าจะตัดชื่อบอสหลี่ออกจากบัญชีหนังหมาไปได้ชั่วคราว อ๋อ ไม่สิ ลดอันดับลงชั่วคราวพอ
“บอสหลี่พยายามได้สุดยอดมากครับ ฟีดแบ็กของคุณต่อบ้านผีสิงเป็นประโยชน์กับพวกเรามากเลย!
“ขอบคุณมากๆ ครับ!” สีหน้าของเผยเชียนดูจริงใจมาก
ใบหน้าซีดเผือดของหลี่สือฉายแววงุนงง “หืม ผมให้ฟีดแบ็กไปตอนไหนเหรอครับ”
เผยเชียนยิ้ม “เสียงร้องของคุณคือฟีดแบ็กชั้นยอดเลยครับ
“ผมตั้งใจว่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ เป็นการขอบคุณ
“ใช่ครับ บริษัทลงทุนหยวนเมิ่งกำลังขายหุ้นแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ เป็นการตัดสินใจของผมเอง ผมว่าคุณเองก็ควรรีบขายหุ้นของตัวเองจะดีกว่า นี่พูดจริงๆ จากใจนะครับ ไม่ได้เล่นแง่อะไร!”
สีหน้าของเผยเชียนดูจริงจังมาก
ที่พูดไปไม่มีคำโกหกเลย เผยเชียนกำลังขายหุ้นจริงๆ และอยากให้คนอื่นๆ ขายหุ้นออกไปเหมือนกัน
แต่เขาซ่อนจุดประสงค์ที่แท้จริงเอาไว้ นั่นก็คือ เขาอยากให้แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ขาดทุน
บอสหลี่ต้องคิดว่าเผยเชียนจะขายหุ้นในมือทั้งหมดและถอนทุนออก แล้วก็จะทำตาม พอนักลงทุนเห็นแววไม่สู้ดีก็จะขายหุ้นทิ้งด้วย
จริงๆ แล้วเผยเชียนตั้งใจจะเก็บหุ้นบางส่วนเอาไว้ เพื่อที่หุ้นจะได้ไร้ค่าเมื่อโปรเจ็กต์เจ๊ง
ทำแบบนี้ถึงโปรเจ็กต์จะขาดทุนไม่มาก แต่ก็เป็นการหยุดไม่ให้ทำเงินไปมากกว่านี้
หลี่สือสังเกตสีหน้าบอสเผยอย่างละเอียดแล้วพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะขายหุ้นที่ถืออยู่”
เผยเชียนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
สำเร็จ!
บอสหลี่ถือหุ้นในมือมากกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าขายพร้อมกับบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งก็จะทำลายความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีให้โปรเจ็กต์ได้แน่นอน!
ถ้าไปได้สวย หุ้นบอสหลี่ก็จะยังพอทำกำไรได้อยู่
ไม่มีใครเสียผลประโยชน์ สมบูรณ์แบบ!
…
ตอนบ่าย บริษัทลงทุนฟู่หุย
หลี่สือนั่งหลับตาครุ่นคิดอยู่ในออฟฟิศ
ช่วงเช้าเขาอกสั่นขวัญแขวนที่โฮสเทลเขย่าขวัญ แต่จะไม่มาทำงานต่อก็ไม่ได้
ข้อมูลที่ได้มาจากการเอาชีวิตเข้าเสี่ยงน่าจะเชื่อถือได้
บอสเผยบอกว่าบริษัทลงทุนหยวนเมิ่งกำลังขายหุ้นออก ซึ่งเป็นการตัดสินใจของอีกฝ่ายเอง แถมยังแนะนำให้เขาขายหุ้นตัวเองด้วย น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก
หลี่สือตัดสินใจได้หลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ขาย!
แต่เขายังไม่ได้คิดว่าจะขายยังไง
การถ่ายโอนหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องผ่านการเสนอภายในก่อน หมายความว่าหุ้นส่วนภายในจะมีสิทธิ์ในการซื้อหุ้นก่อน
ถ้าไม่มีหุ้นส่วนคนไหนสนใจซื้อหุ้น ก็จะขายต่อให้กับบุคคลภายนอกได้ในกรณีที่หุ้นส่วนมีมติอนุมัติในที่ประชุม
พูดอีกอย่างคือ หุ้นส่วนทุกคนจะรู้ว่าหลี่สืออยากขายหุ้นก่อนใคร
แต่บอสเผยไม่ได้ขายหุ้นออกไปเยอะ หุ้นส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มสงสัยก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าบอสเผยจะชิ่ง
แต่หลี่สือกำลังจะขายหุ้นในมือทั้งหมดยี่สิบเปอร์เซ็นต์ทิ้ง ชัดเจนมากว่าจะชิ่ง ไม่มีทางที่หุ้นส่วนจะไม่รู้ว่าเขาคิดชิ่งแน่!
หุ้นส่วนหลายคนลงทุนในโปรเจ็กต์นี้ตามหลี่สือ นักลงทุนคนอื่นๆ ต้องตื่นตระหนกแน่ถ้าหลี่สือขายหุ้นพร้อมกับบอสเผย เมื่อเป็นแบบนั้น ทุกคนก็จะสูญเสียความเชื่อมั่นในโปรเจ็กต์แล้วขายหุ้นตาม มูลค่าของบริษัทจะตกลงทันที!
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ หลี่สือก็อาจทำกำไรจากการขายหุ้นได้ไม่มาก
เพราะงั้นจึงไม่ควรขายหุ้นด้วยวิธีนี้ nᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm
เขาลงทุนไปตั้งสี่ล้านหยวนในโปรเจ็กต์ดีๆ มูลค่าของโปรเจ็กต์ต้องตกลงแน่ถ้าขายหุ้นทิ้งแบบนั้น
อุตส่าห์ลำบากลำบนขนาดนี้แต่ได้กำไรแค่ไม่กี่แสนเนี่ยนะ
ยอมไม่ได้หรอก!
ดังนั้นเขาต้องขายหุ้นให้หมดแต่ไม่ใช่ด้วยวิธีนี้!
คิดได้แบบนั้น หลี่สือก็ค้นหาช่องทางการติดต่อนักลงทุนคนอื่นๆ เขาวางแผนว่าจะจัดการประชุมเล็กๆ ผ่านทางโทรศัพท์
ไม่นานนักลงทุนคนอื่นๆ ก็ตอบกลับ พวกเขาตกลงว่าจะประชุมกันในอีกหนึ่งชั่วโมง
หลี่สือใช้เวลานี้เรียบเรียงความคิด จากนั้นก็จดประเด็นสำคัญที่จะพูดในที่ประชุม
…
หนึ่งชั่วโมงให้หลัง การประชุมผ่านทางโทรศัพท์ก็เริ่มต้นขึ้น
“บอสหลี่ มีเรื่องเร่งด่วนอะไรเหรอครับ” นักลงทุนคนหนึ่งในแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ ถามขึ้น
หลี่สือเข้าประเด็นทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา “บอสเผยน่าจะกำลังถอนทุน ผมเองก็กำลังจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่เหมือนกันครับ”
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสียงสงสัยจะดังขึ้น
“หา”
“อะไรนะครับ แน่ใจเหรอ”
“ตอนนี้เลยเหรอครับ”
“ไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน เชื่อถือได้รึเปล่า”
เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่ยังลังเลและไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้
ตอนนี้แอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ กำลังไปได้สวยทุกอย่าง อาจจะผลาญทุนเร็วไปหน่อย แต่เงินที่เสียไปก็แลกมากับข้อมูล!
พวกเขาสามารถอัดทุนต่อไปเรื่อยๆ จนได้เข้าตลาดหุ้น เมื่อถึงตอนนั้นเหล่านักลงทุนก็จะได้กำไรคืนหลายเท่า!
โปรเจ็กต์ยังห่างไกลจากคำว่าเจ๊ง ทำไมถึงอยากชิ่งตอนนี้ล่ะ ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย
หลี่สือตอบเสียงเบา “ผมไม่อยากโกหกพวกคุณ ลองคิดดูสิ จังหวะที่ดีที่สุดในการถอนทุนคือตอนแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ กำลังมาแรงไม่ใช่เหรอ
“อีกอย่างพวกคุณคิดจริงๆ เหรอว่าโปรเจ็กต์นี้จะได้เข้าตลาดหุ้น ถึงจะเข้าได้ เราต้องอัดทุนเข้าไปอีกเท่าไหร่ บริษัทต้องมีประวัติการดำเนินงานมาอย่างน้อยสามปีถึงจะมีสิทธิ์เข้าตลาดหุ้น!
“ผมจะไม่กังขาเลยว่าบริษัทนี้จะได้เข้าตลาดหุ้นในอีกสามปีให้หลังถ้าบอสเผยยืนยันไปต่อ แต่ตอนนี้บอสเผยกำลังจะถอนตัว พวกคุณคิดว่าโปรเจ็กต์นี้จะยิงยาวต่อเนื่องไปอีกสามปีมั้ย
“ดูจากการใช้งานในตอนนี้แล้ว คิดว่าเราต้องอัดทุนเข้าไปอีกเท่าไหร่ มีใครพร้อมอัดทุนเยอะขนาดนั้นมั้ย มีใครการันตีว่าจะหาผู้ให้ทุนเพิ่มได้บ้าง
“พวกคุณคิดกันรึยังว่าถ้าเงินสูญไปหมดจะเป็นยังไง”
ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกครั้ง
ชัดเจนมากว่านักลงทุนส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นด้วยกับมุมมองบอสหลี่
โปรเจ็กต์นี้น่าเชื่อถือเพราะมีบอสเผยหนุน ถ้าบอสเผยถอย ความเชื่อมั่นในโปรเจ็กต์ก็จะตก โปรเจ็กต์มีอยู่จุดจบเดียว นั่นก็คือไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย!
ผ่านไปสักพักก็มีเสียงใครสักคนพูดขึ้นมา
“ทำไมบอสหลี่ถึงมาบอกเรื่องนี้กับเราล่ะครับ”
ถ้าเก็บเงียบไว้แล้วชิงขายหุ้นก่อนก็น่าจะได้กำไรงาม
แต่ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว ถ้าทุกคนขายหุ้นพร้อมกันหมด ความเชื่อมั่นของคนภายนอกก็จะลดลง ทีนี้ก็ไม่มีใครได้กำไรกันสักคน!
หลี่สือยิ้ม “ที่ผมจะสื่อคือ ถ้าตัดสินใจจะขายก็ขายโง่ๆ ไม่ได้
“ยิ่งขายถูก ยิ่งไม่มีใครอยากซื้อ แต่ถ้าเราดันราคาขึ้นสูงๆ คนก็จะมารุมแย่งกันซื้อ
“ตอนนี้เราต้องเพิ่มผลประโยชน์ของตัวเองให้สูงที่สุด วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าตื่นตกใจรีบขายให้คนนอก แต่ให้ปั่นกระแสแอปนี้ไปเรื่อยๆ แล้วหาผู้ซื้อเหมาะๆ มา ‘ยัดเยียด’ ขายหุ้นทั้งหมดให้ในราคาสูง!”
คนอื่นๆ ในสายเห็นดีเห็นงามด้วยทันที
นักลงทุนคนหนึ่งคิดอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นมา “จะว่าไป… บอสหลี่ รองประธานบริษัทซวี่เต๋อศึกษา บอกว่าสนใจแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ มาก เขาติดต่อมาขอซื้อหุ้นที่ผมถืออยู่ แต่ผมลังเลเลยยังไม่ได้ตอบกลับ”
บอสหลี่ยิ้ม “ดูเหมือนจะเป็น ‘ผู้ซื้อที่เหมาะสม’”
หลังวางสายไป หลี่สือก็วางแผนการในหัว
นักลงทุนทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ผลประโยชน์ของทุกคนตรงกัน พวกเขาอยากขายหุ้นในราคาที่สูงที่สุดที่เป็นไปได้ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครแพร่งพรายความลับออกไป
ขั้นตอนต่อไปคือให้ทุกคนหาทางปั่นกระแสโปรเจ็กต์ ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ เพื่อให้บริษัทซวี่เต๋อศึกษาสนใจมากขึ้น
จากนั้น… บริษัทซวี่เต๋อศึกษาก็จะมาตามซื้อหุ้น ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ เพื่อที่จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแอป ‘มาสิเด็กหัวกะทิ’ พวกหลี่สือก็จะได้ถอนทุนคืนพร้อมกำไรก้อนโต
ส่วนบริษัทซวี่เต๋อศึกษา…
หลี่สือไม่ได้รู้สึกดีกับองค์กรเพื่อการศึกษาแห่งนี้
บริษัทซวี่เต๋อศึกษาอาจจะฟังดูน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ เป็นบริษัทไม่ดี พวกเขาปล่อยโฆษณาชวนเชื่อ ให้สัญญาลมๆ แล้งๆ พนักงานขายสวมบทบาทหลายบทบาทตอนหานักเรียนมาสมัครเข้าเรียน เรียกได้ว่าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงิน
แน่นอนว่าบริษัทแบบนี้เติบโตขึ้นได้เพราะโฆษณาชวนเชื่อที่มีอยู่ทุกที การทำการตลาดเชิงรุก และการฝึกพนักงานขาย
นักเรียนหลายคนยังใสซื่อไร้เดียงสา ผู้ปกครองก็หวังอยากให้บุตรหลานมีอนาคตที่ดี ดังนั้นบริษัทซวี่เต๋อศึกษาจึงหลอกพวกเขาด้วยกลยุทธ์การตลอด พอได้เงินมาแล้วก็เรียกคืนได้ยาก
หลี่สือเอาเยี่ยงอย่างบอสเผยไม่ได้ อีกฝ่ายหาเงินทุกหยวนด้วยวิธีใสสะอาด และรับผิดชอบต่อสังคมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น ลงทุนในนี่เฟิงโลจิสติกส์ที่ทำกำไรไม่ได้เลย
ถึงอย่างนั้น เขาก็เกลียดชังพฤติกรรมหลอกลวงนักเรียนของบริษัทซวี่เต๋อศึกษา
หลี่สือไม่รู้สึกผิดสักนิดที่จะให้บริษัทเลวทรามแบบนี้มาซื้อต่อหุ้นไป