📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 496

บทที่ 496 - นัดดวล ณ ทะเลสาบชูอวิ๋น
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เพลานี้กลางดึกแล้ว ใกล้จะรุ่งสางเต็มที

สายฝนบาง ๆ โปรยปรายอยู่ทั่วนภา ผู้คนสัญจรบนถนนหนทางน้อยลงเรื่อย ๆ แสงไฟข้างทางก็เริ่มริบหรี่ขาดห้วง

คืนฝนโปรยปรายในฤดูใบไม้ร่วง เริ่มมีความหนาวเย็นคืบคลาน

ล้อเกี้ยวบดทับอยู่บนถนนที่ปูด้วยกระเบื้องจนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ลมราตรีโชยพัดผ่านเป็นครั้งคราว ใบไม้สีเหลืองจาง ๆ ปลิดปลิวอยู่ในม่านฝน

ซูอี้ลุกขึ้นนั่ง นัยน์ตาเปล่งประกายลึกล้ำ

มีใครบางคนเข้าใกล้เกี้ยวอย่างว่องไว!

ฟิ้ว!

มีคนปาม้วนหยกเล่มหนึ่งเข้ามาทางหน้าต่าง

ซูอี้ยื่นมือไปรับม้วนหยก ในนั้นมีเพียงประโยคเดียวเขียนไว้…

‘กล้ามาพบกันที่ทะเลสาบชูอวิ๋นหรือไม่?’

ซูอี้เก็บม้วนหยก บอกกับคนขับเกี้ยว “ไปทะเลสาบชูอวิ๋น”

ทะเลสาบชูอวิ๋นตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกของนครหลวงจิ๋วติ่ง

พื้นที่แถบนั้นมีโรงเตี๊ยมตั้งอยู่เรียงราย บ้านเรือนชุกชุม ผู้ฝึกตนต่างถิ่นที่เข้ามาในนครหลวงจิ๋วติ่งส่วนใหญ่มักเลือกพำนักในแถบนี้

จนส่งผลให้พื้นที่แถบนี้มีผู้คนอาศัยอยู่หลากหลายประเภท มีครบทุกระดับชั้น

เมื่อซูอี้นั่งเกี้ยวมาถึงริมทะเลสาบชูอวิ๋นก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว ท้องฟ้ามืดมนประหนึ่งน้ำหมึก เม็ดฝนตกลงมาปรอย ๆ พร้อมนำความหนาวเย็นที่คมดั่งมีดมาด้วย

หลังจากซูอี้จ่ายหินวิญญาณไปราว ๆ ยี่สิบห้าก้อน คนขับเกี้ยวจึงมอบร่มกระดาษน้ำมันคันหนึ่งให้ซูอี้ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

ซูอี้ถือร่มเดินอยู่ท่ามกลางสายฝน รับชมทะเลสาบชูอวิ๋นที่กว้างใหญ่ แสงริบหรี่จากชาวประมงมีให้เห็นเป็นหย่อม ๆ พอให้มองเห็นเรือสำเภาประปรายที่ล่องอยู่บนทะเลสาบ

ด้านหนึ่งของทะเลสาบ มีเพิงน้ำชาอยู่แห่งหนึ่ง

รอบ ๆ เพิงน้ำชามีโคมไฟสีแดงสดห้อยอยู่ ดูโดดเด่นจับตายิ่งในยามค่ำคืน

ทว่า บัดนี้เป็นเวลารุ่งสางแล้ว ภายในเพิงน้ำชามีเพียงผู้เฒ่าชุดเทาเฝ้าอยู่ โดดเดี่ยวยิ่ง

โต๊ะไม้ด้านข้างเขามีกู่ฉินไม้ตั้งอยู่

ซูอี้ชักเท้า ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในเพิงน้ำชา

ผู้เฒ่าชุดเทาลุกขึ้น ประสานมือยิ้ม ๆ “สหายเต๋าซู เราพบกันอีกแล้ว”

คนผู้นี้ก็คือเวิงจิ่ว!

“ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”

ซูอี้ประหลาดใจ

ดึกดื่นเช่นนี้ มืดมนซ้ำยังฝนตก เวิงจิ่วกลับมาอยู่ที่นี่ จะมิให้ซูอี้แปลกใจได้อย่างไร

“ขอเรียนคุณชายตามตรง ไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นภายในนครหลวงจิ๋วติ่ง หากข้ามีใจสืบเสาะ ย่อมล่วงรู้ข่าวสารได้ก่อน”

เวิงจิ่วคลี่ยิ้มนอบน้อม แสดงท่าทีต่อซูอี้ด้วยความเคารพ “อย่างเช่นครานี้ ข้าทราบล่วงหน้าว่าผู้อาวุโสใหญ่แห่งวังเทพสวรรค์เมฆา ฮั่วเทียนตูได้ออกคำสั่ง ส่งผู้แข็งแกร่งนัดพบสหายเต๋าที่ริบทะเลสาบชูอวิ๋น”

ซูอี้กระจ่างแล้วมิวายขมวดคิ้ว “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ห้ามมิให้พวกท่านแทรกแซง”

เวิงจิ่วยิ้มพลางกล่าว “สหายเต๋าวางใจได้ ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวสหายเต๋าเท่านั้น ประเดี๋ยวไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ย่อมไม่มีทางยื่นมือเข้าไปแทรกแซง”

ซูอี้พยักหน้า “คิดไม่ถึงเลย ท่านกับเจ้านายของท่านใส่ใจยิ่ง”

เวิงจิ่วมีท่าทีขึงขัง “อัจฉริยะสะท้านโลกาเฉกเช่นสหายเต๋า พันหมื่นปีกว่าจะได้พบสักคน เจ้านายและข้าย่อมต้องใส่ใจ”

ซูอี้ชี้กู่ฉินไม้บนโต๊ะด้านข้าง “ท่านปราดเปรื่องการดนตรีด้วยหรือ?”

เวิงจิ่วเอ่ยอย่างถ่อมตน “ไม่ถึงขั้นปราดเปรื่อง นับว่าพอมีความสามารถอยู่บ้างเท่านั้น”

“เล่นเพลงกับดักสิบทิศได้หรือไม่”

“ได้”

“ประเดี๋ยวถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้น ช่วยเล่นเพลงนี้เพิ่มความสนุกให้ข้าได้หรือไม่”

เวิงจิ่วเอ่ยยิ้ม ๆ “เป็นเกียรติของข้า”

ซูอี้พยักหน้า ถือร่มเดินผ่านเพิงน้ำชาไปอยู่ริมทะเลสาบชูอวิ๋นภายใต้สายฝน

บนพื้นผิวทะเลสาบไกล ๆ เรือสำเภาลำหนึ่งพลันจุดตะเกียงขึ้นทีละดวง

ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงผู้หนึ่งยืนอยู่หัวเรือ พร้อมเอ่ยเสียงเข้ม “ซูอี้รึ?”

“ถูกต้อง”

ซูอี้พูดไป ก้าวเท้าข้ามน้ำไป

มือหนึ่งเขาถือร่ม อีกมือไพล่หลัง เสื้อผ้าสีครามพลิ้วไสว คลื่นน้ำโถมทับอยู่ใต้เท้า ตัวเขากลับมั่นคงดั่งเดินอยู่บนที่ราบ สง่าดั่งเทพเซียน

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้ามาจริง ๆ”

ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงดูประหลาดใจมาก สายตาที่มองซูอี้วาวโรจน์ดั่งสายฟ้าฟาดกลางนภา สีหน้าเย้ยหยัน “เจ้าไม่กลัวว่าจะมีอันเป็นไปเลยรึ?”

ซูอี้ไม่ชอบการพล่ามมาแต่ไหนแต่ไร ย่อมขี้เกียจต่อปากต่อคำ เขาก้าวไปพร้อมกวาดสายตามองรอบ ๆ “ฮั่วเทียนตูอยู่หรือไม่”

ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงรูม่านตาหรี่ลง “เจ้ารู้ด้วยหรือว่าตระกูลฮั่วของเราหมายลงมือกับเจ้า”

ซูอี้ยืนอยู่ตรงจุดที่ห่างจากเรือสำเภาลำนั้นสิบจั้ง ขมวดคิ้วขณะพูด “ฮั่วเทียนตูไม่มารึ?”

บทสนทนาของทั้งคู่ดูพิลึกกึกกือ

ไม่ว่าชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงพูดสิ่งใด ซูอี้ก็ตอบไม่ตรงคำถามทุกครั้ง

ส่งผลให้ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงรู้สึกถูกหยามและคล้ายถูกมองข้ามจนสีหน้าอึมครึมลง

“หากเจ้าผ่านด่านข้าไปได้ ผู้อาวุโสของเราย่อมปรากฏตัว!”

ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงเอ่ยเสียงเย็น

ซูอี้หลุดขำ “วางมาดไม่หยอกเลยนี่ เช่นนั้นข้าจะเชือดปลาซิวปลาสร้อยอย่างพวกเจ้าก่อน แล้วค่อยจัดการผู้อาวุโสของเจ้า”

พูดไป เขาขยับเท้า กระโจนไปที่เรือสำเภาลำนั้น

ตู้ม!

วินาทีที่ซูอี้ก้าวเท้า ใต้พื้นผิวทะเลสาบมีเงาสิบกว่าร่างพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เกลียวคลื่นสาดกระเซ็นไปทั่ว

ร่างเหล่านั้นมีทั้งชายและหญิง พลังขอบเขตรวบรวมดาราแผ่ซ่านออกจากรอบตัว แรงอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นฟ้า

ครืน!

เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดารารออยู่นานแล้ว ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว ก็ใช้ออกด้วยสมบัติล้ำค่า พร้อมทั้งเคล็ดวิชาลับของแต่ละคน พุ่งเข้าไปฆ่าซูอี้คนเดียวอย่างพร้อมเพรียง

ความเงียบเชียบของรัตติกาลถูกทำลาย ม่านฝนประปรายกระจายออก

บนทะเลสาบชูอวิ๋น ประกายแสงหลากสีแผ่พุ่ง เจิดจ้างดงามโนเวลกูดอทคoม

ศาสตราสิบกว่าชนิดโผล่ออกมากลางอากาศ มีด ทวน ดาบ ง้าว ระฆังทองแดง บาตร บรรทัดหยก… ประกายศักดิ์สิทธิ์หลากหลายสีสันขจัดรัตติกาลออกไป อานุภาพสยองขวัญที่แผ่กำจายอยู่โดยรอบหลอมรวมเข้าด้วยกัน คล้ายกับภูเขาไฟปะทุ ท่าทางน่ากลัวยิ่งนัก

นอกจากนี้ ยังมีสารพัดเคล็ดลับเผยตัวพร้อมกับจังหวะวิถีอันเร้นลับ บ้างกลายเป็นสายฟ้าพายุ บ้างรวมกันเป็นฝ่ามือ แสงหมัด บ้างกลายเป็นภาพปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติแสนน่ากลัว

พลังทั้งหมดรวมเข้าด้วยกัน อานุภาพปานนั้น ซัดเกลียวคลื่นพลังน่าสยดสยองอยู่บนผืนฟ้าเหนือทะเลสาบชูอวิ๋น เพียงพอให้ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดทุกคนหวาดกลัวสิ้นหวัง

ครืน!

ฟ้าดินเปลี่ยนสี น้ำในทะเลสาบซัดสาด

เวิงจิ่วเห็นภาพนั้นแต่ไกล ๆ คิ้วขมวดมุ่นเล็กน้อย สถานการณ์เช่นนี้ เพียงพอจะเรียกว่ากับดักรอบด้านจริง ๆ

น่ากลัวว่าต่อให้เป็นผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณอย่างซือคงเป้าก็ไม่กล้าประชันฝีมือด้วย

ซูอี้ตัวคนเดียว แล้วจะคลี่คลายทุกอย่างลงได้อย่างไร?

จะใช้ไพ่ตายบางอย่าง หรือหลีกเลี่ยงไปก่อน

สายตาของเวิงจิ่วจ้องซูอี้เขม็ง กลั้นหายใจเพ่งสมาธิ

เขายังไม่ลืมเรื่องราวเมื่อเที่ยงที่เขาไปเยี่ยมเยือนซูอี้พร้อมกับเจ้านาย ซูอี้เคยกล่าวไว้ เขาหวังให้เหล่าศัตรูเข้ามาหาเพื่อลับคมดาบ!

แท้จริงแล้วเป็นการอวดเบ่งหรือมีความสามารถจริง ย่อมเห็นเศษเสี้ยวความจริงจากศึกนี้ได้

บนทะเลสาบชูอวิ๋น ร่างผอมบางของซูอี้นิ่งงันดั่งหินผา

บนตัวเขามีภาวะดาบเบาบางทว่ากว้างไกลทะยานขึ้นฟ้า

ชั่วพริบตานั้น ราวกับฟ้าดินชะงักงัน ท่ามกลางม่านฝนสะเปะสะปะ บรรดาศาสตราที่ปลิวว่อน เคล็ดวิชาลับที่สำแดงพลังอยู่ ล้วนมีท่าทีราวกับถูกแรงกดดันที่มองไม่เห็นบางอย่างกดทับจองจำเอาไว้

“นี่มัน…”

รูม่านตาของเวิงจิ่วพลันหดลง

แทบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ก้าวออกไป สะบัดแขนเสื้อ

ตู้ม!

ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป ราวกับผืนฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย ศาสตราสิบกว่าชนิดที่ลอยอยู่กลางอากาศราวกับโดนโจมตีหนัก แตกกระจายออกท่ามกลางเสียงกู่ร้อง

สายฟ้าพายุ ฝ่ามือแสงหมัด ภาพปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ ต่างถูกพายุนี้ฉีกกระชาก ระเบิดในบัดดล ลำแสงต่าง ๆ สาดกระจายประดุจสายฝน

ก้าวเดียวเท่านั้น พลังเข่นฆ่าที่คนขอบเขตรวบรวมดาราสิบกว่าคนปล่อยออกมาก็สลายประหนึ่งแผ่นกระดาษเบาบาง!

ขณะที่ซูอี้สะบัดแขนเสื้อ

ฟึ่บ!

สายฝนที่โปรยปรายอยู่ในนภา เกลียวคลื่นที่ถาโถมอยู่ในทะเลสาบ ต่างกลายเป็นปราณดาบ เรียงรายยั้วเยี้ย ประหนึ่งไร้ที่สิ้นสุด เกิดเป็นเสียงดาบกู่ร้องกึกก้องฮึกเหิมสะท้านฟ้า ปกคลุมนภาผืนนั้นไว้จนมิด

ปราณดาบนั้น เปรียบดั่งม่านฝน เปรียบดั่งเกลียวคลื่น เปรียบดั่งแหแห่งสวรรค์ที่ไม่มีทางปล่อยให้สิ่งใดลอดผ่าน!

และเมื่อได้เห็นภาพนี้ ในหัวเวิงจิ่วมีประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา ‘คมดาบดั่งทางช้างเผือกจุติ ปฐพีแห่งนี้ปลอดพิษภัย!’

พลังระดับนั้น เล่นเอาเขาต้องอุทานในใจว่าไร้เทียมทาน จินตนาการไม่ออกจริง ๆ ว่าต้องศึกษาวิถีดาบมาขนาดไหนถึงบารมีแกร่งกล้าถึงเพียงนี้

พรวด! พรวด! พรวด!

ฝนดาบท่วมฟ้าถาโถมลงมา ภาพนองเลือดโหดร้ายฉายซ้ำอีกครั้ง

การดำรงอยู่ขอบเขตรวบรวมดาราสิบกว่าคนนั้นราบกับถูกดาบพันเล่มห้ำหั่น แต่ละคนต้านทานสุดแรง ท้ายสุดก็ยังโดนปราณดาบไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้นฟาดฟัน

ศาสตราป้องกันและพลังคุ้มกายต่างระเบิดออกประหนึ่งแผ่นกระดาษเบาบาง ส่วนร่างกายของพวกเขาคล้ายกับโดนมีดดาบพันเล่มเสียดแทง กลายเป็นเศษเนื้อมากมายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงจากกลางอากาศ

จากนั้น เสียงโหยหวนกรีดร้องอันหวาดผวาสิ้นหวังดังเป็นระลอก ๆ อยู่ในราตรี

ทว่าเพียงไม่นานก็หยุดชะงัก

เพราะเหล่าขอบเขตรวบรวมดาราที่ถูกปราณดาบฟาดฟัน ล้วนสิ้นชีวิตลงกันหมดแล้ว!

คนตายย่อมหมดโอกาสร้องครวญครางอีกต่อไป

ครืน!

ผิวทะเลสาบมีคลื่นซัดสาด น้ำในทะเลสาบถูกปราณดาบปั่นป่วนจนเกิดเป็นม่านหมอกวารี

โลหิตกระจายฟุ้งอยู่กลางอากาศ แดงฉานแยงตา จนแยกสีที่แท้จริงของฝนฤดูใบไม้ร่วงนี้ไม่ออกไปชั่วขณะ

ซูอี้ยืนตระหง่านอยู่บนพื้นผิวทะเลสาบ นิ่งเฉยเหมือนก่อนไม่ผิดเพี้ยน

ทว่าบนเรือสำเภาที่ห่างออกไปไกล ๆ ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงตะลึงจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง สีหน้าซีดเผือดราวกับไม่อยากเชื่อ และดูเหมือนตกใจจนสติกระเจิง

หนึ่งก้าวพร้อมสะบัดแขนเพียงหนึ่งครั้ง ผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสิบสามคนก็ต้องจบสิ้นชีวิตลง!!

ภาพโหดร้ายนองเลือดนี้ ราวกับเป็นฝีมือของเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ พบเห็นในโลกมนุษย์ได้ที่ไหนกัน

“การตายของซือคงเป้า… มิได้อยุติธรรมแต่อย่างใด…”

ภายในเพิงน้ำชาริมฝั่งทะเลสาบ เวิงจิ่วนึกสะท้อนใจ

กระทั่งตัวเขายังคิดไม่ถึงว่าการโจมตีเพียงครั้งเดียวของซูอี้ซึ่งอยู่ขอบเขตเปิดทวาร จะมีอานุภาพรุนแรงปานนี้ ฝีมือวิถีดาบนั้นน่ากลัวมากโดยไม่ต้องสงสัย

ลองกวาดตามองผู้ฝึกคนวิถีต้นกำเนิดรุ่นเยาว์ในใต้หล้านี้ ก็หาคนเช่นเขาได้ไม่กี่คนหรอก!

สายฝนราตรีโปรยปราย ทะเลสาบชูอวิ๋นภายใต้รุ่งสางที่ยังมืดมิดค่อย ๆ กลับสู่ความสงบ เหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดกำจายอยู่ในสายลมอันหนาวเหน็บ

บริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบชูอวิ๋นมีโรงเตี๊ยมบ้านเรือนกระจายอยู่มากมาย เวลานี้ตะเกียงถูกทยอยจุดขึ้น เสียงอุทานวุ่นวายดังมาจากที่ไกล ๆ เป็นระลอก ๆ

ไม่ต้องสงสัย สุ้มเสียงขนาดนี้ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย

“บัดนี้ ถือว่าผ่านด้านเจ้าได้แล้วหรือไม่?”

บนทะเลสาบ ซูอี้มือหนึ่งถือร่ม พร้อมปริปากเสียงเบา เขากำลังชื่นชมทะเลสาบชูอวิ๋นท่ามกลางสายฝนราตรี ด้วยหน้าตาเรียบนิ่งอ่อนโยน

บนเรือสำเภาไกล ๆ ชายวัยกลางคนในชุดสีม่วงกัดฟันดังกรอด สั่นเทิ้มไปทั้งตัว หน้าตาเต็มไปด้วยความหวาดผวา

เมื่อได้ยินคำพูดซูอี้ เขาบีบยันต์หยกที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแหลกโดยไม่ลังเล

ตึง!

เปลวเพลิงเจิดจ้าฉีกทะลุรัตติกาล ทะยานขึ้นฟ้า

ชั่วขณะนั้น ผืนฟ้าเหนือทะเลสาบชูอวิ๋นสว่างจ้าประหนึ่งเวลากลางวัน

แต่เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น คล้อยหลังเปลวเพลิงสลายไป ทุกสิ่งถูกราตรีกลืนกินอีกครั้ง ทุกอย่างมืดมิดไปหมด สายลมและสายฝนแห่งฤดูใบไม้ร่วงกลายเป็นแต้มสีที่ระบายอยู่ในฟ้าดินผืนนี้โดยไม่อาจลบออกอีกครั้ง

ในไม่ช้า ซูอี้ก็สัมผัสถึงบางอย่าง สายตาทอดมองไปในราตรีห่างไกล ในที่สุด… ก็มาแล้วเหรอ?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset