📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 425

บทที่ 425 - การต่อสู้เพื่อโอกาสไม่มีถูกหรือผิด
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ล่ายจ่างเซียวรีบหลบหนีไปโดยไม่สนใจกระทั่งเยี่ยนจวินซานและพวกที่อยู่ห่างออกไป ก่อนที่เขาจะรีบเผ่นไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า

ปราชญ์เชียนเจวี๋ยบดขยี้ยันต์ลับ ร่างของเขาเต็มไปด้วยหมอกควันสีเลือดก่อนจะหายไปในอากาศ

ตัวตนขอบเขตรวมดาราทั้งสองถอยหนีโดยไม่ต่อสู้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเดียวกันก็เป็นเรื่องยากที่จะหยุดพวกเขา

แต่ดูเหมือนว่าซูอี้จะเตรียมพร้อมไว้แล้ว

ขณะที่ทั้งสองกำลังจะหนีไปได้ ซูอี้ยกปลายนิ้วของเขาขึ้นมา ก่อนตวัดฟันปล่อยปราณดาบออกไปในความว่างเปล่า

ฉัวะ! ฉัวะ!

ปราณดาบสองเล่มวาดขึ้นไปในอากาศ พุ่งฟันไปที่ล่ายจ่างเซียวและปราชญ์เชียนเจวี๋ยตามลำดับ

ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง คล้ายล่ายจ่างเซียวจะสัมผัสได้ ทันใดนั้นเขาก็พลันกู่ร้อง ทำให้เกิดแสงสีดำชั้นหนึ่งก่อตัวเป็นม่านแสงปกคลุมรอบตัวเขาไว้

ลวดลายแสงที่บิดเบี้ยวและแปลกประหลาดซึ่งปรากฏขึ้นบนม่านแสงดูราวกับโล่วิญญาณ

ตูม!!

ปราณดาบฟันออกไป ทำให้ม่านแสงสั่นอย่างรุนแรงก่อนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

…ปล่อยให้ปราณดาบที่เหลืออยู่ตรงเข้าใส่ล่ายจ่างเซียว!

ตัวตนขอบเขตรวมดาราของสำนักเต๋าหยวนหยางผู้นี้ ยามที่ต่อสู้กับซูอี้ก่อนหน้าได้บดขยี้เครื่องป้องกันทั้งหมดลงแล้ว ดังนั้นเวลานี้… เขาจะหยุดดาบสังหารนี้ได้อย่างไร?!

ฟุบ!

แสงดาบส่องประกาย

ศีรษะของล่ายจ่างเซียวกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขาถูกทำลายสิ้น

สำหรับผู้ฝึกตน เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังทลายลง ในสายตาของคู่ต่อสู้แล้วคนผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่รอถูกเชือด

แต่ความจริงที่โหดร้ายกว่านั้นก็คือแม้ว่าตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราอย่างล่ายจ่างเซียวจะอยู่ในช่วงสมบูรณ์พร้อม ทว่าเมื่อเผชิญกับซูอี้… ตัวเขาก็ไม่ต่างอันใดจากมดปลวกคิดเขย่าต้นไม้ ถูกลิขิตให้มีจุดจบเช่นเดียวกับชิวโม่ฉือ!

“หือ?”

ทันใดนั้น ซูอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ดาบของเขาที่ฟาดใส่ปราชญ์เชียนเจวี๋ยถูกสกัดกั้นไว้ได้

ที่ด้านบนของศีรษะของฝ่ายตรงข้าม มีปิ่นสีเงินที่ปรากฏคราบสนิมเป็นหย่อม ๆ กับคราบเลือดแห้งกรังบางส่วน

เป็นปิ่นสีเงินนี้เองที่ปิดกั้นดาบสังหารของซูอี้ลงอย่างง่ายดาย และสลายปราณดาบไปอย่างเงียบ ๆ

“นั่นเหมือน… จะเป็นสมบัติจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับความเสียหาย?”

ซูอี้ประหลาดใจเล็กน้อย ส่วนปราชญ์เชียนเจวี๋ยก็ไม่รอช้า เขาใช้โอกาสนี้รีบเผ่นหนีไปและหายตัวไปไกลในพริบตา

“ซูอี้ วันหนึ่งข้าจะเด็ดหัวเจ้าออกเพื่อล้างอายในวันนี้!!”

ไกลออกไป เสียงดุร้ายเปี่ยมโทสะของปราชญ์เชียนเจวี๋ยดังก้องอยู่เป็นเวลานาน

“แค่เสียงเห่าหอนของสุนัข”

ซูอี้ไม่แม้แต่จะสนใจ

จนถึงตอนนี้เขาได้สังหารชิวโม่ฉือ ล่ายจ่างเซียว และฉี่ฉงจือ ยอดฝีมือขอบเขตรวบรวมดาวสามคนติดต่อกัน ดังนั้นร่องรอยโทสะในหัวใจของเขาจึงถูกระบายออกในที่สุด

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ ตัวตลกตัวกระจ้อยที่กระโดดโลดเต้นกลับส่งผลต่ออารมณ์ได้ มันช่าง… ไม่ควรเลยจริง ๆ…

“นี่มันร้ายกาจเกินไปแล้ว…”

ดวงตาของอสรพิษจิตวิญญาณหิมะสับสน และศีรษะของมันก็มึนงงเล็กน้อย

การต่อสู้นี้กินเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น โดยซูอี้ ตัวตนในขอบเขตไร้เบญจธัญได้สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตรวบรวมดาราสามคนติดต่อกัน!

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะตกใจกับฉากนองเลือดเหล่านั้น และแอบดีใจที่มันไม่ได้เลือกเป็นศัตรูกับซูอี้และคนอื่น ๆ

ไม่เช่นนั้น…

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะไม่กล้าคิดต่อ!

“นี่คือพลังของสัตว์ประหลาด! ทั้งลึกลับและทรงพลังไม่อาจวัดได้ด้วยสามัญสำนึก กับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ ไม่อาจนำผู้คนจากโลกนี้ไปเทียบ…”

หลิงอวิ๋นเหอลอบถอนหายใจ

ถ้าเปรียบเทียบกันจริง ๆ ผู้ฝึกตนในโลกนี้จะไม่อาจฉายแสงได้เลย

“สหายเต๋าซู เราควรทำอย่างไรกับคนเหล่านี้?”

หลิงอวิ๋นเหอรักษาจิตใจของเขาให้มั่นคงและมองไปที่เยี่ยนจวินซานกับผู้ฝึกตนอื่น ๆ ในสำนักเต๋าหยวนหยางที่อยู่ไกล ๆ

คนเหล่านี้หากอยู่ในแคว้นเทียนหนานแห่งต้าเซี่ยก็ถือเป็นบุคคลสำคัญเช่นกัน

แต่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด และไม่กล้าแม้แต่จะหนี

ไม่เห็นหรือว่าล่ายจ่างเซียว ผู้ซึ่งคิดหลบหนีก่อนหน้านี้ถูกดาบตัดหัวคาที่?

“สหายเต๋าซู ข้ายินดีที่จะยอมรับความผิดของข้าและเสียสละสมบัติของข้าเพื่อชดเชยความผิดพลาดในอดีต นอกจากนี้ ข้าสาบานในนามของเจ้าสำนักเต๋าหยวนหยาง ว่าจากนี้ไปข้าจะไม่เป็นศัตรูกับสหายเต๋าอีก!”

หลังสูดหายใจเข้าลึก ๆ เยี่ยนจวินซานก็ประสานหมัดและโค้งคำนับก้มศีรษะให้กับซูอี้

เมื่อสู้ไม่ได้ เขาก็จำต้องก้มหัว!

เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่นจะกล้าลังเลได้อย่างไร?

พวกเขาทั้งหมดต่างก้มศีรษะ

“เมื่อข้าสังหารเจ้าทั้งหมดแล้ว สมบัติในร่างกายของพวกเจ้าก็ยังเป็นของข้าอยู่ไม่ใช่หรือ?”

ซูอี้ยิ้ม

คำพูดเดียวทำให้เยี่ยนจวินซานและคนอื่น ๆ ใจสั่น สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้าน ซูอี้ก็อดที่จะเสียอารมณ์ไม่ได้ ก่อนโบกมือ “ไปซะ”

“ขอบคุณสหายเต๋าที่เมตตา!” เยี่ยนจวินซานสูดหายใจเข้าลึก ขณะถอดจี้หยกคลังเก็บของออกจากร่างกายของเขาแล้ววางลงบนพื้นด้วยความเคารพ ก่อนหันหลังกลับ

คนอื่น ๆ ต่างทำตาม โดยพากันทิ้งสมบัติไว้

หลังจากเดินมาไกลจนกระทั่งไม่เห็นเงาของพวกซูอี้อีก เยี่ยนจวินซานและพวกต่างค่อย ๆ วางใจลง

“หากข้าเป็นสหายเต๋า ข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเสีย ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะไว้ชีวิตพวกเขา”

หลิงอวิ๋นเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“การต่อสู้เพื่อโชคลาภโอกาสไม่มีถูกหรือผิด ยิ่งกว่านั้น ข้าไม่ใช่คนกระหายเลือด และข้าก็ไม่ได้สนใจที่จะฆ่าคนเหล่านี้ด้วยซ้ำ”

ซูอี้พูดขณะเอามือไขว้หลัง ก่อนตรงไปที่ถ้ำ “หยวนเหิง มาเก็บของที่ริบได้ไปซะ ข้าต้องการบรรลุมหาวิถีต่อ ทุกคนโปรดรอที่นี่”

หยวนเหิงรีบจัดการทันที

“สหายเต๋าซู… จริงหรือที่สหายเต๋าซูเป็นเซียนที่สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์?”

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะมองไปที่หลิงอวิ๋นเหอ และอดที่จะถามไม่ได้

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิงอวิ๋นเหอก็พูดว่า “หากมีเทพเซียนบนสวรรค์จริง เช่นนั้นคนผู้นั้นก็ต้องเป็นสหายเต๋าซู”

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะเงียบไปทันทีɴᴏᴠᴇʟɢᴜ.ᴄᴏᴍ

หยวนเหิงผู้ซึ่งกำลังเก็บข้าวของที่ริบได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลไป แม่นางไป๋ ในครั้งนี้เจ้าเองก็ได้ช่วยนายท่านของข้าด้วย หลังจากที่นายท่านบรรลุมหาวิถีแล้ว เขาจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้ายแน่”

หลังจากที่พูด เขาก็หยิบขวดสมุนไพรออกมายื่นให้ “นี่คือยารักษา ไปรักษาบาดแผลของเจ้าเถิด”

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะตะลึงไป ก่อนกล่าวด้วยความซาบซึ่งทันที “ขอบคุณสหายเต๋า”

หยวนเหิงยิ้มและโบกมือ “ด้วยความยินดี เจ้ากับข้าเป็นสัตว์อสูรด้วยกันทั้งคู่ จึงควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ชิงหยากะพริบตาโต ๆ ของนางและถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่หยวนเหิง ท่านชอบพี่ไป๋ใช่หรือไม่?”

หยวนเหิง “…”

อสรพิษจิตวิญญาณหิมะ “…”

คำพูดของหญิงสาวล้วนไร้เจตนาร้าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชิงหยาพูดขึ้นอย่างไม่รู้เรื่องราว แต่มันกลับส่งผลให้ผู้ฟังทั้งสองเขินอายจนไม่กล้าสู้หน้ากัน

หลิงอวิ๋นเหอรีบดึงชิงหยาออกไป ถ้าปล่อยหญิงสาวผู้นี้ไว้ที่นี่ นางจะต้องถามคำถามอีกแน่

ผ่านไปครึ่งวัน

เหนือสระน้ำในถ้ำ ซูอี้ซึ่งนั่งนิ่งไม่ขยับได้ลืมตาขึ้นอย่างเงียบงัน

และเมื่อเขายกฝ่ามือขึ้นมา แสงสีดำวาววับก็พลันก่อตัว!

ชั่วขณะนั้น อากาศที่อยู่ใกล้เคียงพลันเต็มไปด้วยกลิ่นอายเยือกเย็นสุดขีด

“หยินเป็นปราณขุ่น ไร้รูปร่างเหมือนน้ำ เย็นเยือกดุจน้ำแข็ง สามารถควบคุมและหลอมกลั่นจิตวิญญาณ…”

“น่าเสียดายที่ลำพังหยินไม่อาจกำเนิด ลำพังหยางไม่อาจเติบโต การเชี่ยวชาญจังหวะวิถีแห่งหยินเพียงอย่างเดียวมีพลังด้อยกว่าการผสมผสานของ ‘หยินและหยาง’ มากนัก…”

ซูอี้นั่งสมาธิต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืน

จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งบรรลุเชี่ยวชาญในจังหวะวิถีหยินเพียงขั้นต้น

ทว่า ด้วยความรู้และประสบการณ์จากชาติก่อน คงอีกไม่นานนักที่จังหวะวิถีนี้จะได้รับการขัดเกลาถึง ‘ขั้นแตกฉาน’ ‘ขั้นสำเร็จ’ หรือแม้แต่ ‘ขั้นสมบูรณ์’

“พี่ชายซูอี้ ท่านเข้าใจจังหวะวิถีหยินแล้วหรือยัง?” ชิงหยาถามด้วยความสงสัย

ซูอี้พยักหน้า

ชิงหยาอุทานทันที “นี่มันทรงพลังเกินไปแล้ว ตอนที่ข้าอยู่ในสำนัก พวกเขาทั้งหมดบอกว่าข้าเป็นอัจฉริยะในเส้นทางการฝึกฝนเต๋า แต่ตอนที่ข้าเชี่ยวชาญ ‘จังหวะวิถีสวรรค์ชั้นฟ้า’ ข้ากลับต้องหลับไปเจ็ดวันเต็มกว่าที่จะตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของจังหวะวิถีนี้”

“หลังจากหลับไปเจ็ดวันก็บรรลุ?”

มุมปากของหยวนเหิงกระตุก วิธีที่สตรีนางนี้ใช้บรรลุเต๋าก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ฝึกฝนในโลกหล้าอิจฉา

“จังหวะวิถีสวรรค์ชั้นฟ้า?” ซูอี้อดประหลาดใจไม่ได้

จังหวะวิถีในวิถีต้นกำเนิดแบ่งออกเป็น ‘สามขั้นเก้าระดับ’

แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวะเทวะแห่งมหาวิถี ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญนัก

ทว่า ‘จังหวะวิถีสวรรค์ชั้นฟ้า’ กลับเป็นจังหวะวิถีที่ยอดเยี่ยมกว่าจังหวะวิถี ‘สามขั้นเก้าระดับ’ และจังหวะที่หายากอื่น ๆ มากมาย!

ซูอี้ไม่ได้คาดคิดว่าจังหวะวิถีที่ชิงหยาบรรลุจะไม่ธรรมดาเช่นนี้!

“สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ”

ซูอี้ลอบกล่าวในใจ

ยามที่เห็นชิงหยาครั้งแรก เขารู้สึกเพียงว่ารูปลักษณ์ บรรยากาศ และการกระทำบางอย่างของนางคล้ายกับชิงถังศิษย์คนเล็กในชาติก่อนของเขาตอนยังเด็กอยู่สามส่วน

แต่ไม่นานหลังจากเดินทางไปด้วยกัน ตลอดทางนั้นเขาพลันตระหนักว่าพรสวรรค์และรากวิญญาณของชิงหยานั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

รากวิญญาณของมันบริสุทธิ์นัก จัดได้ว่าเป็น ‘กระดูกวิญญาณกายาซ่อนเร้น’ ที่หายาก ตามเกณฑ์การประเมินของเก้ามหาแดนดิน รากวิญญาณดังกล่าวสามารถจัดอยู่ใน ‘ระดับสูง’ ซึ่งมีเพียงหนึ่งในหมื่นเท่านั้น!

ซึ่งพรสวรรค์ของนางก็ไม่ธรรมดาเลย เช่นเดียวกับความเข้าใจของนางที่ยอดเยี่ยม นางเกิดมาเพื่อเป็นมิตรกับกลิ่นอายธรรมชาติ และสามารถรับรู้ร่องรอยของมหาวิถีแห่งสวรรค์และโลกที่ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่อาจรับรู้ได้

ความเข้าใจเช่นนี้ หากอยู่ในเก้ามหาแดนดินย่อมถูกจัดเป็นสัตว์ประหลาดและถูกกลุ่มเต๋าชั้นนำเหล่านั้นแย่งชิงเข้าสำนัก

ตัวอย่างเช่น เมื่อคนธรรมดาเห็นทิวทัศน์ พวกเขาจะพบว่ามันน่ามอง

ทว่าในสายตาของผู้ฝึกตน ทิวทัศน์นี้มี ‘พลังของภูเขา’ และ ‘จังหวะของน้ำ’ ทั้งยังสามารถตรวจจับทิศทางของภูเขาและสายน้ำได้อีกด้วย

ส่วนในสายตาชิงหยา นางสามารถจับและเข้าใจจังหวะเทวะแห่งมหาวิถีที่มีอยู่ในทิวทัศน์นี้ได้!

นี่คือพลังของการทำความเข้าใจที่เหนือล้ำไปอีกขั้น!

อัจฉริยะต่าง ๆ ที่สามารถมองทะลุผ่านได้เล็กน้อยเทียบไม่ได้เลยกับความเข้าใจประเภทนี้ซึ่งใกล้เคียงกับการหลอมเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ

ทว่าชิงหยาไม่เพียงแต่มีรากวิญญาณที่พิเศษอย่าง ‘กระดูกวิญญาณกายาซ่อนเร้น’ แต่ยังมีความเข้าใจที่พิเศษอีกด้วย ในบรรดาผู้ฝึกตนที่ซูอี้ได้พบมีเพียงราชาขนนก เยว่ซือฉาน คนเดียวเท่านั้นที่สามารถเทียบได้!

“พี่ชายซูอี้ ท่านเข้าใจความลึกลับของจังหวะวิถีสวรรค์ชั้นฟ้าด้วยหรือ?” ชิงหยาถามด้วยความสงสัย

นางยังคงไม่รู้ ว่าด้วยสายตาของซูอี้ เขาได้ค้นพบกระทั่งพรสวรรค์และรากวิญญาณของนางมานานแล้ว!

“แน่นอน ถ้ามีเวลาข้าสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฝึกจังหวะวิถีแก่เจ้าได้”

ซูอี้พูดอย่างไม่ใส่ใจ

ไม่เพียงแต่เขาจะรู้จักจังหวะวิถีนี้เท่านั้น แต่เขายังรู้ด้วยว่าควรฝึกฝนเคล็ดวิชาแบบใดที่จะเพิ่มพลังของจังหวะเทวะแห่งมหาวิถีนี้ให้ได้มากที่สุด!

ทว่า อาจเนื่องมาจากความคล้ายคลึงกันระหว่างชิงหยาและชิงถัง แม้ว่าซูอี้จะชื่นชมชิงหยา แต่เขาไม่ได้ตั้งใจจะรับนางเป็นศิษย์

ชิงหยายิ้มอย่างมีความสุขและพูดอย่างอ่อนหวาน “ถ้าอย่างนั้นข้าต้องขอบคุณพี่ชายซูอี้ล่วงหน้า! ในอนาคต ข้าจะเลี้ยงลูกท้อเพลิงท่านเยอะ ๆ!”

หลิงอวิ๋นเหอที่เงียบอยู่นานทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาไอแห้ง ๆ แล้วพูดขึ้น “สหายเต๋าซู จะทำอย่างไรกับชีพจรหยินสัมบูรณ์ที่ฝังอยู่ใต้สถานที่นี้ต่อหรือ?”

เขารีบเปลี่ยนเรื่อง ด้วยเกรงว่าซูอี้จะหวั่นไหวแล้วลักพาตัวชิงหยา สมบัติของหอดาบหนึ่งสวรรค์ไป

เมื่อพูดถึงชีพจรหยินสัมบูรณ์ อสรพิษจิตวิญญาณหิมะซึ่งอยู่ไม่ไกลก็มองไปที่ซูอี้ในพลัน

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset