📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 359

บทที่ 359 - ขอเชิญอาจารย์ลุงลงมือสังหารซูอี้ด้วย
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ข้างกายหงหยาง เสอจื่ออิ๋งในชุดสีฉูดฉาด ใช้สองแขนกอดรอบดันทรวงอกขึ้นพลางแค่นเสียง

“ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่หงหยางเห็นแก่ความสัมพันธ์ร่วมสำนักจึงต้องการช่วยเหลือเจ้าคนทรยศ แต่ไม่คิดว่าเจ้าคนทรยศนี่จะไม่รู้ดีชั่วหักหน้าศิษย์พี่หงหยาง จริงอย่างที่คำโบราณว่าไว้ คนที่น่าสงสารล้วนมีจุดโสมมทั้งสิ้น*[1]”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ศิษย์สำนักวงเดือนต่างตกอยู่ในความโกลาหล

หงหยางถอนหายใจยาวก่อนโบกมือ “จื่ออิ๋ง ไม่ต้องพูดแล้ว เป็นความผิดข้าเองที่ยังนึกถึงความสัมพันธ์เก่าก่อนมากเกินไป”

ด้วยท่าทีใจกว้างและเปิดเผยของหงหยาง ทำให้มีหลายคนรู้สึกไม่ยุติธรรมแทน

ฉาจิ่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้

เพื่อเอาใจหงหยางแล้ว เสอจื่ออิ๋งพยายามกดนางทุกวิถีทางจริง ๆ

สำหรับหงหยาง เขาใช้โอกาสนี้แสดงบุคลิกและนิสัยของตัวเองออกมา

ช่างเป็นคู่ชายหญิงที่น่าขันเสียกระไร!

“ฉาจิ่น เจ้าจะยังไม่โดนจับตอนนี้ แต่รอคำตัดสินก่อนเถิด!”

ชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่งในชุดเลิศหรูตะโกนเสียงดังราวกับฟ้าผ่า

ฉาจิ่นเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ศิษย์น้องฟางซิว ยามอยู่ในสำนักข้าดูแลเจ้าไม่น้อย ก่อนนี้หากไม่ใช่เพราะข้า เกรงว่าเจ้าคงไม่ได้เข้าเป็นศิษย์สายในเร็วถึงเพียงนี้! ทำไมกัน? …ตอนนี้เจ้าคิดเนรคุณและเหยียบข้าขึ้นไปรึ?”

นางทั้งผิดหวังและโกรธเคือง

ศิษย์สำนักวงเดือนมองกันและกัน เพราะสิ่งที่ฉาจิ่นพูดนั้นถูกต้อง กระทั่งที่ฟางซิวได้เข้ามาฝึกในสำนักวงเดือนก็เพราะอาศัยความสัมพันธ์กับฉาจิ่น!

ได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของฟางซิวก็ดิ่งลง เขากล่าวอย่างโมโห “นังแพศยา! ตอนนี้เจ้าเป็นคนทรยศของสำนัก! หากข้ายังเห็นแก่น้ำใจในอดีต ไม่ใช่ว่าข้าเองก็ไม่จงรักภักดีต่อสำนักรึ?”

คำพูดดูชอบธรรมและคมคายนัก

ฝูงชนโห่ร้องเสียงดัง

ในฐานะลูกศิษย์สำนักวงเดือน พวกเขาควรขีดเส้นแบ่งกับคนทรยศให้ชัดเจน!

ฟางซิวพลันยิ้มอย่างภูมิใจ

“ช่างไร้ยางอาย!”

ซูอี้เหลือบมองฟางซิว ขณะที่มีประกายวาบผ่านในดวงตาของเขา

ด้วยขอบเขตฝึกฝนของเขา ณ ตอนนี้ สามารถสังหารเทพเซียนเดินดินได้อย่างง่ายดาย จะนับประสาอะไรกับตัวตนเล็กจ้อยเช่นนี้?

ด้วยเสียง ‘ตุบ!’ ฟางซิวพลันคุกเข่าบนพื้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งทื่อ มีเลือดออกมาจากรูทวารทั้งเจ็ด …ตายคาที่!

ฝูงชนที่พากันปรบมือเมื่อครู่ต่างหวาดกลัวจนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

ฉับพลันหลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความตระหนกดังขึ้น

“ใคร… ใครสังหารศิษย์น้องฟางซิว!?”

“บัดซบ มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”

“เป็นคนผู้นั้น!”

สายตาหลายคู่หันไปมองซูอี้ด้วยความโกรธเคือง

ก่อนนี้พวกเขาเมินเฉยตัวตนของซูอี้ คิดว่าเป็นเพียงสมาชิกของตระกูลเสิ่นที่ติดตามมา เพื่อให้แน่ใจว่าฉาจิ่นจะมารับโทษจากสำนัก

แต่ยามนี้ พวกเขาตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ…

เพราะคนผู้นี้กล้าสังหารคนหน้าประตูสำนักวงเดือน!!

ฉาจิ่นเองก็ประหลาดใจ

เท่าที่นางรู้ ด้วยนิสัยของซูอี้ เขามักเกียจคร้านเกินกว่าจะสนใจตัวละครเล็ก ๆ เหล่านี้

“เขาทำให้ข้านึกถึงฉางกั้วเค่อ”

ซูอี้กล่าวสบาย ๆ อย่างแฝงด้วยอารมณ์บางอย่าง

ฉาจิ่นพลันเข้าใจ ซูอี้คือผู้มีพระคุณของฉางกั้วเค่อ แต่ก็เป็นศัตรูของสำนักดาบเร้นมังกร ซึ่งครั้งหนึ่งทำให้ฉางกั้วเค่อตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉางกั้วเค่อไม่เคยมีท่าทีจะเนรคุณเลย

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฟางซิวน่ารังเกียจและไร้ยางอายเกินไป

“เหตุใดพวกเจ้าจึงทำเสียงดังกันที่นี่?”

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นจากด้านในสำนัก ชายวัยกลางคนในชุดดำเดินออกมาด้วยสีหน้าโกรธเคือง

จ้าวฉือ!

ผู้ดูแลฝ่ายในของสำนักวงเดือน

“ผู้ดูแลจ้าว! คนผู้นั้นสังหารคนหน้าประตูสำนักวงเดือนของพวกเรา!”

ศิษย์สำนักวงเดือนพากันเปิดปากกล่าวทีละคนพลางชี้ไปยังซูอี้ที่อยู่ไกลออกไป

สีหน้าของจ้าวฉือเริ่มมืดหม่น สายตาดุจสายฟ้าของเขากำหนดเป้าไปยังซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไป พลางกล่าวอย่างเฉียบขาด

“เจ้าเป็นใครกัน กล้ามาก่อเรื่องหน้าประตูสำนักวงเดือนของข้า? รีบบอกนามมา ไม่เช่นนั้นจะตายโดยไร้ที่ฝัง!”

เสียงนั้นสั่นสะเทือนท้องฟ้า

หงหยางเองก็ใช้โอกาสนี้กล่าวเสียงเย็น “ฉาจิ่น ยังไม่ให้คนของเจ้ายอมรับผิดแล้วรอการลงโทษอีกหรือ?”

เสอจื่ออิ๋งเอ่ยอย่างโมโห “ช่างเสียสติและไร้กฎเกณฑ์เสียจริง!”

การปรากฏตัวของจ้าวฉือ คล้ายทำให้พวกเขาได้รับแรงหนุนหลัง

“ไม่มีตัวตนที่พอจะสะดุดตาบ้างเลยหรือนี่?”

ซูอี้ส่ายหัวน้อย ๆ ราวกับผิดหวัง

จากนั้นเขาแหงนหน้ามองขึ้นไปบนยอดของหุบเขารังอสูรด้วยสายตาลึกล้ำ แล้วกล่าวอย่างสงบว่า

“เจ้าสำนักวงเดือนอยู่ที่ใดกัน? จงรีบออกมาเสีย ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่ซูผู้นี้ฟันประตูสำนักทิ้งด้วยดาบแล้วลบสำนักวงเดือนของเจ้าให้หายไปจากโลก!”

เสียงคำรามนั้นสะท้อนไปยังสวรรค์และโลก สร้างแรงสะเทือนที่ทำให้จิตวิญญาณของศิษย์สำนักวงเดือนสั่นสะท้าน ปราณและเลือดปั่นป่วน

สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดเปลี่ยนไป มันเผยความไม่อยากเชื่อออกมา ชายผู้นี้เสียสติหรือไรกัน เขากล้าท้าทายเจ้าสำนักวงเดือนของพวกเราเชียวรึ?

จ้าวฉือตัวแข็งค้าง ‘ซูผู้นี้?’ หรือว่าชายหนุ่มในชุดคลุมคือคนจากต้าโจวนั่น!?

เวลานี้เสียงอันสง่างามได้ดังมาจากหุบเขารังอสูร

“ซูอี้ ในที่สุดเจ้าก็มา!”

ถ้อยคำที่กล่าวออกเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า

ซูอี้!?

ทันใดนั้นศิษย์สำนักวงเดือนในบริเวณนั้นทั้งหมดตะลึงงันราวกับโดนฟ้าผ่า

จะมาตีอกชกตัวตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว! ใครจะไปคิด… ว่าชายหนุ่มในชุดคลุมที่ติดตามฉาจิ่นมาจะเป็นอัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจวที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเวลานี้โน เวล กู ดอท คอม

ซูอี้

ตัวตนอันน่าสะพรึง!

“เป็นเขานี่เอง!”

จ้าวฉือสูดไอเย็น ความเหน็บหนาวแล่นไปตามกระดูกสันหลังของเขา

เมื่อคิดว่าเมื่อครู่นี้… ตัวเขาเพิ่งบอกว่าจะทำให้ซูอี้ตายโดยไร้ที่กลบฝัง!!

“อะไรนะ? ขะ เขา …คือซูอี้?”

ดวงตาของหงหยางเบิกกว้าง หัวชาหนึบ

เมล็ดพันธุ์ฝึกฝน หนึ่งในเจ็ดบุตรแห่งจันทราผู้นี้ราวกับถูกทุบอย่างแรง ทั่วร่างรู้สึกหนาวเหน็บ

มองดูเสอจื่ออิ๋งอีกรอบ อีกฝ่ายเองก็ยืนอยู่แบบเดิม ทว่าหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นศิษย์สำนักวงเดือน จึงเข้าใจความแข็งแกร่งและความน่าสะพรึงของซูอี้มากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป นี่คือชายผู้สังหารเทพเซียนเดินดินลงไปมากกว่าสิบคนในคราเดียว!

เห็นภาพนี้ก็ทำให้ฉาจิ่นตระหนักว่า กระทั่งในต้าเว่ย ชื่อเสียงเรียงนามของซูอี้ก็ยังเป็นที่รู้จักของทุกผู้ทุกคน!

ติ๊งงง!

เสียงก้องกังวานดุจบทเพลงดังขึ้น ร่างหนึ่งวาบผ่านความว่างเปล่าไป เขาสวมชุดสีน้ำเงินเข้มงดงาม ผมยาวส่วนหนึ่งถูกรัดเกล้าอย่างดี ปล่อยให้ปลายผมพลิ้วไหว ท่วงท่าดูทรงพลังราวกับมหาสมุทรใหญ่

เป็นฉู่อวี้โค่ว เจ้าสำนักวงเดือน ผู้ฝึกตนขั้นปลายในขอบเขตไร้เบญจธัญ!

“คาราวะท่านเจ้าสำนัก!”

ผู้คนที่ตะลึงไปราวกับถูกปลุกตื่นจากฝัน พวกเขาพากันทักทายขึ้นทีละคน ความหม่นหมองและตื่นตระหนกหายไปดุจพบเสายึดแล้ว

“พวกเจ้าจงกลับเข้าไปด้านใน”

ฉู่อวี้โค่วโบกมือ

“ขอรับ!”

ทุกคนต่างรับคำสั่ง และจากไปอย่างโล่งอกทีละคน

พวกเขาต่างสำเหนียกพอที่จะไม่ไปเผชิญหน้ากับตัวตนน่าสะพรึงอย่างซูอี้

ซูอี้เมินตัวละครเล็ก ๆ เหล่านี้อย่างสิ้นเชิง

เขามองไปยังฉู่อวี้โค่วแล้วกล่าวอย่างเฉยชา “บอกข้าว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องการจัดการกับฉาจิ่น ระดับสำนักวงเดือนของเจ้าน่าจะรู้ดีว่านางเป็นคนข้างกายข้า แต่เจ้ายังกล้าทำเช่นนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องการตายกันนัก หรือแค่การตายของอวิ๋นจงฉียังไม่เพียงพอกัน?”

อวิ๋นจงฉี!

การพูดถึงนามของผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวงเดือนเช่นนั้น ทำให้สีหน้าของฉู่อวี้โค่วพลันย่ำแย่ ความเศร้าและเจ็บปวดปรากฏที่หว่างคิ้วของเขา

“ในสายตาของเจ้า ซูอี้ เจ้าเพียงสังหารคนไปหนึ่งคน แต่ในสายตาของข้าฉู่อวี้โค่ว คนที่เจ้าสังหารไปคือญาติใกล้ชิดของข้า!”

สีหน้าของฉู่อวี้โค่วดูเย็นชา “อวิ๋นจงฉีคืออาจารย์ของข้า เขาเป็นคนพาข้าเข้ามายังสำนักวงเดือนแห่งนี้ สั่งสอนและเลี้ยงดูข้าดุจบุตรชาย ในใจข้าถือว่าเขาเป็นบิดามานานแล้ว เจ้าคิดว่าข้าควรแก้แค้นหรือไม่เล่า?”

ซูอี้ขมวดคิ้วน้อย ๆ แล้วกล่าว “หากเป็นเช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่ประกาศสงครามกับข้าโดยตรง แต่กลับใช้ลูกไม้น่ารังเกียจเช่นนี้กับสตรีคนหนึ่ง?”

ฉู่อวี้โค่วกล่าวเสียงเย็น “หากไม่ใช้ฉาจิ่นเป็นเหยื่อล่อ แล้วจะนำตัวเจ้ามาปรากฏที่อาณาเขตต้าเว่ย และหน้าประตูสำนักได้รึ?”

ซูอี้พลันเข้าใจในที่สุด “ที่แท้เป็นเช่นนี้ ข้าเองก็สัมผัสได้ตั้งแต่อยู่ที่ตระกูลเสิ่นแล้วว่ามันค่อนข้างประหลาด กลายเป็นว่าเป้าหมายของสำนักวงเดือนคือจัดการกับข้านี่เอง”

ทันใดนั้นเขาก็เหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วกล่าว “หากเจ้ากล่าวเช่นนั้น ย่อมหมายความว่าสำนักวงเดือนมั่นใจว่าจะเอาชนะซูผู้นี้ลงได้งั้นรึ?”

“แน่นอน!”

สีหน้าของฉู่อวี้โค่วเรียบเฉย ดวงตาของเขาเย็นชาขณะกล่าว “ตัวเจ้าซูอี้แข็งแกร่งยิ่งนัก แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เทพเซียนเดินดินในโลกนี้หวาดกลัว แต่วันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง!”

ในน้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเกลียดชังอย่างไม่ปกปิด

เวลานี้เย็นแล้ว แสงอาทิตย์ที่ลุกไหม้จึงปกคลุมหุบเขารังอสูรที่ตั้งตระหง่านเอาไว้ด้วยรัศมีอันงดงาม

เบื้องหน้าประตูหุบเขาใหญ่นี้ ซูอี้เผชิญหน้าฉู่อวี้โค่วจากไกล ๆ สร้างบรรยากาศเย็นยะเยือกและหม่นหมอง ขณะที่ยอดฝีมือของสำนักวงเดือนซึ่งเฝ้ามองประตูสำนักอยู่ต่างกลั้นหายใจแล้วมองดูอย่างกระวนกระวาย

เห็นเช่นนี้ซูอี้ก็ยิ้มออกมา ราวกับถูกความสนใจกระตุ้น เขากล่าว “อ้อ เห็นเจ้ามั่นใจเช่นนี้ย่อมต้องมีที่พึ่งบางอย่าง แสดงออกมาสิ”

เขามองขึ้นไปบนฟ้าแล้วกล่าว “ข้าไม่สนใจใช้เวลาค่ำคืนบนส่วนลึกของภูเขาเช่นนี้…”

“ฮึ่ม!”

ฉู่อวี้โค่วแค่นเสียง ก่อนสูดลมหายใจ แล้วประสานหมัดคำนับไปยังทิศส่วนลึกของหุบเขารังอสูร ก่อนกล่าว

“ขอเชิญอาจารย์ลุงลงมือสังหารซูอี้ เพื่อแก้แค้นให้กับท่านอวิ๋นจงฉี!”

เสียงนั้นกระจายออกไปไกล

เคร้ง!

เสียงร้องเย็นยะเยือกเสียดกระดูกของดาบพลันดังขึ้นท่ามกลางอาทิตย์อัสดง

คราแรกเสียงของดาบไม่ชัดนัก ทว่าต่อมามันก็ค่อย ๆ ดังขึ้นและเร่าร้อน จากนั้นก็เริ่มเหมือนพายุกระหน่ำ ดุจคลื่นสึนามิ ก่อนกลายเป็นเสียงดั่งบดขยี้ฟ้าดินกึกก้องกังวานไปทั่วทุกทิศ

ครืน!

ภายใต้สายตานับไม่ถ้วนของสำนักวงเดือน ทะเลเมฆบนท้องฟ้าที่ปั่นป่วนถูกแหวกออกดุจโดนผ่าและขยายออกไปนอกบริเวณประตูหุบเขา

ณ จุดสิ้นสุดของรอยแยก มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศสวมชุดเทา มีคิ้วคมเข้มและดวงตาดุจดวงดารา ผมยาวถูกรวบเป็นมวย เสียบด้วยมีดบินสีเขียวขุ่น

เขาไขว้มือไว้ด้านหลัง ซึ่งขณะที่คนผู้นี้ปรากฏตัว เสียงคำรามของดาบบนท้องฟ้าพลันเงียบลง และทั้งโลกก็เงียบสงัด

เมฆสีที่สะท้อนลงมาทำให้ร่างของเขาปกคลุมด้วยแสงสว่างจนผู้คนไม่กล้าที่จะมองดูตรง ๆ

“ผู้อาวุโสใหญ่!”

ในหุบเขารังอสูร ทั่วทั้งสำนักวงเดือนต่างตื่นเต้นยินดี และแสดงสีหน้าที่ทั้งเคารพและคลั่งไคล้

ใบหน้างดงามของฉาจิ่นเองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน ด้วยนางจะไม่รู้จักตำนานในอดีตของผู้อาวุโสใหญ่ท่านนี้ได้อย่างไร?

ห้าสิบปีก่อน… เขาคือเทพเซียนเดินดินที่อายุน้อยที่สุดในต้าเว่ย เชี่ยวชาญในวิถีดาบจนผู้ฝึกดาบทั่วโลกไม่กล้าเงยหน้าขึ้น!

ยามนี้ห้าสิบปีให้หลัง ระดับการฝึกฝนของเขาจะน่าสะพรึงเพียงใดกัน?

“ไม่คาดคิดว่าสำนักวงเดือนจะมีตัวตนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่”

ซูอี้เองก็ตกใจน้อย ๆ เช่นกัน

[1] คนที่น่าสงสารล้วนมีจุดโสมมทั้งสิ้น เป็นสำนวน ซึ่งมีความหมายว่า คนที่เจอเรื่องร้ายล้วนเป็นเพราะเคยทำไม่ดีเอาไว้

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset