📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 355

บทที่ 355 - พลีชีพกับสนับสนุน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ถึงซูอี้จะขี้เกียจเอามาก ๆ

ทว่าเขาไม่ใช่พวกไร้หัวใจ เมื่อเห็นว่าฉาจิ่นเกิดเรื่อง ชายหนุ่มย่อมไม่อาจเพิกเฉยดูดายได้เป็นธรรมดา

วันเดียวกันนั้น เขาขี่อินทรเกล็ดเขียวของหนิงซือฮวาออกจากตำหนักเทียนหยวนพร้อมกับฉาจิ่น

——

อาณาจักรต้าเว่ยตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของอาณาจักรต้าโจว มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ หนาวเหน็บตลอดทั้งปี ในช่วงเวลาหนึ่งปีมีหิมะตกมากกว่าครึ่งปี

ด้วยเหตุนี้ อาณาจักรต้าเว่ยจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เมืองหิมะ’

ภายในอาณาจักรต้าเว่ยให้ความนิยมการฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ล้วนภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์

นครหลวงเทียนเชวีย

เมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าเว่ยมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นด้านกำลังคนหรือเศรษฐกิจ ทั้งหมดล้วนไม่ด้อยไปกว่านครหลวงอวี้จิงของอาณาจักรต้าโจวเลย ถึงขั้นรุ่งเรืองยิ่งกว่าเสียอีก

วันที่สิบเจ็ดเดือนห้า

ท้องฟ้ามืดครึ้ม หิมะขนาดเท่าขนห่านปลิวว่อน ลมหนาวเหน็บราวกับมีดเชือดเฉือนลงบนกระดูก

ห่างจากนครหลวงเทียนเชวียออกไปหลายลี้ ซูอี้กับฉาจิ่นสั่งอินทรีเกล็ดเขียวให้ร่อนลง

หิมะปกคลุมแผ่นดิน เหยียบลงไปเกิดเสียงดังฉึบ ๆ

มองออกไปไกล หิมะขาวปกคลุมไปทั่ว ลมหนาวพัดกระโชก ทุกอย่างเวิ้งว้าง

ถึงแม้ซูอี้จะสวมเพียงชุดคลุมยาวสีเขียวตัวบาง ทว่ากลับไม่รู้สึกหนาวเหน็บแม้แต่น้อย เขากล่าวเนิบ ๆ “อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ก่อเตาดินแดงขึ้นมาสักเตา ล่องเรือบนแม่น้ำน้ำแข็ง เตรียมสุราฤทธิ์แรงสักไห ด้านหนึ่งชมความงดงามของแม่น้ำหิมะ อีกด้านหนึ่งต้มหม้อไฟ สบายอารมณ์อย่างที่สุด”

ฉาจิ่นนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นหัวเราะพลางกล่าว “คุณชายอารมณ์ดีเสียจริง ไกลออกไปสิบลี้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของนครหลวงเทียนเชวีย มีแม่น้ำใหญ่แห่งหนึ่งชื่อว่า ‘ทะเลสาบเชียนเสวี่ย’ ที่ตรงนั้นมีภูเขาล้อมรอบ มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี กลางแม่น้ำมีปลาใหญ่ประเภทหนึ่งชื่อว่า ‘ปลาชิงซัว’ ขึ้นชื่อว่าเป็นปลาเลิศรสในต้าเว่ย เมื่อมีเวลาว่าง ข้าจะพาคุณชายไปชิม พวกเราไปพายเรือในแม่น้ำเล่น ดื่มสุราต้มหม้อไฟกัน”

“แล้วแต่โอกาสเถิด นึกอยากจะไปแล้วค่อยไป หากไม่อยากไป ไปแล้วก็ไม่สนุก ไปกัน ไปที่บ้านเจ้ากันก่อน”

สองมือของซูอี้ไพล่หลัง เดินนำออกไปก่อนแล้ว

ฉาจิ่นตบปีกของอินทรีเกล็ดเขียวเบา ๆ ด้วยความใกล้ชิด กล่าว “ชิงเอ๋อร์ เจ้าจงรออยู่ตรงนี้ เมื่อข้ากับคุณชายจัดการธุระเสร็จ ค่อยเดินทางกลับสู่อาณาจักรต้าโจว”

อินทรีเกล็ดเขียวพยักหน้า จากนั้นขยายปีกทั้งสองบินร่อนออกไป

นครหลวงเทียนเชวียมีความใหญ่โตยิ่งนัก ตั้งตระหง่านอยู่บนผืนแผ่นดิน กำแพงเมืองสีดำราวกับมังกรใหญ่คดเคี้ยว แลดูเด่นชัดบนผืนแผ่นดินสีขาวสว่าง

บริเวณประตูเมืองมีผู้คนผ่านไปมามากมาย เบียดเสียดคึกคัก ผู้ฝึกยุทธ์พกดาบสะพายกระบี่ก็มีจำนวนไม่น้อย

ถึงแม้การปรากฏตัวของซูอี้กับฉาจิ่นจะเป็นที่จับตามองของคนจำนวนไม่น้อย ทว่าก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความระส่ำระสายอันใด

ในอาณาจักรต้าโจว ซูอี้เป็นคนหนุ่มในตำนานผู้มีชื่อเสียงดังทั่วใต้หล้า และเป็นอัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจวซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากองค์รัชทายาทโจวจือหลี

ทว่าในนครหลวงเทียนเชวียแห่งอาณาจักรต้าเว่ยแห่งนี้ ซูอี้เป็นเพียงแค่หนุ่มน้อยแปลกหน้าที่ไม่มีใครรู้จักคนหนึ่งเท่านั้น สาเหตุที่ตกเป็นเป้าสายตาก็เพราะความงดงามโดดเด่นของฉาจิ่นผู้อยู่ข้างกาย

มาถึงนครหลวงเทียนเชวีย เห็นได้ชัดว่าฉาจิ่นมีอาการตื่นเต้นไม่น้อย ทว่าความกลัดกลุ้มที่แสดงออกมาทางสีหน้ากลับไม่ลดน้อยลงไปเลย ทั้งยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ยิ่งใกล้ถึงบ้านก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น ที่นี่เป็นสถานที่ที่นางพำนักอาศัยมาตั้งแต่เด็กจนโต

ทว่ากลับมาในครั้งนี้ เป็นเพราะทางบ้านเกิดเหตุ ทำให้นางรู้สึกดีใจไม่ออก

เข้ามาในเมือง ฉาจิ่นจ้างรถม้าคันหนึ่ง มุ่งหน้าเดินทางกลับสู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวงเทียนเชวียกับซูอี้

ตระกูลเสิ่น เป็นตระกูลใหญ่สุดยอดในจำนวนที่นับนิ้วได้ของอาณาจักรต้าเว่ย

เมื่อหลายสิบปีก่อน เสิ่นฉางคงผู้นำตระกูลได้รับการแต่งตั้งจากจักรพรรดิเว่ยให้เป็น ‘จวิ้นอ๋อง’ กล่าวได้ว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่มาก

จวนของตระกูลเสิ่นก่อสร้างขึ้นในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของนครหลวงเทียนเชวีย มีเนื้อที่นับร้อยไร่ มีสวนหลายแห่ง เรือนหลายหลัง ลำพังเพียงแค่บ่าวรับใช้ก็มีจำนวนหลายร้อยคนแล้ว แลดูยิ่งใหญ่อลังการมาก

เมื่อนั่งรถม้ามาจนใกล้จะถึงจวนตระกูลเสิ่น ฉาจิ่นก็รู้สึกลังเลขึ้นมา พลางกล่าวเบา ๆ “คุณชาย ข้า… ข้าอยากจะกลับไปดูสถานการณ์เองเพียงลำพังก่อน”

ซูอี้พยักหน้า

เพียงแค่มองเขาก็รู้ว่าฉาจิ่นเป็นห่วงว่าหากพาตนเองกลับไปบ้านด้วย จะโดนซักถามจนอาจทำให้กลายเป็นเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็นขึ้นมาได้

เพราะอย่างไรเสีย ฉาจิ่นก็เป็นถึงบุตรสาวของผู้นำตระกูลเสิ่น การที่จู่ ๆ พาผู้ชายแปลกหน้ากลับมาด้วย จะกลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากนั้นฉาจิ่นจึงรีบเดินทางกลับไปเพียงคนเดียว

ซูอี้คิดสักครู่แล้วจึงลงจากรถม้า ตั้งใจว่าจะหาโรงสุราใกล้ ๆ สักแห่งเพื่อดื่มให้สบายตัว

ทว่าหาโรงสุรายังไม่พบ กลับมองเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่งอยู่ไกล ๆ

คน ๆ นั้นสวมชุดคลุมยาวสีแดง ท่าทางสง่าผ่าเผย รูปงามหล่อเหลา มีบ่าวรับใช้เฒ่าสองคนติดตาม เดินส่ายอาด ๆ เข้ามาในประตูจวนตระกูลเสิ่น

“ที่แท้ก็เป็นเขานั่นเอง”

ซูอี้ขมวดคิ้วครุ่นคิดสักครู่จึงนึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มชุดสีแดงคนนี้มีชื่อว่าลู่หาว ซึ่งเป็นศิษย์พี่ของฉาจิ่น

ตอนที่อยู่มหานครอวิ๋นเหอ คน ๆ นี้เคยใช้ยันต์ดาบฟันตนเองอย่างลับ ๆ

ต่อมาตอนอยู่ที่มหานครกุ่นโจว คน ๆ นี้พาหลิ่วหงฉีผู้อาวุโสหนุ่มของสำนักวงเดือนมาหาเรื่องตนเองถึงเรือนพำนักหินศิลา

ผลปรากฏว่า หลิ่วหงฉีถูกตนเองฆ่าตาย ส่วนลู่หาวคนนี้กลับหนีรอดไปได้

ซูอี้ยังจำได้ว่า ตอนที่เจ้าหนุ่มคนนี้หนีไปยังตะโกนด้วยความเคียดแค้นว่าวันข้างหน้าจะต้องกลับมาล้างแค้น

ไม่นึกเลยว่า หลังจากวันเวลาผันผ่านไปหลายเดือน กลับมาเจอกับเจ้าหนุ่มคนนี้อีกครั้งที่นครหลวงของอาณาจักรต้าเว่ย

“หรือว่า เรื่องที่ตระกูลเสิ่นประสบจะมีความเกี่ยวข้องกับสำนักวงเดือน?”

ซูอี้คิดสักครู่ แล้วก็รู้สึกไม่อยากจะดื่มสุราอีก ฉับพลันเขาก็มาถึงบริเวณที่ใกล้กับกำแพงรั้วจวนตระกูลเสิ่น ยืนสงบนิ่ง

ทว่าจิตสัมผัสของเขากำลังกวาดมองเข้าไปในจวนตระกูลเสิ่นอย่างเงียบงัน

——

จวนตระกูลเสิ่น

“พี่ชาย ในจดหมายบอกมาว่า… พี่ถูกจับไม่ใช่หรือ?”

ฉาจิ่นเบิกตาโพลง ทำสีหน้ายากนักจะเชื่อ

นางไม่คาดคิดมาก่อนว่า บ่าวรับใช้จะพามาพบกับเสิ่นเหยียนสิง ผู้เป็นพี่ชายคนโตของตัวเอง

“น้องสาว อย่าเพิ่งถามตอนนี้ ข้าจะพาเจ้าไปพบกับท่านพ่อก่อน”

เสิ่นเหยียนสิงถอนใจยาว ๆ สีหน้าดูสับสน

เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้างดงามประดุจหยก มีหน้าตาคล้ายคลึงกับฉาจิ่น เป็นบุรุษหนุ่มรูปงามในอาณาจักรต้าเว่ย

ตอนนี้ดำรงตำแหน่งเป็น ‘เสนาปราบปรามลงอาญา’ ในวังของต้าเว่ย รับฟังพระราชโองการของจักรพรรดิเว่ยโดยตรง และยังเคยได้รับคำชมเชยจากจักรพรรดิเว่ยอีกด้วย

“พี่ชาย เรื่องนี้ที่แท้มันเป็นอย่างไรกันแน่? เหตุใดจึงต้องเขียนจดหมายโกหกข้าด้วย?”

เดิมทีฉาจิ่นรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของบิดากับพี่ชายเป็นอย่างมาก ทว่าเวลานี้กลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลราวกับโดนหลอก

เสิ่นเหยียนสิงไม่ค่อยกล้าสบตาฉาจิ่น พลางกล่าว “พบกับท่านพ่อแล้วเจ้าก็จะเข้าใจ”

พูดพลางหมุนตัวเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลเสิ่น

ฉาจิ่นรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก ทว่ายังคงเดินตามไปโนเวลกูดoทคอม

ตลอดทางที่เดินนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าจะพบกับญาติสนิทในตระกูลเสิ่น หรือบ่าวรับใช้ทหารองครักษ์ สายตาที่พวกเขามองดูตนเองนั้นล้วนส่อแววประหลาด

“ที่แท้… มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? หรือว่าเรียกให้ข้ากลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะทางบ้านเกิดเรื่องเช่นนั้นหรือ?”

ฉาจิ่นเกิดความสงสัยมากมายขึ้นในใจ

เมื่อไปถึงห้องโถงใหญ่แล้ว ก็เห็นว่าในห้องโถงใหญ่อันโอ่อ่ากว้างขวางมีผู้ใหญ่ในตระกูลอยู่พร้อมหน้ากันแล้ว พวกเขาต่างก็นั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งสองข้างของห้องโถง

คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสในตระกูลของนาง บ้างก็ทำหน้าที่เป็นผู้อาวุโส บ้างก็ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแล

ทว่าบนที่นั่งประธานซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง มีชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขามนั่งอยู่ หนวดเครายาวสยาย ระหว่างดวงตาทั้งสองราวกับมีประกายไฟเย็นวาบปรากฏ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

เขาก็คือเสิ่นฉางคงผู้นำตระกูลเสิ่น หนึ่งในแปดจวิ้นอ๋องของต้าเว่ย ผู้แข็งแกร่งซึ่งย่างเข้าสู่ขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน และมีชื่อเสียงระบือไปทั่วแผ่นดินต้าเว่ย

เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งหลายของตระกูลมารวมตัวกันเช่นนี้ ฉาจิ่นจึงรู้สึกตื่นตระหนกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมองเห็นเสิ่นฉางคงผู้เป็นบิดาแล้ว นางก็ไม่อาจยับยั้งความสงสัยภายในใจไว้ได้อีก แล้วถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

“ท่านพ่อ ท่าน… ท่านไม่ได้เป็นไรเช่นนั้นหรือ?”

ในจดหมายที่นางได้รับ บอกว่าบิดาของนางถูกถอดจากตำแหน่ง ‘จวิ้นอ๋อง’ ล้มป่วยลุกไม่ขึ้น ทั้งตระกูลสับสนปั่นป่วน

และพี่ชายของนางเสิ่นเหยียนสิงถูกจับ…

ทว่าเวลานี้ นางรู้สึกสับสนงงงวยขึ้นมา ทุกสิ่งที่กล่าวมาในจดหมายดูเหมือนจะไม่ใช่ความจริง!

“ลูกรัก ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

เสิ่นฉางคงลุกขึ้น สายตามีแต่ความสับสน

ลักษณะเช่นนี้ไม่เหมือนกับอาการปลื้มปีติเวลาที่พ่อกับลูกได้พบหน้ากันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน สีหน้าแววตาเช่นนั้นทำให้ฉาจิ่นรู้สึกว่าไม่ได้เจอกันนานหลายปี ดูเหมือนว่าบิดาห่างเหินและดูไม่คุ้นเคย

“อย่าหาว่าพ่อเขียนจดหมายโกหกเจ้าเลย ข้าทำไปเพราะความจำเป็น”

เสิ่นฉางคงถอนใจเบา ๆ จากนั้นกลับไปนั่งที่อีกครั้ง ก่อนจะกล่าว “ยังดี ที่เจ้ากลับมา ไม่เช่นนั้น ตระกูลเสิ่นของพวกเราคงจะต้องเจอกับภัยพิบัติร้ายแรงเป็นแน่”

“ภัยพิบัติร้ายแรง?”

ฉาจิ่นยิ่งฟังก็ยิ่งสับสน “ในดินแดนอาณาจักรต้าเว่ยแห่งนี้ มีผู้ใดจะกล้าข่มขู่ตระกูลเสิ่นของพวกเราเช่นนี้? ท่านพ่อ ที่แท้แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? เหตุใดจึงต้องทำให้ข้ารู้สึกสับสนด้วย?”

เสิ่นฉางคงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าว “ลูกรัก อย่าได้ถามอีกเลย ข้ากล่าวได้เพียงแค่ว่า ตอนนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นจึงจะสามารถช่วยตระกูลเสิ่นของพวกเราได้”

พูดจบ ความขมขื่นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นก็หันไปกล่าวกับผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “ผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนเล่าก็แล้วกัน”

ผู้เฒ่าท่านนั้นใส่ชุดคลุมยาวเนื้อผ้าดี หนวดเครายาวน่าเกรงขาม ดวงตาประดุจพญาเหยี่ยว นามว่าเสิ่นซานจ้ง

ได้ฟังความ เขาจึงเบนสายตามองไปยังฉาจิ่น แล้วกล่าวเสียงเคร่งเครียด “แม่หนู ตระกูลเสิ่นของพวกเราในเวลานี้ กำลังเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรง ข้าขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว ในฐานะที่เจ้าเป็นคนในตระกูลเสิ่น หากว่าเจ้าสามารถช่วยชีวิตคนในตระกูลได้ เจ้าจะช่วยหรือไม่?”

ฉาจิ่นตอบแบบไม่ต้องคิด “ช่วย!”

เสิ่นซานจ้งแสดงสีหน้าปลาบปลื้มออกมา แล้วจึงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าถามเจ้าอีกครั้ง หากว่าต้องพลีชีพของเจ้าคนเดียวเพื่อช่วยชีวิตของคนในตระกูล เจ้า… จะยินดีหรือไม่?”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมา ทุกสายตาก็หันไปมองที่ฉาจิ่นในทันใด มีแต่เพียงเสิ่นฉางคงกับเสิ่นเหยียนสิงเท่านั้นที่ไม่กล้ามองฉาจิ่น ราวกับรู้สึกละอายแก่ใจ

ฉาจิ่นนิ่งตะลึง ถามด้วยความสับสน “พลีชีพของข้า สามารถช่วยคนทั้งตระกูลได้เช่นนั้นหรือ?”

ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ผิด! หากไม่ใช่เช่นนี้ พวกเราก็คงไม่เขียนจดหมายเรียกให้เจ้ากลับมา เพราะความอยู่รอดของคนทั้งตระกูล ล้วนอยู่ในการตัดสินใจของเจ้าเพียงคนเดียว”

ฉาจิ่นยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล จิตใจมีความกังวล โดยสัญชาตญาณจึงเบนสายตามองไปที่บิดากับพี่ชาย ทว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็เบือนหน้าหนีสายตาของนาง ไม่ยอมมองตอบ

เช่นนี้จึงทำให้นางรู้สึกสลดใจ มือเท้าเย็นไปหมด ที่แท้แล้วมันเรื่องอันใดกันแน่ กระทั่งบิดากับพี่ชายก็ยังยอมตัดใจพลีชีพของข้าเช่นนั้นหรือ?

เหตุใด… พวกเขาจึงได้เลือดเย็นและไร้หัวใจถึงเพียงนี้

สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง ฉาจิ่นจึงเบนสายตามองไปยังเสิ่นซานจ้งอีกครั้ง พลางกล่าว “ผู้อาวุโสใหญ่ หากว่าข้าไม่รับปากเล่า?”

ฉับพลัน คนทั้งหมดในห้องโถงเกิดเสียงถกเถียงขึ้นมา

เสิ่นซานจ้งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แม่หนู เทียบกับชีวิตของคนทั้งตระกูลแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมสละชีวิตของตัวเอง? หรือว่าเจ้าจะทนมองดูบิดา พี่ชาย ญาติสนิท… รวมไปถึงคนอื่น ๆ ในตระกูลพบเจอกับภัยพิบัติรุนแรงได้เช่นนั้นหรือ?”

สีหน้าและแววตาของเขาเคร่งเครียด สายตาแหลมคม น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

ฉาจิ่นรู้สึกแต่เพียงหายใจลำบาก ใบหน้างดงามขาวซีด นางไหนเลยจะคาดคิดว่า เดินทางระหกระเหินจากอาณาจักรต้าโจวกลับมา แต่เมื่อมาถึงบ้านอันคุ้นเคยของตัวเองแล้ว กลับต้องมาเจอกับเรื่องเช่นนี้?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset