📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 339

บทที่ 339 - หมื่นดาบส่งเสียงร้องพร้อมเพรียง
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

“ข้าสงสัยว่าซูอี้จะรับดาบนี้ได้หรือไม่”

หัวใจของมู่ซี ผูอี้ และคนอื่น ๆ เต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกจากอก

ชิ้ง!

ขณะที่ซูหงหลี่ฟาดฟันดาบมา ซูอี้ผายมือออกไป ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นในอุ้งมือของเขา ทั้งดาบส่งเสียงร้องบาดลึกและก้องกังวาน

สีหน้าของซูอี้ยังดูเฉยเมย จากนั้นเขาฟาดฟันดาบด้วยท่วงท่าธรรมดาทั่วไป

ครืน!

ปราณดาบสีใสดั่งผลึกแก้วปรากฏขึ้นอย่างทรงพลังและน่าเกรงขาม มันพุ่งผ่านอากาศเข้าหาปราณดาบอันชั่วร้ายของซูหงหลี่

ตูม!!

ปราณดาบสีแดงฉานอันชั่วร้ายของซูหงหลี่ปะทะเข้ากับปราณดาบสีใสดั่งผลึกแก้วของซูอี้อย่างจัง

ทันใดนั้นคลื่นแห่งการทำลายล้างที่รุนแรงก็แผ่ออกไปทั่วทุกทิศทาง คลื่นทั้งสีแดงเข้มและสีใสปะปนกัน เป็นภาพที่งดงามแต่น่าสะพรึงกลัวจับใจ

พื้นที่ใกล้เคียงหลายลี้ถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง และหลังจากที่คลื่นปะทะสงบลง หลุมยุบขนาดใหญ่กินรัศมีหลายลี้ที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้นบนพื้น

การปะทะกันครั้งนี้มีผู้รับชมบางคนที่ไม่ยอมถอยหนีให้ห่างออกไปถูกคลื่นปะทะบดขยี้จนตายไปหลายราย

โชคดีที่เมื่อวานพื้นที่สิบลี้จากจุดศูนย์กลางซึ่งก็คือจวนตระกูลซูนั้นถูกทำให้ร้างผู้คนแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีคนธรรมดาหลงเหลือ ไม่เช่นนั้นการปะทะเมื่อครู่นี้คงทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

ตูม!

ท่ามกลางฝุ่นดินที่ยังคงคละคลุ้ง ร่างของซูอี้บินขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้งในชั่วพริบตา และหยุดห่างจากซูหงหลี่ออกไปเพียงไม่กี่สิบฉื่อ

ในมือของเขา ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด

“ดาบอันน่าสะพรึงกลัวของซูหงหลี่เมื่อครู่นี้ถูกรับได้จริง ๆ หรือ?”

ความรู้สึกสับสนเกิดขึ้นทั่วบริเวณ เหล่าเทพเซียนเดินดินเบิกตากว้างและตัวสั่น

คนอื่น ๆ ต่างก็ตกอยู่ในภวังค์เช่นกัน

ซูหงหลี่เมื่อถือดาบสีดำเล่มนั้นแล้วมีพลังแข็งแกร่งประหนึ่งสามารถควบคุมโลกหล้า แม้กระทั่งผู้คนที่มองดูจากระยะไกลยังรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิต

แต่เมื่อครู่นี้ซูอี้กลับสามารถรับดาบอันรุนแรงนั้นไว้ได้!

แม้ว่าซูอี้จะมือสั่นเทา แต่ทุกคนต่างเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยจากดาบนี้ของซูหงหลี่

“ฮึ่ม! อยากจะรู้เช่นกันว่าเจ้าจะรับดาบของข้าได้อีกกี่ครั้ง!”

กลางอากาศ ซูหงหลี่พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา

ขณะที่เสียงของเขายังคงก้องกังวาน

วิ้ง!

เขาสะบัดดาบ

ปราณดาบเพลิงสีเลือดมหึมาปรากฏขึ้นเคลือบใบดาบของเขาอีกครั้ง มันส่งเสียงสะท้านกึกก้องราวกับสามารถสั่นสะเทือนสวรรค์และโลก

แค่เพียงแลมองยังต้องตกตะลึง

“เมื่อการท้าสู้ต้องอาศัยอำนาจของศาสตราในการตัดสินผลลัพธ์ มันย่อมไม่น่าสนใจอีกต่อไป”

ในระยะไกล ซูอี้ถอนหายใจเบา ความสนใจของเขาลดลง “ช่างเถิด จบเรื่องเลยก็แล้วกัน…”

ชิ้ง!

ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าเปล่งประกาย

กลิ่นอายของซูอี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทุกรูขุมขนบนผิวหนังของเขาเต็มไปด้วยปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์ซึ่งปะทุออก ทั้งร่างกายของเขาส่องแสงสว่างเจิดจ้าดั่งเทพสวรรค์จุติลงสู่โลก

พับ!

ด้วยการสะบัดข้อมือ คมดาบของดาบนิลกาฬปะทุขึ้นด้วยลำแสงซึ่งแฝงพลังอันคาดเดาไม่ได้

ถัดจากนั้นในชั่วพริบตา แสงเบญจธาตุปะทุขึ้นก่อนจะหลอมเคลือบเต็มดาบ

ตูม!

ขณะเดียวกันที่กลางอากาศ จู่ ๆ ก็มีดาบห้าเล่มห้าสีซึ่งดูไร้เทียมทานปรากฏขึ้น

เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!

นี่คือวิชาดาบที่ไม่เหมือนใครซึ่งซูอี้สร้างมันขึ้นเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ มันเป็นหนึ่งใน ‘สามสิบสามอันดับยอดวิชาดาบแห่งเก้ามหาแดนดิน’

ความลึกลับของวิชาดาบนี้เกี่ยวข้องกับความเข้าใจในเต๋าของห้าธาตุแห่งธรรมชาติ เมื่อถูกใช้แล้ว พลังจากดาบจะเสมือนกับภูเขาเบญจธาตุศักดิ์สิทธิ์ห้าลูกซึ่งสามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งทวยเทพและหมู่มาร!

ทว่าหากไม่ใช่เพราะความสำเร็จของซูอี้ในเรื่อง ‘เบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณ’ เขาคงไม่สามารถใช้วิชาดาบอันเลิศภพจบแดนสวรรค์นี้ได้ตั้งแต่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์เช่นนี้!

ทันใดนั้นขณะที่เขาสำแดงวิชาดาบอันไม่ธรรมดานี้

ตูม!

ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะทนไม่ได้ มีความผันผวนรุนแรงเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่าราวกับดาบกำลังจะทำลายล้างโลกนี้อย่างสมบูรณ์!

เทพเซียนเดินดินที่กำลังดูอยู่ในระยะไกลต่างตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ ใจเต้นแรงราวกับกลองศึก ดูเหมือนว่าภายใต้ดาบนี้ ไม่ว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ภูเขา แม่น้ำ หรือสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ มันสามารถถูกทำลายได้ทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น!

ทว่าขณะนี้ดวงตาของซูอี้ฉายแววเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง

วิชาดาบนี้ที่เขาคิดค้นขึ้นได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของกระบวนท่าทั้งหมด เขาฝึกฝนมันจนถึงขีดสุดจนอำนาจที่เขาสามารถสำแดงออกมาได้นั้นนับได้ว่าไร้เทียมทาน

เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่เขาใช้ดาบเล่มนี้ท่องไปทั่วเก้ามหาแดนดินและไม่แพ้ใครในการต่อสู้เลยแม้แต่หนึ่ง แม้กระทั่งในหมู่ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่เกินจำนวนหยิบมือเท่านั้นที่สามารถรับท่านี้ของเขาได้

ตูม!

ซูหงหลี่เหวี่ยงดาบของเขาเพื่อสังหารอย่างฉับพลัน

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ซูอี้ฟาดฟันดาบออกเช่นกันnᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

ไม่มีทางที่จะอธิบายดาบนี้เป็นคำพูดได้

หากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าซึ่งค้ำชั้นฟ้าและผืนดินในสมัยโบราณเคลื่อนตัวไปพร้อมกัน มันย่อมมีอำนาจถึงขนาดทำให้สวรรค์ร่วงหล่นผืนแผ่นดินพลิกกลับด้าน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พังทลาย หมู่ดาราแตกสลาย!

นี่คือพลังของเขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ เป็นพลังอันเลิศล้ำซึ่งเกิดขึ้นจากธาตุทั้งห้า เมื่อใดที่มันปรากฏขึ้น เพียงแค่กลิ่นอายของมันก็สามารถทำให้หัวใจของผู้คนเต้นระทึก

ตูม!!

ในสายตาของทุกคน ปราณดาบสีเลือดและภูเขาดาบห้าธาตุปะทะเข้าด้วยกัน ก่อนที่เสียงคำรามสั่นฟ้าสะเทือนดินจะปะทุขึ้น

พลังที่รุนแรงและเสียงปะทะอันดังก้องแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทางในทันที เหมือนพายุกระหน่ำที่พาดผ่านไปทั่วทั้งโลกหล้า

“นี่…”

อวิ๋นหลาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ และเทพเซียนเดินดินคนอื่น ๆ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยน ตามด้วยเยว่ซือฉาน เก๋อฉางหลิง มู่ซี และคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างสีหน้าตกตะลึงสุดขีดไปตาม ๆ กัน

“ผู้ใดแพ้ผู้ใดชนะ?”

ทุกคนเบิกตากว้าง พยายามมองหาผลลัพธ์ให้ชัดเจน

เมื่อพายุฝุ่นดินค่อย ๆ สงบลง ฉากที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น

บนพื้นดิน ซูหงหลี่ซึ่งอยู่ในสภาพเสื้อผ้าขาดแหว่งราวกับขอทานกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งพร้อมกับกระอักเลือดออกจากปาก

ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นี้เขาถูกพลังดาบของซูอี้บดขยี้อย่างรุนแรงจนไม่สามารถคงสภาพลอยอยู่บนฟ้าและร่วงหล่นลงมาที่พื้น ซึ่งแม้แต่พละกำลังในร่างกายยังเหือดแห้งจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดด้วยสองขาของตัวเองได้เหมือนเช่นเคย ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดคือรักษาท่าคุกเข่าข้างเดียวนี้ไว้

ห่างออกไปกว่าสิบก้าวย่าง ดาบอันดุร้ายของซูหงหลี่ปักฝังอยู่กับพื้นดินส่งเสียงฮึมฮัมและสั่นสะท้าน

บนอากาศเหนือพื้นดิน ซูอี้ลอยตัวอยู่บนนั้นด้วยสีหน้าเฉยเมยเหมือนเช่นเคย มือข้างหนึ่งถือดาบไว้ส่วนอีกข้างหนึ่งไพล่หลัง ทั้งร่างของเขาเปล่งรัศมีแสงเป็นประกาย ดูราวกับเทพสวรรค์ล่องลอยลงมาจากสวรรค์

ทั้งบริเวณเงียบสงัด ทุกคนตกตะลึง

ก่อนหน้านี้ซูหงหลี่ใช้เคล็ดวิชาลับแปลกประหลาดเพื่อดูดซับเอาพลังชีวิตและปราณวิญญาณทั้งหมดของชายชราในชุดพรตเต๋าจนทำให้ตนเองมีพลังเหนือล้ำจนสะท้านฟ้าดิน

จากนั้นเขาสำแดงอำนาจของดาบอันแสนดุร้ายที่ซึ่งเขาหล่อเลี้ยงในร่างชายชราในชุดพรตเต๋ามาเป็นเวลาสิบปี อำนาจของดาบนั้นเลิศล้ำรุนแรงจนทำให้เหล่าผู้ชมต่างตกใจและทำให้เหล่าเทพเซียนเดินดินทั้งหลายต้องหวาดกลัว

แต่ตอนนี้ซูหงหลี่ผู้ทรงพลังเลิศล้ำกลับถูกซูอี้สะกดข่มอีกครั้งด้วยสองกระบวนท่า อีกทั้งยังไม่สามารถยืนได้ด้วยขาทั้งสองข้างเสียด้วยซ้ำ!

นี่มันเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย เหนือจินตนาการของผู้คนโดยสิ้นเชิง

ในเวลานี้เองที่ผู้คนตระหนักว่าดาบที่ซูอี้เพิ่งใช้ไปนั้นทรงพลังมาก…

“น่าเสียดายที่ดาบเล่มนี้ตกไปอยู่ในมือของเจ้า มันเหมือนกับไข่มุกที่ปกคลุมไปด้วยโคลนตม ด้วยความสามารถของเจ้า พลังที่เจ้าสามารถดึงใช้ออกจากมันได้นั้นช่างน่าสังเวช” ซูอี้พูดอย่างเฉยเมย

อันที่จริงแล้วดาบอันดุร้ายเล่มนี้มีพลังที่เหนือล้ำยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่ความเข้าใจวิถีดาบของซูหงหลี่นั้นตื้นเขินมากเมื่อเทียบกับซูอี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ได้!

บนพื้น ซูหงหลี่เช็ดคราบเลือดจากมุมริมฝีปากของเขาและค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นยืน

ใบหน้าของเขาดูมืดมน ดวงตาของเขาดูน่ากลัวและพูดว่า “ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามารดาของเจ้าไม่ได้จริงใจต่อข้า มรดกที่แท้จริงในมือนางเห็นได้ชัดว่ามอบให้เจ้า ไอ้ลูกชั่ว!”

ซูหงหลี่เผยให้เห็นความเกลียดชังซึ่งฝังลึกไปในทุกอณูของเขา

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคิดว่าการที่ซูอี้สามารถมีพลังต่อสู้ได้เฉกเช่นทุกวันนี้เป็นเพราะเยี่ยอวี่เฟยทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้ให้กับซูอี้แทนที่จะเป็นเขา

ดวงตาของซูอี้กลายเป็นเย็นชา

เยี่ยอวี่เฟยมารดาผู้ให้กำเนิดเขาต้องหูหนวกตาบอดเพียงใดในตอนนั้นถึงตกหลุมรักไอ้สารเลวอย่างซูหงหลี่ผู้นี้ได้!?

“ซูหงหลี่ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอย่างแท้จริง”

ซูอี้เอ่ยออกก่อนจะเดินไปด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าอย่างควบคุมไม่ได้ในหัวใจของเขา

“ดาบมา!”

ซูหงหลี่ตะโกน

เคร้ง!

ห่างออกไปกว่าสิบย่างก้าว ดาบอันดุร้ายพุ่งออกจากพื้นดินและกลับเข้าไปสู่มือของซูหงหลี่

“เจ้ายิ่งคิดใช้ดาบต่อหน้าข้าอีกงั้นหรือ?”

ซูอี้เหยียดหยาม เสื้อผ้าของเขาพลิ้วไสวอย่างรุนแรง และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ปะทุพลังอันไม่มีใครเทียบได้

ในเวลานี้ ซูอี้ผสานความรู้แจ้งในวิถีดาบที่เขามีเข้ากับกลิ่นอายของตัวเอง และปลดปล่อยมันออกมาโดยไม่ยั้งไว้อีกแล้ว ทั้งร่างของเขาราวกับกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแทงทะลุขึ้นเสียดฟ้า และคมดาบของเขานั้นไร้ที่ติไม่มีสิ่งที่คมได้ทัดเทียม

ในจิตวิญญาณของเขา ดาบเก้าคุมขังที่เงียบงันมาตลอดดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งวิถีดาบของซูอี้ ทันใดนั้นมันก็สั่นสะท้านและส่งเสียงก้องกังวาน

ในสายตาของทุกคน ซูอี้ในขณะนี้เป็นเหมือนเซียนดาบอมตะ เป็นตัวตนอันสูงส่งไม่อาจคาดคะเนถึงอำนาจที่มีอยู่ได้

เคร้ง! เคร้ง!! เคร้ง!!!

ทันใดนั้น บริเวณใกล้เคียง บรรดาดาบของเหล่าผู้ฝึกตนทั้งหลายที่เฝ้ามองดูเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องอย่างพร้อมเพรียง

เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ถือดาบต่างตกใจเมื่อพบว่าอาวุธของตัวเองส่งเสียงจนสั่นสะท้าน

เหล่าเทพเซียนเดินดินตกตะลึงไม่ต่างจากผู้อื่น พวกเขาต่างมองไปที่ศาสตราวิญญาณของตนเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่ว่าพวกเขาจะสยบมันเพียงใด มันก็ไม่เป็นผล!

ดาบนับพันส่งเสียงพร้อมกันราวกับพวกมันได้เจอเจ้านายตัวจริง!

ในขณะนี้ ซูอี้โบกมือและคำสองคำดังออกจากริมฝีปากของเขา

“มานี่!”

ราวกับได้รับโองการจากสวรรค์ ดาบอันดุร้ายที่อยู่ในมือของซูหงหลี่พลันสั่นสะท้านรุนแรง มันดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งพยายามจะหนีออกจากมือของผู้ที่ถือมัน

ใบหน้าของซูหงหลี่แปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด เขาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ

“เงียบ!”

ทว่าอึดใจต่อมา ดาบสีดำปะทุปราณดาบขึ้นมาอย่างดุเดือดปราณดาบนั้นปะทุสูงไปถึงเสียดฟ้า และด้วยความรุนแรงแห่งปราณดาบนี้ มันได้ทำให้นิ้วทั้งห้าของซูหงหลี่แหลกกระจายเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

เมื่อเป็นไทจากมือของซูหงหลี่ ดาบสีดำก็ลอยไปอยู่ข้างหน้าซูอี้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนวนไปรอบ ๆ พร้อมกับเอียงด้ามจับดาบไปทางซูอี้

กระทำเช่นนี้ของดาบไม่ต่างจากการถวายตัวมันให้แก่ซูอี้!

ฉากอันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้ดวงตาของทุกคนที่ชมอยู่เกือบจะถลนออกจากเบ้า

นี่มันเป็นการปล้นชิงที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเป็นดาบเล่มนี้ที่ยอมมอบตัวไปในอ้อมแขนของซูอี้ต่างหาก!

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยเอ่ยไว้ว่าจะให้เจ้าดูวิธีที่ทำให้ดาบนี้ยอมสยบอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้เจ้าเห็นมันชัดเจนแล้วใช่หรือไม่?”

ซูอี้พูดอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็ทำเพียงแค่ยืนอยู่กับที่ไม่ได้เอื้อมมือไปจับดาบอันดุร้ายนี้ แต่ดาบนั้นกลับยังคงแสดงท่าทีเชื่อฟังประหนึ่งคนรับใช้อันซื่อสัตย์ลอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างกายของซูอี้

“บัดซบ!!!”

ซูหงหลี่ตกตะลึงครู่หนึ่ง และทันใดนั้นเขาก็ตวาดเสียงคำรามก้อง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยโทสะ ดวงตาของเขาราวกับคลุ้มคลั่ง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างสมบูรณ์!

เป็นเวลาสิบปีที่เขาทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อหล่อเลี้ยงและสยบดาบเล่มนี้ เขาหวงแหนมันยิ่งกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเสียอีก แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นกลับดิ้นรนออกจากมือและยอมสยบต่อคนหนุ่มที่เขาเกลียดอย่างสุดหัวใจ!

สิ่งนี้มันไม่ต่างอะไรจากซูอี้ควักหัวใจของเขาออกมากัดกระชาก!!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset