📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 326

บทที่ 326 - ปักษากลืนกินมังกร
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

เมื่อเห็นว่าดาบล่าสุดไม่อาจทำลายม่านดาบอัสนีของโหยวเทียนหงได้ ซูอี้พลันปลดปล่อยการโจมตีอีกครั้ง

“กระบวนท่าที่สอง ตัดสมุทรผ่าขุนเขา!”

ปราณดาบอันรุนแรงถาโถมเข้าใส่ม่านดาบอัสนีของโหยวเทียนหง

ทว่าซูอี้ไม่ได้หยุดเพียงกระบวนท่าเดียว

“กระบวนท่าที่สาม คว้าสุริยันกุมจันทรา!”

“กระบวนท่าที่สี่ หลอกล่อสังหาร!”

“กระบวนท่าที่ห้า ทัศนาสิบทิศ!”

ทุกกระบวนท่าของเพลงดาบสุดปรีดีถูกสำแดงโดยซูอี้อย่างไม่มีหยุดยั้ง ขณะนี้ซูอี้คล้ายเทพเซียนผู้กำลังร่ายรำดาบอย่างสำราญใจ

ตูม! ตูม! ตูม!

ด้วยการถูกกระหน่ำโจมตี ม่านดาบอัสนีที่โหยวเทียนหงสร้างขึ้นสั่นคลอนอย่างรุนแรงก่อนจะระเบิดหายไปในพริบตา

สีหน้าของโหยวเทียนหงตื่นตระหนกอย่างมาก เขาก็ก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ทว่าทิศทางการโจมตีของดาบซูอี้นั้นน่าสะพรึงกลัวเหลือล้ำ มันครอบคลุมทั้งสี่ทิศจนในไม่ช้าโหยวเทียนหงก็ไร้เส้นทางที่จะถอยหนี

ทันใดนั้น

โหยวเทียนหงผู้เลิศล้ำในวิถีดาบแห่งต้าฉินได้ตะโกนกู่ก้องเสียงดังกังวาน ดวงตาพลันเปล่งประกายแสงอันเย็นเยือก จากนั้นเขาจึงยกดาบสีเงินโบราณอันเลิศล้ำของตัวเองขึ้นเหนือหัว ทั้งร่างกายของเขาและดาบตั้งตรงอยู่ในแนวเดียวกันประหนึ่งต้องการจะค้ำฟ้า

อึดใจถัดมา มันคล้ายกับโหยวเทียนหงเชื่อมโยงกับพลังสวรรค์และโลกได้สำเร็จ ปราณวิญญาณในร่างของเขาปะทุแกร่งกล้าไปจนถึงระดับที่เขาไม่เคยไปถึงมาก่อน

“มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง!”

หลังจากเสียงตะโกนอันเลือนลั่น โหยวเทียนหงโคจรพลังของตนเองไปยังดาบของเขาซึ่งกำลังชูขึ้นเย้ยฟ้า ปราณดาบสีขาวยาวหลายสิบจั้งปะทุถึงชั้นหมู่เมฆ

แน่นอนว่าการโจมตีครั้งนี้โหยวเทียนหงยอมเสียสละพลังชีวิตของตนเองโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย!

ดาบนี้คือความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามี ขณะนี้ร่างของโหยวเทียนหงเปล่งประกายรัศมีแสงสีขาวคล้ายกับเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่หวั่นเกรงต่อความตาย เป็นผู้พร้อมที่จะสละชีพเพื่อผดุงความยุติธรรม หรือแม้เขาจะล้มเหลว เขาจะกลายเป็นตำนานถูกเล่าขานไปอีกนับศตวรรษ!

ตูม~

บนยอดผาชมเมฆาสมุทรปั่นป่วนราวกับฟ้าถล่ม คลื่นปราณวิญญาณแห่งการทำลายล้างอันรุนแรงแผ่กระจายออกกวาดล้างทุกสิ่งอย่างที่อยู่โดยรอบ

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่มากมายซึ่งเฝ้าดูอยู่ไกล ๆ ต่างรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกจากคลื่นพลังอันรุนแรง และฉากแผ่นดินสั่นสะเทือน ภูเขาสั่นคลอนนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ที่ยอดผาชมเมฆาสมุทร ดาบของโหยวเทียนหงสับฟันลงใส่กระบวนท่าทั้งหลายของซูอี้อย่างไร้ปรานี

แลเห็นความรุนแรงของอีกฝ่าย ซูอี้ไม่ลังเลที่จะสำแดงกระบวนท่าดาบออกอีกครั้ง

เพลงดาบสุดปรีดี กระบวนท่าที่หก สะบั้นสุดพันธะ!

“ไม่ดีแล้ว!”

โหยวเทียนหงตัวสั่น ในใจตระหนักถึงอันตรายของดาบนี้ของซูอี้ แต่เขาไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง และกระบวนท่าดาบ ‘มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง’ นั้นไม่สามารถล้มเลิกกลางคันได้ ไม่เช่นนั้นปราณวิญญาณที่ควบแน่นสุดขีดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของเขาจะพังทลายลงอย่างแน่นอน

“เปิด!!”

ดวงตาของโหยวเทียนหงกลับมาแน่วแน่ เขากัดฟันกรอดพร้อมกับสับดาบเข้าปะทะกับพลังดาบของซูอี้!

ตูม!

เกิดการระเบิดครั้งมโหฬารเหนือผาชมเมฆาสมุทรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การระเบิดนี้ไม่ต่างจากภูเขาไฟสองลูกปะทะกันอย่างดุเดือด

แต่ทว่ากระบวนท่าที่หกของเพลงดาบสุดปรีดี ‘สะบั้นสุดพันธะ’ นี้เป็นไม้ตายอันรุนแรงที่สุดในชุดเพลงดาบสุดปรีดีของซูอี้ ดังนั้นแล้วโหยวเทียนหงจะสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?

แทบจะในทันทีที่ดาบทั้งสองปะทะกัน พลังดาบของซูอี้ทำลายล้าง ‘มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง’ ภายในพริบตา และด้วยอำนาจที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างล้นพ้น ดาบของซูอี้ทะลวงผ่านม่านพลังปกป้องกายของโหยวเทียนหงและสับฟันเข้าที่หน้าอกของโหยวเทียนหงอย่างรุนแรง

บรึม!!!

ทว่าเมื่อดาบของซูอี้สัมผัสเข้ากับหน้าอกของโหยวเทียนหง มันกลับถูกยับยั้งไว้ด้วยสมบัติป้องกันหัวใจของโหยวเทียนหงซึ่งระเบิดออกอย่างฉับพลันเมื่อรับการโจมตีของซูอี้

แต่ถึงแม้จะรอดตาย โหยวเทียนหงก็ยังได้รับผลกระทบจากแรงปะทะจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก หน้าอกของเขายุบลงเป็นร่อง ร่างของเขากระเด็นถอยไปหลายฉื่ออย่างไม่อาจควบคุม และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว

แน่นอนว่าการปะทะอันรุนแรงนี้ทำให้ผาชมเมฆาสมุทรราบเป็นหน้ากลอง ต้นไม้ต้นหญ้าทั้งหลายถูกถอนโคนจนไม่เหลือหลอ

ตั้งแต่สมัยโบราณ สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมทะเลหมอกโดยนักวรรณกรรมและกวีหลายคน แต่ขณะนี้ความงดงามนั้นมันไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว!

ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

“นี่ยังเป็นพลังของมนุษย์อยู่อีกงั้นหรือ?”

คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงจนหนังศีรษะชา

เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

การโจมตีเมื่อครู่นี้ของซูอี้มันกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นโหยวเทียนหงถูกโจมตีเมื่อครู่นี้ ทุกคนต่างรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติลับป้องกันตัวที่โหยวเทียนหงมีอยู่ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

นี่มันน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด!

เทพเซียนเดินดินผู้อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตไร้เบญจธัญพร้อมกับศาตราวิญญาณโบราณอันเลิศล้ำ และยังยอมใช้พลังชีวิตเพื่อปลดปล่อยการโจมตี แต่กลับยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนหนุ่มที่อยู่เพียงขอบเขตปรมาจารย์?

ใครจะเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง?

ครืน! ครืน!

ผาชมเมฆาสมุทรเริ่มถล่มทรุดตัวลง แต่ขณะเดียวกัน ซูอี้และโหยวเทียนหงพลันเผชิญหน้ากันใหม่อีกรอบ พวกเขายืนจ้องหน้ากันจากระยะไกล

ทว่าขณะนี้สถานการณ์นั้นแตกต่างไปจากเดิม คนหนึ่งนั้นบาดเจ็บ ขณะที่อีกคนยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนและการตัดสินเป็นตายกำลังจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้!

“ดี! ดีมาก! สามารถทำให้โหยวเทียนหงผู้นี้อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ได้นับว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะหยิ่งผยองต่อโลกหล้า แต่… ”

โหยวเทียนหงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาเร่าร้อนด้วยโทสะ

ผมยาวของเขาพลิ้วสะบัด และปราณวิญญาณในร่างของเขาเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าคราวนี้คือการทุ่มสุดตัวที่สุดของเขาอย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็พูดเน้นคำอย่างอย่างแน่วแน่

“วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”

เสียงยังคงดังก้อง ทว่าโหยวเทียนหงยกดาบสีเงินในมือของเขาขึ้นเหนือหัวพร้อมกับท่องบทสวดบางอย่างที่ผู้คนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่กลับให้ความรู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่และโบราณ

ครืน!

ทันใดนั้นดาบโบราณสีเงินในมือของโหยวเทียนหงก็เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับได้รับอำนาจจากสวรรค์อย่างไม่รู้จบโนเวลกูดอทคอม

แต่เมื่อมองอย่างพินิจอีกครั้ง ผู้คนทั้งหลายกลับเห็นเป็นมังกรอัสนีสีขาวราวหิมะปรากฏขึ้นราวกับมีชีวิตอยู่บนท้องฟ้า ทันทีที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกไปนับสิบลี้ แม้กระทั่งหมู่เมฆที่อยู่สูงเสียดฟ้าก็ยังกระจายตัวออกเป็นรูเว้า

“นี่…”

ผู้ฝึกตนบางคนตกใจกลัวจนตัวสั่น ราวกับมดแลเห็นมังกรบนท้องฟ้า

“นี่มันจิตวิญญาณแท้จริงของมังกรอัสนีอย่างนั้นหรือ!?”

หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ ฉือเฟิงหลิว และคนอื่น ๆ ทั้งหมดตัวแข็งค้าง ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือไพ่ตายของโหยวเทียนหง ซึ่งเป็นไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุด และน่าจะเป็นโชคที่เขาได้รับจากส่วนลึกของทะเลวิญญาณโกลาหลแห่งต้าฉิน!

“แน่นอนว่าในบัญญัติอัสนีนั้นมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของมังกรสถิตอยู่!”

ซูอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ ดาบในมือของโหยวเทียนหงนั้นถูกปรับแต่งมาคล้ายคลึงกับวิธีการที่เขาปรับแต่งดาบนิลกาฬกลืนฟ้า

ซึ่งแน่นอนว่าบัญญัติอัสนีนี้ย่อมไม่ใช่โหยวเทียนหงที่เป็นคนปรับแต่งมันแน่นอน!

“ข้าเก็บตัวจากโลกภายนอกอยู่แปดปีเพื่อขัดเกลาและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณในดาบเล่มนี้ แม้ว่าข้าจะยังทำไม่สำเร็จมากนัก แต่ข้ามั่นใจว่ามันเพียงพอที่จะสังหารตัวตนอย่างเจ้าได้!”

เสียงพูดของโหยวเทียนหงนั้นเยือกเย็นราวกับถ้ำน้ำแข็ง และจากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงกังวานดังไปทั่วสี่ทิศ

“ค่ายกลมังกรสังหารสำแดงฤทธิ์!”

โหยวเทียนหงปักดาบสีเงินในมือลงไปยังพื้นดินอย่างรุนแรง

ตูม!

ทันใดนั้นปราณดาบสีขาวเก้าเล่มพลันพุ่งออกจากผืนดินอย่างรวดเร็ว ปราณดาบแต่ละเล่มยาวสิบฉื่อ ก่อนจะพุ่งเข้าหากันและหลอมรวมกลายเป็นปราณดาบสีขาวกระจ่างเจิดจ้ายาวหลายสิบฉื่อ

จากนั้นมังกรอัสนีอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งอยู่บนท้องฟ้าก็บินลงมาประทับที่กึ่งกลางของค่ายกลกลายเป็นแกนกลาง คลื่นพลังอันรุนแรงยิ่งยวดระเบิดขึ้นที่ยอดผาชมเมฆาสมุทรอีกครั้งคราพร้อมกับแผ่แสงสว่างวูบวาบอย่างน่าอัศจรรย์

“พวกเราถอยเร็ว!”

เหล่าปรมาจารย์และบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งหลายเริ่มถอยหนีเมื่อเห็นว่าพลังที่โหยวเทียนหงปลดปล่อยออกมานั้นมันอาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาเช่นกัน

รัศมีการทำลายล้างนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง

แม้แต่เทพเซียนเดินดินซึ่งบินอยู่กลางอากาศเพื่อเฝ้าดูยังถอยออกห่างเช่นกัน ค่ายกลมังกรสังหารนี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกใจสั่น

ค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นโดยสุดยอดศาตราวิญญาณ อีกทั้งยังมีจิตวิญญาณของมังกรอัสนีเป็นแกนกลาง พลังอำนาจขนาดนี้มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าตัวตนเทพเซียนเดินดินทั้งหลายต้องหวั่นเกรง!

“ไป!”

โหยวเทียนหงโบกแขนเสื้อของเขาข้างหนึ่ง

โฮก!

ทันทีที่โหยวเทียนหงเอ่ยสั่ง ค่ายกลจึงสำแดงอำนาจของมันในทันที ปราณดาบสีขาวยาวพร้อมกับมังกรอัสนีตัวสีขาวราวหิมะ หลอมรวมกันก่อนจะพุ่งทะยานออกไปพร้อมกันหมายสังหารเป้าหมายของพวกมันซึ่งคือซูอี้!

ซูอี้ยิ้มและพูดกับตัวเอง “การโจมตีครั้งนี้ของเจ้ามีค่าพอให้ซูผู้นี้ใช้ดาบแล้ว…”

จากนั้นดาบนิลกาฬกลืนฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของซูอี้อย่างเงียบงัน

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปในทันใด มันเป็นความกดดันยิ่งยวดคล้ายเทพเซียนร่อนลงมาจากท้องฟ้าพร้อมสำแดงเดชวิถีดาบอันไร้เทียมทานให้ผู้คนได้รับชม!

ชิ้ง!

ซูอี้พุ่งทะยานไปข้างหน้าพร้อมกับดาบสีนิลวาววับในมือขวา ทว่าขณะเดียวกันนี้ร่างกายของเขาก็แผ่แสงหลากหลายสีสลับไปมาอย่างไม่อาจคาดเดา มันพาให้ผู้คนที่รับชมต่างงงงวย

อันที่จริงแล้วแสงหลากสีที่ร่างของซูอี้เผยออกนั้นคือแสงแห่งสภาวะเบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณซึ่งซูอี้สำเร็จมา จากนั้นอึดใจถัดมาแสงหลากสีสันนี้ได้หลอมรวมเข้ากับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าจนดาบทั้งเล่มสำแดงปราณดาบยาวถึงเก้าจั้ง!

ปราณดาบของซูอี้นั้นส่องแสงอย่างเจิดจ้าเผยให้เห็นถึงเจตจำนงวิถีดาบอันเลิศล้ำซึ่งเป็นสิ่งที่โหยวเทียนหงนั้นไม่อาจจะเทียบได้

ตูม!

ค่ายกลมังกรสังหารส่งเสียงระเบิดก้องเมื่อปะทะกับดาบของซูอี้ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง คลื่นปะทะกวาดล้างเป็นวงกว้าง

มังกรอัสนีขาวคำรามก้องราวกับถูกยั่วยุเมื่อมันโดนยับยั้งโดยดาบของซูอี้ มันห่อหุ้มปราณดาบสีขาวด้วยร่างของตนเองอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าใส่ซูอี้อีกคราหนึ่ง

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจคือแทนที่จะถอยกลับ ซูอี้กลับพุ่งไปข้างหน้าเข้าปะทะต่ออย่างไม่หวาดเกรง

หากมองไกล ๆ มันคล้ายกับเซียนดาบสวรรค์กำลังร่ายรำดาบสังหารมังกร!

ตูม~~

กลางอากาศ คลื่นกระแทกจากการปะทะกวาดล้างไปทั่วทุกทิศทาง มันรุนแรงราวกับสามารถถล่มฟ้าให้พังทลาย ผู้ชมทั้งหลายที่จ้องมองเหตุการณ์ต่างแข็งค้าง จิตใจของพวกเขาว่างเปล่า

ยิ่งต่อสู้นานเข้า สีหน้าของโหยวเทียนหงเริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าตัวเขาจะยังไม่สำเร็จในการควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นค่ายกลนี้มันควรจะเพียงพอที่จะสยบเทพเซียนเดินดินขอบเขตเปิดทวารได้!

แต่ทว่าขณะนี้เขากลับไม่สามารถได้เปรียบซูอี้ได้แม้แต่น้อย!

ยิ่งไปกว่านั้น ในทางกลับกัน ดาบของซูอี้กลับเริ่มทำให้จิตวิญญาณของมังกรอัสนีเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาทั้งตกตะลึงและตื่นตระหนก

สาเหตุที่เขาตื่นตระหนกเป็นเพราะจิตวิญญาณของมังกรอัสนีนั้นเป็นแกนกลางของค่ายกล เพื่อที่จะทำให้ค่ายกลนี้สำแดงอำนาจ มันจึงจำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีอยู่ตลอด

ไม่เช่นนั้นแล้วหากจิตวิญญาณมังกรอัสนีหลุดการควบคุมไป ค่ายกลนี้จะพังทลายลงในทันที

“ฆ่า!”

โหยวเทียนหงทุ่มสุดตัวอย่างสมบูรณ์ เขาโคจรพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีให้มากกว่าเดิม

ทันใดนั้น อำนาจของค่ายกลก็พุ่งสูงขึ้นทันที

“หากเจ้าควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าคงหนักใจเพิ่มขึ้นอีกสักสามส่วน แต่ตอนนี้… มันเป็นเพียงแค่เราวัดกันที่ความแกร่งกล้าของพลังที่เราทั้งคู่ต่างมีก็เท่านั้น”

ซูอี้ส่ายหัวครู่หนึ่ง

เขาไม่ลังเลและไม่สนใจที่จะยืดเยื้ออีกต่อไป ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะฟันดาบในมือของเขาอีกครั้ง

“ตาย!”

ในทันที บนใบดาบนิลกาฬกลืนฟ้าอักษรบัญญัติ ‘กลืนวิญญาณ’ ส่องแสงออก จากนั้นมันได้สำแดงอำนาจสร้างหลุมดำอันมืดมิดขึ้นบนท้องฟ้า และอึดใจต่อมานกกระจอกเพลิงยมโลกขนาดยักษ์อันเหลือล้นไปด้วยอำนาจอันไร้ขอบเขตกระพือปีกออกจากหลุมดำด้วยแววตาอันดุร้าย

แคว่ก!!

นกกระจอกเพลิงยมโลกอันดุร้ายบินวนไปรอบ ๆ แผ่เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่มันจะโฉบลงและฉีกกระชากมังกรอัสนีออกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อยด้วยกรงเล็บอันแหลมคมเหนือล้ำยิ่งกว่าศาสตราวิญญาณใด ๆ!

ฉัวะ!!

มังกรอัสนีขาวถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะถูกนกกระจอกเพลิงยมโลกกลืนกินจนไม่เหลือซาก!

นกอันน่าสะพรึงกลัวนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่ถูกซูอี้ผนึกไว้ในดาบนิลกาฬกลืนฟ้า มันเป็นหนึ่งในเก้านกหายนะแห่งยมโลก!

ฉากที่น่าสยดสยองนี้ทำให้ผู้ชมทุกคนหวาดกลัวจนหนังศีรษะชา

เกือบจะในเวลาเดียวกัน

ซูอี้ฟาดฟันดาบนิลกาฬกลืนฟ้าอีกครั้ง ปลดปล่อยปราณดาบอันไร้เทียมทานทำลายค่ายกลมังกรสังหารจนแตกสลายหายไป แต่ทว่าปราณดาบนั้นยังคงไม่หยุดนิ่ง มันพุ่งเข้าหาร่างของโหยวเทียนหงซึ่งยังลอยค้างนิ่งตะลึงอยู่กลางอากาศ

เขาลอยนิ่งราวกับคนสูญเสียจิตวิญญาณ หน้าซีด รูม่านตาเบิกกว้าง ปากของเขาเปิดราวกับอยากจะพูดคำบางคำ แต่ไม่อาจออกเสียง และในพริบตาต่อมาร่างของเขาก็ถูกแยกออกเป็นสอง และซากร่างสองส่วนก็ร่วงหล่นลงมากระทบพื้นเสียงดังตุบสองครั้งติด

ด้วยดาบเดียว นกวิเศษกลืนมังกร ทำลายค่ายกลมังกรสังหาร และสังหารโหยวเทียนหง!

โหยวเทียนหงผู้เลิศล้ำวิถีดาบแห่งต้าฉิน เทพเซียนเดินดินขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นสูงสุด กลับมาจบชีวิตลงที่ยอดผาชมเมฆาสมุทร!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset