📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 325

บทที่ 325 - ม่านดาบอัสนี
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

หลายคนไม่แปลกใจกับปราณดาบอันสะเทือนฟ้าดินของโหยวเทียนหง

โหยวเทียนหงคือบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้ามาหลายปีแล้ว และด้วยระดับการบ่มเพาะวิถีต้นกำเนิดขอบเขตไร้เบญจธัญ ความสำเร็จในด้านวิถีดาบของเขาจึงควรอยู่ในระดับสูงล้ำมากพอที่จะทำให้คนทั้งโลกตกตะลึงได้เช่นนี้

อย่างนี้จึงเรียกได้ว่าชื่อเสียงที่เขาได้มาไม่ใช่เพียงแค่ลมปากของผู้คน

ทว่าสิ่งที่คนอื่น ๆ อยากรู้มากกว่าก็คือ ซูอี้จะรับดาบนี้ได้อย่างไร?

ในความเป็นจริง ทันทีที่โหยวเทียนหงสำแดงปราณดาบออก สายตาของบรรดาตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียง

“ทลาย!”

ซูอี้พูดเพียงหนึ่งคำก่อนจะชกหมัดออกไปอย่างเฉยเมย

ตูม!

ปราณวิญญาณในร่างของซูอี้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรงก่อนจะควบแน่นเป็นรูปลักษณ์หมัดสีดำขนาดมหึมา และจากนั้นหมัดยักษ์พุ่งผ่านอากาศอย่างรวดเร็วจนมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นลำแสงดำทมิฬพุ่งเข้าหาปราณดาบสีขาวของโหยวเทียนหง!

ซูอี้ขณะนี้สำเร็จขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสี่แล้ว อีกทั้งยังกินโอสถพยัคฆ์มังกรเก้าชีพจรทุกสามวันเพื่อปรับแต่งรากฐานการบ่มเพาะของตนเอง

ในปัจจุบัน ความแข็งแกร่งของเขานั้นนับได้ว่าห่างไกลจากในอดีตอย่างไม่อาจเทียบได้ หากเปลี่ยนเป็นหลี่ฉางหนิงอยู่ที่นี่ในเวลานี้ แค่หมัดนี้เพียงหมัดเดียวก็เพียงพอที่จะบดขยี้หลี่ฉางหนิงจนกลายเป็นเศษเนื้อได้อย่างง่ายดาย

ตูม!

ปราณดาบสีขาวซึ่งแฝงด้วยพลังธาตุสายฟ้าปะทะเข้ากับหมัดสีดำอย่างรุนแรง

บนยอดผาชมเมฆาสมุทร เสียงระเบิดดังก้องกังวานราวกับฟ้าถล่ม คลื่นกระแทกจากการปะทะแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางสร้างหายนะให้แก่ก้อนหินและต้นไม้ที่อยู่ใกล้เคียงจนล้มระเนระนาดพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

ผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่กำลังรับชมอยู่โดยรอบต่างตกตะลึงกับความรุนแรงของการปะทะจากคนทั้งสอง พวกเขาทั้งหลายต่างถอยหนีคลื่นปะทะกันอลหม่าน

แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเกี่ยวกับวีรกรรมมากมายของซูอี้มาก่อน แต่เมื่อได้มาเห็นพลังอันแท้จริงด้วยตาของตนเองเช่นนี้ มันทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

“ถูกทำลายลงเช่นนี้เลยงั้นหรือ?”

หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ และเทพเซียนเดินดินคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองกันและกัน

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาสักเท่าใดนัก หากซูอี้ไม่สามารถหยุดดาบนี้ได้ นั่นจึงจะถือว่าผิดปกติเสียมากกว่า

ท่ามกลางฝุ่นดินที่ฟุ้งหนา โหยวเทียนหงขมวดคิ้ว

เมื่อเห็นว่าปราณดาบของตนเองถูกยับยั้งโดยซูอี้เช่นนี้ ความมั่นใจในตนเองของเขาเริ่มถูกบั่นทอน

ดาบเมื่อครู่นี้ของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งฟ้าดิน อีกทั้งยังผสานความช่ำชองในวิถีดาบหลายสิบปีของตนเองซึ่งเขามั่นใจว่าดาบนั้นสมบูรณ์แบบ เจตจำนงแห่งดาบมั่นคงไร้ที่ติ แม้แต่เทพเซียนเดินดินทั่วไปก็ไม่ควรรับมันได้ง่ายดายถึงเพียงนี้

“อีกครั้ง!”

ดวงตาของโหยวเทียนหงเย็นชาและดุดัน จากนั้นเขาจึงควบแน่นปราณดาบของตนเองออกอีกครั้ง

ครืน!

ปราณดาบปะทุออกจากมือของเขาจนสูงเสียดฟ้าก่อนจะฟาดโค้งเข้าใส่ซูอี้ประหนึ่งสายรุ้งยาวบรรจบผืนพิภพ ปั่นป่วนสมดุลธรรมชาติโดยรอบ ฟ้าร้องสายฟ้าแลบแปลบปลาบดังกึกก้องไปนับสิบลี้

ดาบนี้คือขีดสุดแห่งความสำเร็จในวิถีดาบของโหยวเทียนหงแล้ว!

ทว่ายามเผชิญกับปราณดาบอันรุนแรงนี้ ซูอี้หาได้หวาดหวั่นไม่ เขาก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หลบเลี่ยง

เมื่อดาบมาถึง ซูอี้เพียงเหยียดนิ้วออกประหนึ่งดาบก่อนจะตวัดนิ้วขึ้นคล้ายท่าฟาดฟันดาบอย่างง่าย ๆ

ทันใดนั้นปราณดาบอันล้ำลึกสีดำก็ปะทุออกจากปลายนิ้วของซูอี้อย่างฉับพลัน แม้ว่าปราณดาบที่ปรากฏออกมาจะยาวเพียงสามฉื่อ แต่อำนาจของมันนั้นไม่มีสิ่งใดสามารถหักล้างได้ และถาโถมออกไปราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก

เพล้ง!

ด้วยเสียงที่ชัดเจน สายตาของทุกคนเบิกกว้างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตาเห็น ปราณดาบสีดำสามฉื่อแยกปราณดาบสูงเสียดฟ้าของโหยวเทียนหงออกเป็นสอง!

ภาพเหตุการณ์นี้คล้ายกับการได้เห็นมีดเล่มเล็กจ้อยผ่าภูเขาใหญ่ออกเป็นสอง ด้วยความแตกต่างระหว่างขนาด มันจึงทำให้ทุกคนต้องขยี้ตาแรงเข้าใจว่าตัวเองนั้นตาฝาด

อันที่จริงดาบของโหยวเทียนหงซึ่งแฝงไปด้วยภาวะหยินอสนีที่เลิศล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าน่าเสียดายที่ซูอี้ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลยจากมัน!

ท้ายที่สุดต้องรู้ว่าซูอี้นั้นมีพลังจิตซึ่งแข็งแกร่งราวกับหินผา ดังนั้นเขาจะได้รับผลกระทบจากภาวะดาบที่เป็นเพียงของเทพเซียนเดินดินผู้หนึ่งได้อย่างไร?

“ใช่ว่าดาบยิ่งใหญ่โตจะยิ่งดีเสมอไปไม่” ซูอี้เย้ยเยาะ

ในฐานะปรมาจารย์ดาบซูเสวียนจวิน ผู้ซึ่งถูกผู้คนมากมายในเก้ามหาแดนดินเชิดชูเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ เขาจะพ่ายแพ้แก่ตัวตนเล็กจ้อยเช่นโหยวเทียนหงในด้านวิถีดาบได้อย่าง?

หลังจากเอ่ยจบ ร่างของซูอี้หายวับไปในพริบตาก่อนจะไปปรากฏที่ตรงหน้าโหยวเทียนหงอย่างฉับพลัน

วิ้ง!

ปราณดาบสีดำยาวสามฉื่อปรากฏขึ้นอีกครั้งจากปลายนิ้วของซูอี้ จากนั้นซูอี้สับลงเข้าใส่ศีรษะของโหยวเทียนหงอย่างดุดัน อำนาจอันมากล้นของดาบนี้ถาโถมเข้าใส่โหยวเทียนหงประหนึ่งคลื่นสมุทรคลั่งโถมซัดเข้าฝั่งอย่างไร้จุดจบ!

แลเห็นดาบเล่มนี้

หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ ฉือเฟิงหลิว และตัวตนใหญ่โตคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึง

ด้วยแรงกดดันที่ดาบนี้ปลดปล่อยออก พวกเขาต่างสัมผัสได้ว่ามันรุนแรงกว่าดาบที่แล้วที่ซูอี้สำแดงไป อำนาจของดาบนี้นั้นไม่ต่างจากอำนาจของเหล่าเทพเซียนเดินดินซึ่งทั้งน่าทึ่งและน่าสะพรึงกลัว

แต่ในเวลานี้มันถูกสำแดงออกโดยเด็กหนุ่มอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีอย่างซูอี้!

เห็นเช่นนี้แล้วพวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?nᴏveʟɢᴜ.cᴏᴍ

“จิตวิญญาณเคลื่อนคล้อยประหนึ่งวารี รู้แจ้งเต๋าจนก่อกำเนิดเต๋ากังได้สำเร็จ อีกทั้งยังบรรลุวิถีดาบถึงระดับซึ่งน่าสะพรึงกลัว!”

ราชาขนนกเยว่ซือฉานผู้อยู่ในชุดขาวเอ่ยออกระหว่างจับจ้องไปที่ซูอี้ด้วยดวงตาเป็นประกาย ชายผู้นี้แข็งแกร่งลึกล้ำอย่างแท้จริง…

ขณะนี้สีหน้าของโหยวเทียนหงแปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น

แขนเสื้อของเขากระพือ รัศมีพลังของเขาปะทุพุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้าอีกครั้ง ดาบยาวสีขาวราวหิมะซึ่งควบแน่นจากพลังสวรรค์และโลกซึ่งเขาหยิบยืมมาจากฟ้าดินโดยรอบยังคงอยู่ในมือ เขาฟันออกไปต้านปราณดาบของซูอี้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีอยู่!

ดาบมหาอัสนีสยบมาร!

นี่คือกระบวนท่าดาบโบราณที่เขาฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง ดาบนี้อัดแน่นด้วยธาตุสายฟ้า มันจึงสามารถสังหารภูตผี เข่นฆ่ามารร้าย หรือแม้กระทั่งทำลายดวงวิญญาณของคนเป็น!

ที่บนยอดผาชมเมฆาสมุทรเกิดการระเบิดเสียงดังสนั่นฟ้าอีกครั้ง

ผู้คนที่กำลังรับชมสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจนว่าขณะนี้ปราณดาบทั้งสองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงคล้ายกับน้ำและไฟซึ่งไม่อาจเข้ากันได้ กำลังต่อต้านกันอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสะเทือนฟ้าคำรน

หลังจากปะทะได้เพียงชั่วอึดใจ เสียงคำรามอันดังสนั่นก็ลั่นออกจากปราณดาบของซูอี้ มันค่อย ๆ แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทีละคืบ แต่ในขณะเดียวกัน ปราณดาบยาวสีขาวราวหิมะที่ควบแน่นโดยโหยวเทียนหงก็เริ่มพังทลายลงเช่นกัน

ตูม!

ในท้ายที่สุด ร่างของโหยวเทียนหงสั่นคลอนจากคลื่นพลังอันกดดันยิ่งยวด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยว

เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยับยั้งดาบของซูอี้เอาไว้ได้ แต่ปราณดาบสีขาวในมือของเขาขณะนี้แหลกสลายจนแทบจะหมดสิ้น …ในขณะที่ปราณดาบสีดำของซูอี้ยังคงหลงเหลือ!

โดยไม่ลังเลอีกต่อไป

ชิ้ง!

โหยวเทียนหงสละปราณดาบสีขาวราวหิมะในมือของเขา ก่อนจะชักดาบจริงอันแวววาวราวกับหยกขาวใสจากข้างเอวออกมาอย่างฉับพลัน บนใบดาบที่เขาชักออกมานั้นมันมีอักขระซึ่งแฝงไปด้วยพลังอัสนีถูกสลักอยู่โดยทั่ว แต่เพียงชักดาบนี้ออกมาเพียงชั่วพริบตา บรรยากาศรอบด้านหนักอึ้งและอันตรายอย่างไม่อาจคาดเดาได้

บรรดาผู้ชมที่กำลังเฝ้าดูด้วยความตั้งใจ ต่างรู้สึกว่าดวงตาของพวกเขาพร่าเลือนเมื่อเห็นประกายแสงจากดาบของโหยวเทียนหงอันพร่างพราว และต่อมามันราวกับพวกเขาอยู่ในภวังค์ มันคล้ายกับพวกเขากำลังเห็นมังกรอัสนีตัวสีขาวผ่องโบยบินอยู่บนท้องฟ้า เรียกฟ้าร้องและฟ้าผ่าจนสะเทือนเลือนลั่น

จู่ ๆ เมฆหนาทึบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแจ่มใส

เพียงชักดาบนี้ออกจากฝัก มันคล้ายว่าโลกเปลี่ยนแปลง เมฆครึ้มบดบังดวงอาทิตย์ เสียงฟ้าร้องครืนดังขึ้นไม่ขาดสาย!

เหล่าเทพเซียนเดินดินที่รับชมเหตุการณ์อยู่ต่างอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกาย ศาสตรานี้ช่างอัศจรรย์นัก เพียงแค่ถูกชักออกมันก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของโลกได้!

ศาสตรานี้ควรเป็นสมบัติระดับใดกัน?

ดวงตาของซูอี้เผยออกด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

เมื่อสามวันก่อน เขาได้เห็นโหยวเทียนหงชักดาบนี้ออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเวลานั้น เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าศาสตราวิญญาณนี้ไม่ธรรมดา

และก่อนที่จะมาถึงผาชมเมฆาสมุทร เยว่ซือฉานยังได้เตือนเอาไว้ว่าดาบของโหยวเทียนหงนั้นมาจากสถานที่ซึ่งถูกเรียกว่าทะเลวิญญาณโกลาหลในส่วนลึกของดินแดนต้าฉิน ซึ่งอำนาจของดาบนี้นั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดาบเล่มนี้ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ วิธีการหลอมสร้าง หรือแม้แต่ ‘บัญญัติอัสนี’ ที่สลักอยู่บนมัน

ดาบเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดศาสตราวิญญาณระดับวิถีต้นกำเนิด!

แน่นอนว่าดาบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปสามารถหลอมสร้างขึ้นได้ ผู้ที่สร้างดาบได้เช่นนี้จะต้องเป็นปรมาจารย์ช่างตีดาบที่มีความเชี่ยวชาญในด้านอักขระและการสลักบัญญัติเพื่อสร้างดาบเช่นนี้ได้อีกต่างหาก

เมื่อดาบอยู่ในมือของโหยวเทียนหง กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาเปลี่ยนไปในทันใด สีหน้าของเขากลับมาเป็นสงบเช่นเดิมเหมือนกับแรกเริ่ม จิตใจมั่นคงราวกับเหล็กกล้าไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดอีกต่อไป

ครืน!!

เขาฟันดาบไปทางซูอี้ในทันที ส่งผลให้ฟ้าร้องดังลั่นก่อนที่ปราณดาบสีขาวราวหิมะจะพุ่งผ่านอากาศคล้ายกับสายฟ้าสีขาวฟาดเข้าใส่ซูอี้อย่างรุนแรง

สภาวะของโหยวเทียนหงขณะนี้ประหนึ่งคล้ายเทพอัสนีผู้ถือดาบลงมาจากสรวงสวรรค์!

แลเห็นปราณดาบคล้ายสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาหา ซูอี้จึงตอบสนองด้วยการเหยียดสองนิ้วออกไปประหนึ่งดาบและแทงออกอย่างไม่หวาดหวั่น

ตูม!

ทันทีที่พลังทั้งสองสายปะทะกัน มันบังเกิดการระเบิดครั้งมโหฬารยิ่งกว่าก่อนหน้า คลื่นกระแทกแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง ผืนดินเป็นหลุมยุบราวกับมีใครเอาพลั่วยักษ์มาตักดินออกไปในพริบตา ท้องฟ้าเลือนลั่นไปด้วยเสียงสายฟ้า

การโจมตีของซูอี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ซูอี้หาได้ใช้พลังของตัวเองจนถึงขีดสุด แต่ทว่าพลังดาบนี้ที่เขาแทงออกไปนั้นก็รุนแรงพอที่จะสังหารเทพเซียนเดินดินขอบเขตไร้เบญจธัญทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

ทว่าโหยวเทียนหงนั้นโชคดีที่มีศาสตราอันแสนวิเศษซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้เขาอย่างมหาศาล เขาจึงสามารถต้านทานพลังของซูอี้ได้

ด้วยดาบในมือ โหยวเทียนหงทั้งฟัน แทง เสย ฟันขวาง สับ และเฉือน ในชั่วพริบตาเขาออกกระบวนท่าไปมากกว่าหลายสิบครั้งติดต่อกัน

มองด้วยตาเปล่า ผู้ชมทั้งหลายจะเห็นว่าผาชมเมฆาสมุทรขณะนี้เต็มไปด้วยแสงแวบวาบสีขาวพร่างพราว พลางมีเสียงคล้ายฟ้าร้องดังก้องและมีเสียงคล้ายโลหะกระทบกันผสานไม่หยุดหย่อน!

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

มันเหมือนกับการดวลกันระหว่างเทพสวรรค์ ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันรวดเร็วจนผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปไม่มีใครมองตามได้ทัน ผู้ชมส่วนใหญ่ต่างเห็นเพียงแค่แสงอันพร่างพราวพุ่งเข้าใส่กันแวบวาบไปมา

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจคือแม้ว่าโหยวเทียนหงจะชักดาบของตนเองออกจากฝักแล้ว แต่เขากลับไม่ได้เปรียบซูอี้เลยแม้แต่น้อย อย่างดีที่สุดเขาเพียงแค่แข็งแกร่งทัดเทียมกับซูอี้ซึ่งยังไม่ได้ชักดาบนิกาฬกลืนฟ้าออกมาก็เท่านั้น!

ฉากนี้ทำให้เหล่าบุคคลยิ่งใหญ่ทั้งหลายสั่นไปทั้งร่างกายและจิตใจ

พวกเขารู้อยู่แล้วว่าซูอี้แข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่คิดว่าซูอี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้!

แม้แต่โหยวเทียนหงสีหน้าก็เริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้ง เขาไม่คิดเลยว่าซูอี้จะสามารถสกัดกั้นดาบของเขาทั้งหมดได้ด้วยมือเปล่าเช่นนี้!

ในเวลาเดียวกัน ซูอี้รู้สึกมีความสุขมาก ร่างกายของเขากำลังเดือดพล่านด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้

ทุกกระบวนท่าที่เขาสำแดงออกมันเรียบง่ายและไหลลื่น แต่ทุกการโจมตีนั้นเฉียบขาดแม่นยำและไร้ที่ติ ราวกับว่าเซียนผู้เป็นอมตะกำลังแสดงให้เห็นถึงวิถีดาบอันเลิศล้ำแก่สรรพสัตว์ในโลกเบื้องล่างให้ได้รับชม

“ฮ่าห์!”

โหยวเทียนหงตะโกนเสียงดังก้อง

ดาบวิญญาณสีเงินซึ่งอยู่ในมือของเขา ฟาดฟันออกเป็นจังหวะทั้งช้าและเร็วสลับกันอย่างไม่อาจคาดเดา กระบวนท่าเปลี่ยนแปลงสามสิบหกครั้งติดต่อกัน ท้ายที่สุดทุกกระบวนท่าหลอมรวมจนกลายเป็นม่านดาบอันสมบูรณ์แบบครอบคลุมพื้นที่กว่าสามจั้ง

ภายในม่านดาบอันไร้ที่ตินี้มันแฝงไปด้วยพลังอัสนีอันรุนแรง ส่องแสงแวบวาบราวกับวันสิ้นโลก

“ไม่เลว!”

ซูอี้เอ่ยออกพลางยิ้ม ผมยาวของเขาปลิวไสว ปราณวิญญาณในร่างโคจรรุนแรงจนเดือดพล่าน ดวงตาของเขาเปล่งประกายคล้ายกับมีเปลวเพลิงสถิต!

จากนั้นเขาก็ขยับร่างอย่างฉับพลัน ใช้สันมือฟันออกประหนึ่งฟาดฟันดาบเข้าใส่ม่านดาบของโหยวเทียนหงซึ่งปกคลุมอยู่บนท้องฟ้า

เพลงดาบสุดปรีดี กระบวนท่าที่หนึ่ง ดึงดารา!

ปราณดาบสีดำลึกล้ำคล้ายกับความมืดมิดแห่งห้วงอวกาศพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า มันท่วมท้นไปด้วยอำนาจอันเลิศล้ำและแผ่ขยายออกเรื่อย ๆ ราวกับไร้ที่สิ้นสุด

ตูม!

ด้วยดาบเดียว ม่านดาบอัสนีกว้างสามจั้งของโหยวเทียนหงสั่นคลอนอย่างรุนแรงในทันที

แม้ว่าปราณดาบของซูอี้จะสลายหายไปในตอนท้าย แต่เลือดกับปราณวิญญาณภายในร่างของโหยวเทียนหงกลับปั่นป่วนอย่างรุนแรง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset