📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 238

บทที่ 238 - จี้หยกโลหิตวิญญาณ!
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ผู้ที่นำมาคนแรกเป็นผู้ชายสวมชุดเขียวผู้หนึ่ง ใบหน้าแคบยาว บนหัวสวมหมวกสูง

ผิวของเขาขาวซีด เบ้าตาลึก ในมือถือโคมไฟกระดาษสีดำ มีกลิ่นอายเยือกเย็นและลึกลับ ประหนึ่งเดินออกมาจากนรกก็ไม่ปาน

ด้านหลังชายที่สวมชุดเขียว มีกลุ่มศพมีชีวิตที่มีใบหน้าแข็งทื่อ แววตาเลื่อนลอย มีทั้งชายทั้งหญิง ทั่วร่างมีไอชั่วร้ายสีดำเข้มข้นลอยขึ้นมา

ผู้คุมศพ จงเหยา!

หนึ่งในเก้าผู้อาวุโสพรรคมารหยิน เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาคุมศพ มีการบำเพ็ญสูงสุดระดับปรมาจารย์ขั้นสี่

“ไอ้แก่ หรือว่ามีเจ้าเพียงผู้เดียวที่อยู่ที่นี่?”

แววตาของมู่ซีดั่งสายฟ้า เอ่ยด้วยเสียงก้องกังวานออกมา

“แค่จัดการพวกเจ้า มีจงผู้นี้คนเดียวก็พอแล้ว”

จงเหยายิ้มออกมาเล็กน้อย น้ำเสียงที่แหลมเล็กราวกับมีดเลื่อยเสียดสีกันจนแสบหู “แน่นอนว่า หากพวกเจ้าออกไปตั้งแต่ยามนี้ จงผู้นี้จะอดทนไม่ลงมือฆ่า”

มู่ซีหัวเราะขึ้นมา “ตัวข้ากลับอยากจะลองดูว่า คนเลวที่เป็นคนก็มิใช่ผีก็มิใช่อย่างเจ้ามีความสามารถเท่าใดกัน ถึงได้ริอาจคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากอายเช่นนี้!”

น้ำเสียงดั่งสายฟ้าฟาด ดังกังวานไปทั่ว

เขาสวมเสื้อผ้าขาวสะอาด มือกุมหอกสู้รบสีทองไว้ พร้อมกับเร่งรัดการบำเพ็ญทั่วร่าง พลันอานุภาพที่แข็งแกร่งก็แผ่ขยายออกมา อานุภาพยิ่งใหญ่เกรียงไกรยิ่ง

“เหอะ! ยากที่จะเกลี้ยกล่อมผีสางด้วยคำพูดดี ๆ ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ จงผู้นี้จะส่งเจ้าเดินทางไปอีกโลกหนึ่งในตอนนี้เลย!”

จงเหยาพ่นเสียงเย็นออกมา พลิกมือซ้ายที่ว่างอยู่ พลันแผ่นทองแดงวงกลมดั่งกระดองเต่าก็ปรากฏออกมา

เขาใช้นิ้วขีดเส้นอยู่บนแผ่นทองแดงนั้นทันที

ฮึ่ม!

ภายใต้ท้องนภา ‘บัวมารโลหิต’ ขนาดใหญ่เก้าดอกส่งเสียงประหลาดออกมาทันที

จากนั้น แท่นบูชาหนึ่งร้อยแปดแท่งทั้งสองด้านที่อยู่บนผืนดินก็สั่นไหว เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ ประหนึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากความเงียบสงัด

ตูม!

พื้นดินสนั่นสั่นไหวไปทั่ว

พลันมีเสียงพึมพำคลุมเครือดังขึ้นมา ราวกับเสียงกระซิบของผี และเหมือนกับเสียงกรีดร้องที่แปลกของผีดุร้าย

พลังแปลกประหลาดที่มองไม่เห็นนั้น ประหนึ่งกระแสน้ำแผ่กระจายออกมา

“มันคือพลังของคลื่นค่ายกลต้องห้ามนั่น!”

ใบหน้าน่ารักของหนิงซือฮวาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เสียงพึมพำที่เกิดขึ้นในยามนี้แตกต่างกับเสียงพึมพำที่พบระหว่างทางก่อนหน้า เสียงพึมพำในยามนี้คล้ายกับคลื่นมรสุมของทะเลโหมซัดกระหน่ำ ดังกังวานประหนึ่งสายฟ้าฟาด ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

“ไม่ดีแน่!”

ยามนี้ ผูอี้ รองเจ้าตำหนักซิงหยา เจียงถานอวิ๋น ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักคงต้ง ผู้อาวุโสรองหลูฉางเฟิง รวมถึงเชินจิ่วซงเหมือนถูกโจมตีด้วยสายฟ้า เจ็บปวดรุนแรงประหนึ่งจิตวิญญาณถูกฉีกขาด บนใบหน้าเผยความเจ็บปวดอย่างสุดขีดออกมา

แม้แต่หนิงซือฮวาก็อดพ่นเสียงต่ำออกมาไม่ได้ ทั้งร่างสั่นไหว ใบหน้าที่อ่อนเยาว์เผยความขาวซีดออกมา

และด้วยการโจมตีของเสียงพึมพำนั่น ทำให้พวกเขาแต่ละคนเหมือนกับมึนเมา ทั้งร่างซวนเซ และกุมหัวร้องด้วยความเจ็บปวดด้วยความทุกข์ทรมาน

แม้มีการบำเพ็ญ ทว่าไร้ประโยชน์มิอาจโจมตีคลี่คลายและต้านทานเสียงพึมพำเหล่านั้นได้!

ไม่แปลกใจนักที่สิ่งนี้จะน่าหวาดกลัวมาก

“ราชาสะกดขุนเขา เห็นแล้วหรือยัง ภายใต้ ‘เก้าวังคุมขังมาร’ ของพรรคมารหยินข้า ผู้ช่วยเหล่านั้นของเจ้าล้วนอ่อนแอ!”

พลันมีเสียงหัวเราะอย่างลำพองใจที่เล็กแหลมของผู้คุมศพดังเข้ามาจากที่ไกล “จงผู้นี้มิได้คุยโวโอ้อวด แม้แต่เทพเซียนเดินดินที่เข้ามา ก็มิอาจทนรับการโจมตีของสิ่งนี้ได้!”

ภายใต้ท้องฟ้า บัวมารโลหิตขนาดมหึมาเก้าดอกก็สั่นไหวไปมา เชื่อมโยงกับแท่นบูชาที่อยู่บนพื้นทั้งหนึ่งร้อยแปดแท่ง ปลดปล่อยเสียงพึมพำที่คลุมเครือออกมา ราวกับคลื่นกระแสน้ำแผ่กระจายทั่ว

เมื่อเผชิญหน้ากับพลังค่ายกลต้องห้ามที่น่าหวาดกลัว ซึ่งทรงพลังเพียงพอสยบยอดยุทธ์ มันก็ทำให้ทุกคนเขม็งตึง ทว่าขณะเดียวกัน ค่ายกลที่ว่าก็คล้ายจะเปราะบางมากทีเดียว!

“ทุกท่านอดทนไว้ ข้าจะไปฆ่าเจ้าหน้าตาอัปลักษณ์นี้เอง!”

มู่ซีร้องตะโกนเสียงดังออกมา ร่างที่เหมือนกับสายฟ้าแลบ พุ่งไปในอากาศจู่โจมผู้คุมศพที่อยู่ไกลออกไป

เคร้ง!

แขนเสื้อเขาปลิวไสว หอกสู้รบสีทองที่อยู่ในมือกวัดแกว่งไปในอากาศ ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยจิตสังหาร คล้ายกับเทพเจ้าแห่งสงครามชำเลืองมองลงมา อานุภาพช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง

“ที่แท้ ชายหนุ่มนี้ก็มีไพ่ตายอีกใบหนึ่ง จิตวิญญาณถึงไม่ได้รับการโจมตี…”

เมื่อเห็นมู่ซีโจมตีเข้ามา คล้ายกับว่าผู้คุมศพจะไม่แปลกใจ แต่กลับส่ายหน้าอย่างเหยียดหยาม

“ราชาสะกดขุนเขา เจ้าคิดจริงรึว่าที่แห่งนี้มีจงผู้นี้เพียงผู้เดียว?”

คำพูดยังไม่ทันจบ

ตูม!

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นคล้ายฟ้าร้อง มีชายชาตรีที่มือหนึ่งกุมค้อนคู่ไว้ รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีแดงราวกับเลือดพุ่งออกมาจากอากาศ

ถูหง

หนึ่งในเก้าผู้อาวุโสพรรคมารหยิน แกร่งกล้าสามารถ ชอบฆ่าจนติดเป็นนิสัย โหดเหี้ยมและดุร้าย มีชื่อเสียงชั่วร้ายว่า ‘มืออาบโลหิต’

ทันทีที่ถูหงปรากฏตัวออกมา ก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาครู่หนึ่ง กวัดแกว่งค้อนคู่ขนาดใหญ่ในมือทุบไปทางมู่ซีอย่างโหดเหี้ยม

ตูม!

ค้อนมหึมาดุจเขาลูกใหญ่ นำพากระแสอานุภาพมหาศาลปะทุอย่างบ้าคลั่งไร้เทียมทาน

“หลีกไป!”

มู่ซีพ่นเสียงเย็นออกมา แกว่งหอกสู้รบสีทองในมือออกไปทันที นำพากระแสแห่งการทำลายล้างสีทองออกมา

เคร้ง!!!

ท่ามกลางเสียงกระทบกันที่ดังสะเทือนเลือนลั่น ร่างของถูหงที่สูงใหญ่ผมแดงก็ถูกกระแทกลอยออกไป ทำให้ผืนดินยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับแขนขวาที่กระเด็นกระดอนออกไป

บุคคลโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างปรมาจารย์ขั้นสี่ผู้นี้ ในระหว่างที่เผชิญหน้ากันโดยตรง ไม่นึกว่ามิอาจรับการโจมตีนี้ของมู่ซีได้!

และมู่ซีก็ไม่รอช้า พุ่งไปโจมตีผู้คุมศพทันที

เขามองออกว่า แผ่นหินค่ายกลที่อยู่ในมือผู้คุมศพ คือส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเสียงพึมพำแปลกประหลาดนั่น

เพียงแค่ทำลายแผ่นหินค่ายกลนั้นทิ้ง สถานการณ์ก็จะพลิกกลับอย่างแน่นอน

ทว่ามู่ซียังไม่ทันได้เข้าไปใกล้

จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงที่สวมชุดสีดำปรากฏตัวออกมาในอากาศอย่างแปลกประหลาด ขวางทางเขาไว้

ผู้หญิงชุดดำนี้มีผิวที่ขาวผ่อง หน้าตางดงาม ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับปรากฏแสงสีครามแปลก ๆ ออกมา

ฉับพลันที่มือทั้งสองของนางเคลื่อนไหวโนlวลกูดoทคอม

ครืน

วายุใบมีดสีเลือดเต็มท้องฟ้าแผดเสียงคำรามออกมา พลันม้วนกวาดขึ้นไป

อากาศที่ราวกับผ้าไหม ถูกฉีกออกจากกันด้วยวายุใบมีดสีเลือดนับไม่ถ้วนและเกิดรอยแตกที่ยาวแคบ

นัยน์ตาของมู่ซีแข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าลึก พลันกวัดแกว่งหอกสู้รบสีทองออกไปอีกครั้ง

ฉึก!

ตูม!

ประจุไฟฟ้าสีทองปรากฏออกมานับไม่ถ้วน ดั่งฟ้าร้องวันโลกาพินาศ ด้วยพลังทำลายล้างดังกล่าว ผ่าวายุใบมีดสีเลือดนับไม่ถ้วนนั่นแหลกละเอียด เกิดเสียงดังระเบิดขึ้นมา แสงฝนสาดกระจาย

“เริ่ม!”

หญิงสวมชุดดำแผดเสียงเล็กแหลมออกมาจากปาก พลันพายุโลหิตสูงหลายสิบจั้งก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา ฉีกแยกท้องฟ้าเป็นสองส่วน

ตู้ม!

ร่างของมู่ซีถูกม้วนเข้าไปในพายุโลหิตทันที ร่างเขาสั่นไหวไปมา ประหนึ่งถูกใบสนจู่โจมเข้ามาจนฉีกขาด ช่างอันตรายยิ่งนัก

ทว่าแค่พริบตาหนึ่ง ร่างของมู่ซีก็ระเบิดแสงเทพสีทองเจิดจ้าแวววาวออกมา หอกสู้รบสีทองที่อยู่ในฝ่ามือก็กวาดออกไป

ตูม!!

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น พายุโลหิตหลายสิบจั้งก็ระเบิดแตกออก

ผู้หญิงชุดดำพ่นเสียงต่ำออกมา ร่างกายสั่นไหว รูม่านตาสีฟ้าแปลก ๆ นั้นเผยความตกใจออกมา

เจ้าราชาสะกดขุนเขานี่ แข็งแกร่งยิ่งนัก!!

ท่ามกลางแสงฝนที่กระจายไปทั่ว ร่างของมู่ซีเคลื่อนไหวฉับไว ถือหอกสู้รบสีทองจู่โจมเข้าไป

หญิงชุดดำมิอาจลังเล จึงยกมือเขย่ากระดิ่งสีเลือดขึ้น

กริ๊ง

ไอชั่วร้ายสีดำกลิ้งตลบออกมาจากอากาศ ประหนึ่งประตูแห่งนรกเปิดออก กลุ่มผีดุร้ายมากมายพุ่งออกมา

พวกมันโห่คำราม แผดเสียงดังก้อง พุ่งเข้ามาหามู่ซีด้วยพลังที่ล้นหลาม

ในขณะเดียวกัน ถูหงที่ร่างสูงใหญ่ผมแดงก็จู่โจมขึ้นมาอีกครั้ง เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ไปทางมู่ซีจากทางด้านหลัง

มู่ซีขมวดคิ้ว พลางเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเจ้ารนหาที่ตายเองนะ!”

แขนเสื้อเขาสั่นไหว ฝ่ามือซ้ายปรากฏจี้หยกสีแดงสดราวกับไฟเผาออกมาอย่างเงียบ ๆ

ชั่วพริบตาหนึ่ง พลังทั่วร่างของมู่ซีก็พุ่งสูงขึ้น แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่ไม่รู้กี่เท่า!

ภาพเหตุการณ์นี้ ถูกซูอี้ที่สนใจการต่อสู้อยู่ตลอดจับจ้องได้พอดี พลันนัยน์ตาก็เผยความประหลาดใจออกมา

จี้หยกซึ่งแปรสภาพจากโลหิตวิญญาณที่แท้จริง?

มิน่าเล่า เขาถึงสามารถเป็นราชาต่างสกุลได้ตั้งแต่อายุยังน้อยในโลกใบนี้!

ก่อนหน้านี้ ซูอี้ก็มีการคาดเดา และสงสัยว่ามู่ซีมีของล้ำค่าหายากชิ้นหนึ่งซ่อนอยู่บนร่างเขา

และยามนี้ เมื่อเห็นจี้หยกที่เต็มไปด้วยวิญญาณอยู่ในฝ่ามือซ้ายของมู่ซี ซูอี้ก็เข้าใจในทันที

ที่เรียกว่าโลหิตวิญญาณแท้ เพราะมาจากเลือดของสัตว์วิญญาณที่แท้จริง ซึ่งมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้

ในมหาทวีปคังชิงที่ทุรกันดาร จี้หยกที่แปรสภาพจากโลหิตวิญญาณแท้จริงอย่างชิ้นนี้ ย่อมถูกเรียกว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหายาก สามารถดึงดูดความกระหายและการแย่งชิงของบุคคลที่มีขอบเขตสูงส่งได้!

ไม่แปลกใจเลย จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแข็งแกร่งที่สุดซึ่งราชาสะกดขุนเขามู่ซีพึ่งอาศัย!

แต่ว่า สำหรับซูอี้ ที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือ มู่ซีนำจี้หยกชิ้นนี้มาจากที่ใดกัน

ถึงอย่างไรบนโลกใบนี้ ภายใต้พลังวิญญาณของโลกที่เหือดแห้ง มิอาจเกิดสัตว์วิญญาณแท้จริงที่น่าหวาดกลัวเติบโตขึ้นบนโลกได้

“ร่างของชายหนุ่มผู้นี้ ต้องมีความลับอย่างอื่นอีกแน่”

ซูอี้แอบพึมพำในใจ

ตูม!

ในการต่อสู้ การประลองได้ปะทุขึ้น และหลังจากพลังของจี้หยกพุ่งสูง มันก็ราวกับว่ามู่ซีมีทวยเทพช่วยเหลือ แค่ไม่กี่พริบตาเท่านั้น ก็สกัดกั้นการโจมตีของถูหงและหญิงสวมชุดดำได้

หญิงสวมชุดดำบาดเจ็บกระอักเลือด เส้นผมกระจัดกระจาย

หน้าอกของถูหงปรากฏรอยเลือดเป็นทางยาวแคบออกมา เนื้อหนังปริแตก เลือดแดงฉานไหลหยดลงมา

สายตาของทั้งสองมองไปที่มู่ซี เผยความหวาดผวาออกมา ไม่นึกเลยว่า ราชาต่างสกุลที่อายุน้อยที่สุดแห่งต้าโจวผู้นี้จะแข็งแกร่งเช่นนี้

“สังหาร!”

แขนเสื้อมู่ซีปลิวไสว กวัดแกว่งหอกสู้รบ และจู่โจมเข้าไปอีกครั้ง

ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงทอดถอนใจดังขึ้นมา “ไม่เสียทีที่เป็นราชาสะกดขุนเขา หากให้เวลาสิบปีแก่เจ้าอีกครั้ง เกรงว่าในต้าโจวแห่งนี้คงมีหงเซินชางปรากฏตัวออกมาอีกคนหนึ่ง”

เสียงถอนหายใจดังลอยอยู่ในอากาศ ชายชุดขาวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา

หนวดเคราผมเผ้าเขามีสีเทาขาว ใบหน้าผอมแห้ง นัยน์ตาราวกับผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ชั่วพริบตาที่ปรากฏออกมานั้น ก็กวัดแกว่งมือขวาเบา ๆ

ตูม!

พายุที่โหมกระหน่ำ เมฆโลหิตม้วนกลับ รวมตัวกันเป็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ ทุกนิ้วล้วนหนาใหญ่ราวกับหินเสา เปล่งประกายด้วยแสงโลหิตที่แสบตา และโจมตีเข้ามา

มุทรามารโลหิต!

สิ้นเสียง ‘ตูม’ ที่ดังออกมา ร่างของมู่ซีสั่นไหว ถูกกระแทกจนถอยกลับไปหนึ่งก้าว

เมื่อตระหนักถึงฐานะตัวตนของอีกฝ่าย รูม่านตาของมู่ซีหดแคบ สีหน้าปรากฏความเคร่งขรึมที่หาได้ยากออกมา “รองประมุขพรรคมารหยิน ฮวาหลิวเยว่?”

ชายสวมชุดขาวยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่นึกเลยว่า ราชาสะกดขุนเขาก็รู้ชื่อข้าด้วย”

มีแสงดาวเปล่งประกายอยู่ในตามู่ซี “ผู้คนล้วนคิดว่าเจ้าถูกราชครูหงเซินชางสังหารไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน ดูเหมือนยามนี้ ผู้คนคงถูกเจ้าหลอกแล้ว”

ฮวาหลิวเยว่ เป็นผู้ที่มีจิตใจทะเยอทะยานทำเรื่องชั่วร้าย และก็เป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้าผู้หนึ่ง!

ชื่อเสียงความชั่วร้ายของเขา ดังขจรไปทั่วเมื่อหลายสิบปีก่อน และถูกรู้จักในนามปีศาจเฒ่าที่แข็งแกร่งเคียงบ่าเคียงไหล่กับราชครูหงเซินชางได้

สิบปีก่อน หงเซินชางนัดฮวาหลิวเย่วประลองที่ยอดเขา ‘ภูเขาเจินอู่’ ในต้าโจว

สุดท้ายการประลองในครานั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของราชครูหงเซินชาง

และสำหรับผู้ที่ดูการประลอง ในศึกสุดท้าย ฮวาหลิวเย่วได้ถูกราชครูหงเซินชางใช้ดาบแทงทะลุร่าง ตายในทันที ร่างศพของเขาถูกหงเซินชางทิ้งเข้าไปในแม่น้ำเทียนหลานใต้หน้าผาสูง

ทว่ามู่ซีกลับไม่นึกเลยว่า สิบปีต่อมา กลับเจอปีศาจเฒ่าฮวาหลิวเยว่ในส่วนลึกของหุบเขามารบุปผาโลหิตอีกครั้ง!

หากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จักต้องสั่นสะเทือนไปทั้งต้าโจวแน่

อีกอย่าง ชื่อเสียงชั่วร้ายของฮวาหลิวเยว่นั้นขจรไปทั่ว หลายสิบปีก่อนเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่ไม่มีผู้ใดต่อกรด้วยได้ และเคยริเริ่มพายุการนองเลือดไม่รู้ตั้งกี่ครา!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset