📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 182

บทที่ 182 - ท่านอาซูระห่ำจริง ๆ
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ทุกคนต่างก็ถอยออกเพื่อเปิดให้มีพื้นที่โล่งกว้าง สังเกตมองจากไกล ๆ สีหน้าแต่ละคนล้วนมีความหวัง

หูเจี่ยว

อายุสิบหกปี ศิษย์สายในแห่งสถานหมู่ดารา การฝึกตนอยู่ขั้นหนึ่งในขอบเขตรวบรวมลมปราณ รากฐานวิถียุทธ์ฝังลึก ได้รับสมญานามในคนขอบเขตเดียวกันว่า ‘ใช้หนึ่งแทนสิบ’

หากเป็นโลกภายนอก ผู้แก่กล้าขอบเขตรวบรวมลมปราณทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนุ่มน้อยอายุสิบหกปีคนนี้

“ศิษย์น้องหูเจี่ยว อย่าได้รุนแรงมากนัก หากพูดออกไปจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของตำหนักเทียนหยวนของพวกเรา”

สาวน้อยกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนบอกเตือน

“แน่นอน” หูเจี่ยวยิ้มพลางตอบ

เจิ้งมู่เหยาทำสายตาประหลาด กล่าวขึ้น “หูเจี่ยว ข้าว่าเจ้าพยายามออกฝีมือให้เต็มที่จะดีกว่า เวลาที่ถูกท่านอาข้าซัด จะได้ไม่ต้องอ้างว่าเป็นเพราะประมาทเกินไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง คนที่ขายหน้าก็คือตัวเจ้าเอง”

ทุกคนต่างก็นิ่งตะลึง กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ในสายตาของนางมารน้อยคนนี้ หูเจี่ยวไม่อาจจัดการกับเขยขยะแต่งเข้าบ้านคนนี้ได้เช่นนั้นหรือ?

เซี่ยงหมิงเกิดความคิด กล่าว “หูเจี่ยว ระวังตัวหน่อย อย่าได้ชะล่าใจ ควรต้องรู้ว่าอินทรีจับกระต่ายยังต้องสู้เต็มกำลัง”

ดวงตาของหูเจี่ยวเป็นประกาย พยักหน้ากล่าว “ได้!”

ซูอี้เห็นเช่นนี้แล้วอดถอนใจขึ้นมาเบา ๆ ไม่ได้ “คนหนุ่ม ต่อให้เจ้าออกพลังมาเต็มที่ ก็เป็นได้แค่มดตะนอยขย่มต้นไม้เท่านั้น เท่ากับเอาไข่ทุบกับหิน”

เขารู้สึกทนไม่ได้ที่จะต้องรังแกคนหนุ่มเช่นนี้

ทว่าใครจะคาดคิดเล่าว่าหูเจี่ยวได้ยินคำกล่าวนี้แล้วกลับเดือดดาลขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “ตอนที่เจ้าคุกเข่า ข้าจะให้เจ้าพูดประโยคนี้อีกครั้ง!”

เขาเดินพลังการฝึกตน แรงพลังเปลี่ยนแปลงในทันใด สายตาเฉียบคมน่าพรั่นพรึง ทันใดก้าวขึ้นมาข้างหน้า บิดเอวปล่อยหมัด

โครม!

ราวกับอากาศระเบิดเสียงดังกึกก้อง ในฉับพลันหมัดนี้ของหูเจี่ยวราวกับดวงดาวพร่างพราวแสงระยับบาดตาแหวกทะลุอากาศราวกับสายฟ้าฟาด

คนหนุ่มสาวเหล่านั้นพากันพยักหน้า

หมัดดาราทลาย หนึ่งในยุทธ์ศึกษาระดับสุดยอดขั้นลี้ลับจากสามสิบหกวิชา หมัดประดุจดวงดาวพร่างพราว ระเบิดประดุจสายฟ้าฟาด กำลังทำลายล้างน่าพรั่นพรึงเป็นที่สุด

หูเจี่ยวปล่อยหมัดนี้ออกมา เสียงดังกึกก้องราวกับระเบิด แสงดาวพร่างพราวระยับบาดตา เห็นได้ชัดว่าร่ำเรียนศึกษาวิชานี้จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ

กำลังการทำลายล้างขั้นนั้นสามารถฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระยะกลางของขอบเขตรวบรวมลมปราณในโลกสามัญได้อย่างง่ายดาย!

เพราะเหตุนี้จึงสามารถมองออกได้ว่า ถึงแม้เขาจะโกรธเกรี้ยวไม่พอใจ ทว่าไม่ได้ประมาทเลย

ซูอี้สีหน้าราบเรียบ ไม่รู้สึกวิตกและไม่รู้สึกผ่อนคลาย ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ตรงนั้นประดุจต้นสนตั้งตระหง่านบนภูผาสูง สงบนิ่งไม่สั่นคลอน

จนกระทั่งหมัดของหูเจี่ยวพุ่งเข้ามา เขาเอื้อมมือขวาออกไปตบเบา ๆ

หมัดของหูเจี่ยวหยุดอยู่ตรงหน้าซูอี้ในระยะห่างสามชุ่น ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้กว่านี้อีก ส่วนไหล่ของเขากลับโดนซัดด้วยฝ่ามือของซูอี้

ชั่วขณะนั้น ราวกับภูหลวงเขายักษ์กดทับตัว ไม่ทันได้ตอบโต้ ร่างของหูเจี่ยวก็คุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่รู้สึกตัว

ปัง!

แผ่นดินสะเทือน เสียงดังหนัก ๆ

หูเจี่ยวส่งเสียงโอดคราวญด้วยความเจ็บปวด กระดูกหัวเข่าแตกร้าว สั่นสะท้านไปทั้งตัว ใบหน้าคมเข้มบิดงอเข้าหากัน

คนในเหตุการณ์สงบนิ่งปราศจากเสียง

“นี่…”

คนมากมายถึงกับตะลึงอ้าปากค้าง ความคาดหวังจะแสดงความดีใจบนใบหน้าชะงักค้าง พวกเขารู้สึกสายตาพร่ามัว หูเจี่ยวกลับต้องพ่ายแพ้!

นัยน์ตาของเซี่ยงหมิงหดเล็กลง ไอ้คน ๆ นี้ประหลาดพิลึกจริง ๆ

เจิ้งมู่เหยาสะดุ้งขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก ฉับพลันรู้สึกเคว้งจนพูดไม่ออก ถึงกับเลียริมฝีปากอิ่มเอิบชมพูระเรื่อ ยังดูได้ไม่หนำใจเลย จบเร็วเกินไปแล้วกระมัง?

“ขออภัย ออกแรงมากไปหน่อย ไม่นึกว่าเจ้าจะอ่อนถึงเพียงนี้”

ซูอี้เอ่ยเบา ๆ

เขาเก็บกำลังส่วนใหญ่ไว้แล้ว เพราะเกรงว่าจะซัดฝ่ายตรงข้ามจนถึงตายหรือพิการ ไม่นึกเลยว่ายังคงกระเทือนกระดูกหัวเข่าของฝ่ายตรงข้ามจนแตกร้าวได้

แน่นอนที่สุดว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ กล่าวได้แต่เพียงซูอี้ประมาณรากฐานวิถียุทธ์ของศิษย์สายในแห่งตำหนักเทียนหยวนสูงเกินไป

คนอื่น ๆ “…”

“ซูอี้ เจ้าสามารถฆ่าข้าได้ แต่ดูถูกข้าไม่ได้!”

หูเจี่ยวบันดาลโทสะ ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น

ซูอี้กล่าวน้ำเสียงเฉยชา “เมื่อสักครู่ตกลงกันไว้แล้วว่า ใครแพ้ต้องคุกเข่าสำนึกผิด หากว่าเจ้าลุกขึ้น ไม่เพียงแต่ตัวเจ้าเองเท่านั้นที่ต้องอับอาย ยังจะทำให้ตำหนักเทียนหยวนพลอยอับอายไปด้วย”

หูเจี่ยวนิ่งตะลึง สีหน้าประเดี๋ยวขาวประเดี๋ยวดำสลับกัน

“ต่อ”

ซูอี้กวาดตามองดูคนอื่น ๆ

เวลานี้ เห็นหูเจี่ยวคุกเข่าอยู่ตรงนั้นแล้ว สภาพจิตใจของหญิงสาวชายหนุ่มเหล่านั้นเกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งตื่นกลัวและตระหนก รับรู้แล้วว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล

“ตามที่เล่าขานกันมา การฝึกฝนของไอ้คน ๆ นี้ไม่เหลือแล้วไม่ใช่หรือ?”

สาวน้อยกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนพึมพำ

คนอื่น ๆ ก็สงสัยเช่นกัน บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาในทันใด

เจิ้งมู่เหยากอดอก กล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อสักครู่ยังโห่ร้องท้าทายให้ท่านอาซูของข้าขอโทษอยู่เลย เหตุใดตอนนี้จึงหดหัวกันไปหมดเสียเล่า? ข้าจะบอกให้พวกเจ้ารู้ วันนี้ใครกล้าออกไปจากที่นี่ ข้ารับรองได้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะจับคน ๆ นั้นมัดผูกติดกับต้นเฮงพันปีหน้าประตูตำหนักศึกษา ให้ทุก ๆ คนได้ชื่นชมกัน!”

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่นนี้โหดเกินไปแล้ว!

“ข้าเอง”

เป็นเซี่ยงหมิงแอบพยักหน้า

ส่งให้คนหนุ่มชุดสีทองก้าวออกมาข้างหน้า สีหน้าเคร่งขรึม ไม่มีท่าทีลำพอง “เหมิงทั่วแห่งตำหนักเทียนหยวน ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นสาม”

คนอื่น ๆ พากันตื่นเต้นขึ้นมา

ในบรรดาศิษย์สายในทั้งหลาย เหมิงทั่วถือเป็นคนเก่งมีความสามารถมาก!

เซี่ยงหมิงก็แอบพยักหน้าเช่นกัน วิถียุทธ์ของเหมิงทั่วนั้นแกร่งมาก อีกทั้งยังมีความสุขุมรอบคอบ ถึงแม้จะไม่เฉิดฉายจำรัสแสงเหมือนดังศิษย์ใหญ่สิบอันดับแรกของตำหนักศึกษา… ทว่าในขอบเขตรวบรวมลมปราณก็ยังถือได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง!

“แจ้งการฝึกตนออกมาเอง?”

ซูอี้หัวเราะขึ้นมา มองเพียงแวบก็อ่านความคิดของเหมิงทั่วออก “ไม่ต้องกลัว การฝึกตนของข้าเพียงแค่ขั้นสองของขอบเขตรวบรวมลมปราณเท่านั้น”

ขั้นสองของขอบเขตรวบรวมลมปราณ!โนlวลกูดoทคอม

รู้เช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างรู้สึกเห็นใจหูเจี่ยวผู้ที่เพิ่งอยู่ในขั้นหนึ่งของขอบเขตรวบรวมลมปราณ พ่ายแพ้เช่นนี้… ไม่ถือว่าเสียหน้า

ไม่อาจกล่าวโทษที่พวกเขาตาไม่ดี เป็นเพราะสี่ขอบเขตแห่งวิถียุทธ์เป็นขอบเขตแห่งสามัญ ประกอบกับพลังบนตัวซูอี้สงบราบเรียบ ยกเว้นแต่ผู้ที่มีจิตวิญญาณลึกล้ำรับรู้ฉับไวเท่านั้นที่สามารถมองออก มิเช่นนั้นเวลาที่ไม่แสดงฝีมือ ไม่อาจมองการฝึกตนของเขาออก

เห็นได้ชัดว่าเหมิงทั่วดูผ่อนคลายลงไปไม่น้อย ชักดาบออกจากฝักไม่พูดพล่ามอีก

ชิ้ง!

ดาบยุทธ์สีเงินเผยออกมา ชั่วพริบตา ทั้งร่างของเหมิงทั่วเต็มไปด้วยกลิ่นอายเข่นฆ่าอันดุดันครั่นคร้าม ทันทีที่แผดเสียงก็สะบัดดาบพุ่งเข้ามา

ราวกับลูกธนูยิงออกจากคัน ใครเห็นต้องประหวั่นพรั่นพรึง

“เพลิงเขียวพิฆาต!”

ชั่วขณะที่เหมิงทั่วตวัด ชั้นนอกของดาบยุทธ์สีเงินราวกับมีเพลิงไฟสีเขียวกำลังเผาผลาญ ฟันลงมาด้วยความเกรี้ยวกราด

พลังอานุภาพระดับนั้น ทำให้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับตื่นตะลึง

ร่างของซูอี้สงบนิ่ง ยังคงไม่เคลื่อนไปไหน

จนกระทั่งคมดาบสีเขียวราวกับถูกเผาผลาญฟันลงมา เขางอนิ้วดีด

เคร้ง!!!

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องราวกับแก้วหูจะทะลุ เหมิงทั่วเจ็บแปลบขึ้นมาที่ข้อมือ ดาบยุทธ์สีเงินในมือหลุดกระเด็น

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันใด กำลังจะร่นถอยหลัง

ทว่ามือเรียวยาวขนาดใหญ่ข้างหนึ่งตบลงบนไหล่ของเขาเบา ๆ

ตุบ!

แผ่นดินสะเทือน ร่างสูงใหญ่ของเหมิงทั่วก็คุกเข่า เข่าทั้งสองกระแทกพื้น ร่างถึงกับเกร็งกระตุกอย่างแรงเพราะความเจ็บปวด

รอบด้านเงียบสงบราวกับป่าช้า คนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก

หากบอกว่าหูเจี่ยวต้องพ่ายแพ้เนื่องจากการฝึกตนด้อยกว่าซูอี้ ถ้าเช่นนั้นการที่เหมิงทั่วต้องพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เพราะสาเหตุใด?

ที่น่ากลัวที่สุดคือทั้งสองล้วนถูกซูอี้ซัดกดติดพื้นในฝ่ามือเดียว ท่าทีผ่อนคลายเรียบง่ายเช่นนั้นสะทกสะท้านไปถึงก้นบึ้งหัวใจ

“เป็นไปได้เช่นไร…”

ในที่สุดเซี่ยงหมิงก็หน้าถอดสี เดิมทีเขายังมั่นใจเต็มที่ ไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ ทว่าเวลานี้ กลับไม่อาจสงบใจไว้ได้อีก

“ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นสามก็ยังทำอะไรไม่ได้ หรือว่าจะเป็นเหมือนดังที่บิดาพูด ท่านอาซูมีความสามารถในการฆ่าปรมาจารย์ประดุจเชือดคอไก่จริง ๆ?”

ดวงเนตรงามของเจิ้งมู่เหยาเบิกกว้าง ในใจสั่นสะท้านเกรงกลัว

ตัวนางเองก็ฝึกตนถึงขั้นสองของขอบเขตรวบรวมลมปราณเช่นกัน ทว่าถามใจตัวเองดู หากให้นางออกไปประมือ ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเหมิงทั่วอย่างเด็ดขาด

ทว่าต่อหน้าซูอี้ เหมิงทั่วกลับอ่อนปวกเปียกราวกับกระดาษ!

เปรียบเทียบกันเช่นนี้แล้ว เจิ้งมู่เหยาจะไม่ตกใจได้เช่นใด?

สีหน้าของเหมิงทั่วผู้คุกเข่ากับพื้นสลดหม่นหมอง กล่าวราวกับยากนักจะเชื่อ “แข็งแกร่งเช่นนี้… ก็เรียกว่าขั้นสองขอบเขตรวบรวมลมปราณเช่นนั้นหรือ?”

“เจ้าคิดว่า ข้าจำเป็นต้องโกหกเจ้าด้วยเช่นนั้นหรือ?” ซูอี้เอ่ยออกมา

สายตาของเขากวาดมองดูคนอื่น ๆ กล่าว “ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าลงมือพร้อมกันเลยดีหรือไม่?”

ข้อเสนอนี้จุดประกายแก่คนจำนวนไม่น้อย แววตาวาวสว่าง

ทว่าเพราะต้องเห็นแก่หน้า หรืออาจกล่าวได้ว่าเห็นแก่ฐานะหน้าตาของตัวเอง จึงทำให้พวกเขาลังเลใจยิ่งนัก

ถึงเวลานี้แล้ว ใครอีกที่ยังไม่เข้าใจว่าเมื่อสักครู่พวกเขามองผิดไปแล้ว?

ความพ่ายแพ้ของหูเจี่ยวกับเหมิงทั่วคือตัวอย่างที่ดีที่สุด!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เวลาเผชิญหน้ากับซูอี้ ในใจของพวกเขาหลายคนคิดอยากจะถอยหนี แอบนั่งเสียใจในภายหลัง ไหนเลยยังจะกล้าท้าทายด้วยความโอหังอีก?

“รีบหน่อย! พวกเจ้าเป็นถึงศิษย์สายใน จะขลาดกลัวได้เช่นใด? ไม่ต้องรักษาหน้ากับแล้วหรือ?”

เจิ้งมู่เหยาร้องตะโกนเสียงดังราวกับกลัวว่าเรื่องราวยังวุ่นวายไม่พอ

เช่นนี้ทำให้คนทั้งหลายล้วนทำสีหน้าปั้นยาก

“ในเมื่อเขาพูดขึ้นมาแล้ว พวกเราทุกคนก็ลงมือพร้อมกันเลยเถิด!”

เถียนตงหนุ่มน้อยในชุดสีขาวกัดฟันก้าวออกมาก่อนเป็นคนแรก

เห็นเช่นนี้แล้ว คนอื่น ๆ ก็มีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ต่างพากันรับปากแข็งขัน

ซูอี้พยักหน้า กล่าวคำออก “ไม่ผิด ยังถือได้ว่ามีจิตใจนักสู้ ข้าจะได้ไม่ต้องลงมือหลายครั้ง”

“บุก!” เถียนตงสะบัดมือชักดาบออกจากฝัก

หญิงสาวชายหนุ่มคนอื่น ๆ ขับเคลื่อนการฝึกตนของตนเองอย่างเต็มกำลังเช่นกัน ถือหอกถือดาบเป็นอาวุธ ใช้วิธีโอบล้อมรุมฆ่าซูอี้เพียงคนเดียว

ภาพเหตุการณ์นั้นไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตรวบรวมลมปราณบุกขึ้นมาทีเดียวพร้อมกัน

เกรงว่ากระทั่งบุคคลขอบเขตปรมาจารย์ในโลกสามัญยังต้องหลบการบุกล้อมเช่นนี้

ถึงแม้หนุ่มสาวเหล่านี้จะอายุยังน้อย ทว่าอย่างไรเสียก็ล้วนเป็นศิษย์สายในของตำหนักเทียนหยวนทั้งสิ้น แต่ละคนมีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา กุมเคล็ดวิชาที่เหนือกว่าคนขอบเขตเดียวกัน ไม่อาจเปรียบกับกำลังการต่อสู้ทั่วไปได้เป็นธรรมดา

เจิ้งมู่เหยาเห็นเช่นนี้ หัวใจยังรู้สึกเกร็งตาม

ทว่าครู่ถัดมา นางก็เห็นภาพที่คาดไม่ถึง…

ซูอี้ยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม ดุจดังมหาคีรีในบรรพกาลไม่มีใครเคลื่อนย้ายได้ ไม่ว่ามีคนมากมายเท่าใดฝ่าเข้ามา ล้วนถูกเขาซัดกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย

ไม่ว่าหอกดาบเช่นใด ล้วนไม่อาจทำร้ายเขาได้แม้แต่กระผีกเดียว

เพียงแค่กะพริบตาไม่กี่ที ศิษย์สายในของตำหนักเทียนหยวนก็ล้มระเนระนาดกองกับพื้น ไม่ว่าหญิงหรือชาย ล้วนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

มองไปที่ซูอี้ ชุดสีเข้มประดุจหยก ยังคงงดงามเหมือนดังเคย

เจิ้งมู่เหยาสูดลมเย็นเข้าปาก ในเนตรงามปรากฏสีสันประหลาด ท่านอาซู…ระห่ำจริง ๆ!!

ไม่ไกลนัก มีแต่เพียงเซี่ยงหมิงเท่านั้นที่ยืนอยู่ลำพังคนเดียว

เพียงแต่ว่า ใบหน้าคมเข้มของเขาในเวลานี้กลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตกใจกับภาพที่เห็นแต่ละภาพ ความหวาดหวั่นดังคลื่นลูกใหญ่ผุดขึ้นมาในหัวใจ

เขยขยะแต่งเข้าบ้านเพียงคนหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ฟื้นฟูการฝึกตนแล้ว แต่เป็นไปได้เช่นใดที่แข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?

ยังไงก็ต้องไม่ลืม… ว่าที่แห่งนี้เป็นถึงตำหนักเทียนหยวน!

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset