📣 ถ้ามองไม่เห็นเนื้อหาหรือลิ้งก์โหลด pdf เราแนะนำให้เปลี่ยน browser ที่ใช้งาน/เปิด javascript ด้วยจ้า
🆕 ลิงก์โหลดนิยาย 4sh กับ gdrive ไม่ใช่ของเรา รีบโหลดกันนะ ถ้าลิงก์ตายไฟล์หายก็คือหาย ไม่มีสำรองจ้า

อ่านนิยายฟรี บันทึกตำนานราชันอหังการ – ตอนที่ 147

บทที่ 147 - นกที่ขนเหมือนกันย่อมรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน
QR Code Facebook Twitter Telegram Pinterest

ศาลาคลื่นซัดทรายแห่งนี้นั้นแปลกแยกจากหอคณิกาที่อื่นอยู่จุดหนึ่ง นายหญิงผู้ดูแลแห่งนี้เป็นสตรีอ่อนเยาว์ผู้งดงามสดใสแตกต่างจากเหล่าคณิกาทั่วไปที่รายล้อม

ทว่าแม้นางจะอายุน้อย แต่ยามเสวนากับผู้คนกลับชัดเจนและเจนจัด ทั้งยังมีไหวพริบไม่น้อยหน้าเหล่าคนเฒ่าชรามากประสบการณ์

“นายน้อยหยวน ท่านพาสหายมาเที่ยวเล่นอย่างนั้นหรือ?”

ยามเห็นหยวนลั่วอวี่ นางพลันเผยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน แผ่กลิ่นหอมอันหรูหรากระจายออก ทำให้หัวใจผู้คนสดชื่นอย่างฉับพลัน

หวงเฉียนจวินลอบขบขันอยู่ภายในเมื่อแลเห็นซึ่งฉากนี้ เขารู้ได้ทันทีว่าหยวนลั่วอวี่ เป็นผู้มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง มีเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เฉกเช่นเดียวกัน จึงจะมองออกกันและกันได้อย่างเร็วไว

ถึงขนาดนายหญิงแห่งหอคณิกาเอ่ยทักทายตนอย่างสนิทสนมดังเช่นนี้ หากยังปกปิดต่อไปว่าตนนั้นไม่ใช่ขาประจำคงไม่ดีนัก หยวนลั่วอวี่ไอแห้ง “นายหญิงฟ่างซิว ครั้งนี้ข้าได้พาผู้สูงศักดิ์มาเยี่ยมเยือน เจ้าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้ผู้ใดได้รู้ ไม่เช่นนั้น อย่าหาว่าหยวนลั่วอวี่ผู้นี้เป็นคนหยาบคาย!”

ด้วยสถานะตัวตนของหยวนลั่วอวี่ เมื่อเอ่ยคำเตือนเช่นนี้ใครบ้างจะกล้าไม่ใส่ใจ? ฟ่างซิวตอบรับคำอย่างเร่งรีบ “นายน้อยหยวน ท่านอย่าได้กังวล” หลังจากตอบรับ ดวงตางดงามของนางเหลือบไปที่ซูอี้ในทันที เมื่อครู่นางเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าหยวนลั่วอวี่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับซูอี้ ทั้งยังแสดงออกอย่างเกรงใจ

จะไม่ชัดเจนได้อย่างไร ว่านี่คือผู้สูงศักดิ์ที่หยวนลั่วอวี่กล่าวถึง?

อย่างไรแล้ว ด้วยประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ามาหลายปี ฟ่างซิวจึงรู้ความเป็นอย่างดี นางไม่ซักไซ้แม้เพียงประโยค เพราะข้อห้ามที่สุดสำหรับเหล่าคนใหญ่คนโตที่มาซ่องคือการถูกถามถึงตัวตนและที่มาของพวกเขา

“ผู้น้อยฟ่างซิวขออนุญาตเป็นผู้นำทางนายน้อยหยวน และแขกผู้มีเกียรติทั้งสองเข้าไปด้านในแล้วกันนะเจ้าคะ”

นายหญิงฟ่างซิวนำทางเป็นการส่วนตัว เดินมุ่งหน้าเข้าไปยังหมู่ตึกหรูหราซึ่งประดับตกแต่งด้วยโคมไฟงดงามระยิบระยับ

“คุณชายซู เชิญท่านก่อนแล้ว”

หยวนลั่วอวี่รีบผายมือเชิญชวนอย่างรวดเร็ว

ฉากนี้ทำให้ฟ่างซิวยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม นางไม่กล้าที่จะละเลยทุกรายละเอียด

ครั้งเดินเข้าไปด้านใน เสียงบรรเลงพิณอันไพเราะดังขึ้นต่อหน้า ส่งเสริมให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

ห้องโถงนี้กว้างและงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ บนเวทีไกลออกไป มีสตรีหน้าสะสวยกลุ่มหนึ่งกำลังร้องเพลงและเล่นพิณ

ทางด้านของหวงเฉียนจวิน หลังจากเข้ามาด้านใน เขาก็ไม่รู้ว่าจะวางตาไว้ที่ใด เพราะรอบด้านคราคร่ำไปด้วยสตรีงามทุกแห่งหน แข่งกันเดินเยื้องย่างให้บริการแขกแต่ละคนราวกับผีเสื้อ

แต่ละคนมีการแต่งหน้าที่วิจิตรงดงาม รูปร่างเย้ายวนและส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจาย

สถานที่นี้ยอดเยี่ยมกว่าเรือสำราญโคมเขียวในเมืองกว่างหลิงเป็นไหน ๆ!

หวงเฉียนจวินลอบชื่นชมอยู่ภายใน เลือดในร่างกายของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน

แต่หากเปรียบเทียบกับเขาแล้ว หยวนลั่วอวี่นั้นใจเย็นกว่ามากและติดตามฟ่างซิวไปอย่างสบาย ๆ

ทีละคน เหล่าคณิกาไม่ว่าน้อยใหญ่ต่างก็จำนายน้อยคนที่สองของตระกูลหยวนได้ทันที พวกนางเดินเลียบเคียงเข้าใกล้ด้วยเสน่หา พลางโบกมือเรียกร้องให้สนใจ

ทว่าแทนที่สีหน้าของหยวนลั่วอวี่จะสดใส เขากลับนึกสบถอยู่ในใจ วันนี้เขาคิดอ่านจะอาสาเป็นผู้ดูแลให้ความบันเทิงแก่ซูอี้ หากเขาเรียกคณิการะดับล่างเหล่านี้ให้มาบริการ มันคงไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าตัวเอง

หลังจากผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวไปครู่หนึ่ง บรรยากาศคึกคักและวุ่นวายก็ค่อย ๆ มลายหายไป มีเพียงบรรยากาศที่เงียบสงบเข้ามาแทนที่

หวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะถาม “นายน้อยหยวน พวกเราจะไปไหนกันหรือ?”

หยวนลั่วอวี่ยิ้มอย่างลึกลับ “เจ้าจะรู้เองเมื่อไปถึง”

คำตอบที่คลุมเครือเช่นนี้ ทำให้หยวนลั่วอวี่กลายเป็นรู้สึกกดดันอย่างมาก

สายตาของพี่ซูนั้นเหนือล้ำกว่าคนปกติ ถ้าคืนนี้ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ต้องตาพี่ซู แล้วตัวเขาจะทำอย่างไรดี?

ขณะที่คิดอยู่นั้น ทิวทัศน์ด้านหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด มีศาลาที่สร้างขึ้นกลางสระบัวปรากฏขึ้นแก่สายตา

เมื่อเข้าไปในศาลา จะแลเห็นกระถางธูปม้วนงอ พรมแดงบนพื้น และผนังที่มีภาพวาดวิจิตรหลากหลาย เช่น ต้นท้อ กล้วยไม้ ต้นไผ่ และเบญจมาศ

ในศาลา มีสาวใช้สิบสองคนคุกเข่าอยู่บนพื้น ทุกคนแต่งกายด้วยกระโปรงผ้าคลุมสีฟ้าอ่อนที่เข้ากันได้ดี มีคิ้วที่โค้งมน ทั้งยังแลดูขี้อาย มีเสน่ห์อันยากจะต้านทาน…

รูปลักษณ์ของเหล่าสาวใช้นั้นยอดเยี่ยม ตามสายตาของหวงเฉียนจวิน แค่สาวใช้เหล่านี้ก็เพียงพอจะเป็นคณิกาอันดับต้นแห่งเมืองกว่างหลิงได้แล้ว!

“ยินดีต้อนรับ คุณชายทั้งสาม!”

สาวใช้ก้มหัวทักทายซูอี้และคนอื่น ๆ ที่เข้ามา

ฉากนี้ทำให้ซูอี้ชะงักงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว การปรนนิบัติระดับนี้มีเพียงเฉพาะผู้มีอำนาจเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะได้รับ

“คุณชายซู เชิญนั่งลงก่อนเถิด” หยวนลั่วอวี่ยิ้มและเชื้อเชิญ

ซูอี้พยักหน้ารับเล็กน้อยและนั่งลงตรงที่นั่งหัวโต๊ะ

สาวใช้สองคนที่คุกเข่าอยู่ข้างที่นั่งหัวโต๊ะลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที คนหนึ่งชงชา ส่วนอีกคนหนึ่งรินสุรา

เมื่อเห็นทุกคนนั่งแล้ว ฟ่างซิวยิ้มและพูดว่า “นายน้อยหยวน ท่านต้องการให้ศาลาคลื่นซัดทรายบริการเช่นไรในคืนนี้”

หยวนลั่วอวี่ เอ่ยตอบอย่างรู้ความ “เอาแบบเดิม… ไม่สิ เอาเป็นเช่นเดียวกับยามที่พ่อข้าพาแขกคนสำคัญสูงสุดมารับรอง!”

หวงเฉียนจวินเบิกตากว้าง จินตนาการเริ่มโลดแล่น แต่กระนั้น หยวนลั่วอวี่ราวกับทราบว่าอีกฝ่ายกำลังคิดลึกไปไกล เขาจึงอธิบายด้วยเสียงต่ำ “พ่อของข้ามักจะมีแขกฐานะสูงล้ำซึ่งชื่นชอบหาความสำราญมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะต้องพาแขกเหล่านั้นมาที่นี่เพื่อฉลองและสนุกสนาน นายน้อยหวง เจ้าอย่าได้คิดไปไกลนัก!”

หวงเฉียนจวินแอบลอบคิดในใจ ‘ท่านไม่ได้อยู่กับพ่อของท่านตลอดเสียหน่อย ท่านจะรู้ไปหมดได้อย่างไรว่าพ่อของท่านทำสิ่งใดบ้าง?’

ฟ่างซิวทั้งตกใจทั้งยังลังเลอย่างเห็นได้ชัด “นายน้อยหยวน สตรีเหล่านั้นที่อยู่อันดับต้น ๆ ของรายชื่อ พวกนางถูกขุนนางคนอื่นเรียกไปหมดแล้ว…”

รับชมหยวนลั่วอวี่ขมวดคิ้ว ฟ่างซิวเผยยิ้มขมขื่นก่อนจะรีบกล่าวถ้อยคำ “ทว่า ในเมื่อนายน้อยหยวนอยู่ที่นี่ ผู้น้อยคงมิกล้าทำลายความสำราญของทุกคน ทุกท่านกรุณารอสักประเดี๋ยว ฟ่างซิวผู้นี้จะรีบไปจัดการในทันที”

หลังจากเอ่ยจบ ฟ่างซิวก็หันหลังเดินจากไปอย่างเร่งรีบ

“หยวนผู้นี้ขอกล่าวตามตรงต่อคุณชายซู หากเป็นตามปกติ หยวนผู้นี้ไม่กล้าอ้างชื่อบิดาของตนแน่ แต่วันนี้มันต่างไป หากข้าไม่รับรองคุณชายให้ดีที่สุดแล้วบิดารู้ ข้าคงต้องโทษถูกกักบริเวณเป็นแน่แท้”

หยวนลั่วอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นnᴏᴠᴇʟɢu.cᴏm

ซูอี้ชี้ไปที่หวงเฉียนจวินและกล่าวว่า “เขากำลังจะไปที่หุบเขามารบุปผาโลหิตกับจวิ้นอ๋องอู๋หลิง เฉินเจิ้งในวันพรุ่งนี้ คืนนี้เพียงดูแลเขาให้สำราญเต็มคราบก็พอ”

หยวนลั่วอวี่ตกตะลึง พูดด้วยความประหลาดใจ “น้องหวง เจ้าวางแผนที่จะเข้าร่วมกองทัพอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่ายามประจำอยู่ในกองทัพนั้นอ้างว้างสักแค่ไหน? นอกเหนือจากการต่อสู้และการฝึกฝนไม่หยุดหย่อน มันมีเพียงการพูดคุยหยอกล้อเล่าเรื่องตลกกับเหล่าสหายเท่านั้นที่พอจะฆ่าเวลายามเหงาไปได้บ้าง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทนได้?”

หยวนลั่วอวี่รับใช้ในกองกำลังเกล็ดแดง ภายใต้จวิ้นอ๋องอวิ๋นกวงอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีถึงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวยามต้องออกไปประจำการ

“หากท่านยังทนได้ ทำไมข้าจะทนไม่ได้บ้าง?” หวงเฉียนจวินกล่าวอย่างหนักแน่น

“ฮะ ๆ…”

หยวนลั่วอวี่อดยิ้มเล็กน้อยไม่ได้ “เช่นนั้น ข้าขอชี้แนะให้เจ้าระวังสักเรื่องก็แล้วกัน ไอ้พวกทหารเก่าทั้งหลายนั้นชมชอบเด็กหนุ่มผิวบางเช่นเจ้าเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่ายามไปประจำการอยู่แรก ๆ ก็จงดูหน้าดูหลังให้ตลอด ไม่เช่นนั้นหากพลาดพลั้งขึ้นมาไอ้พวกบัดซบนั่นมันไม่อ่อนโยนต่อเจ้าแน่… ฮ่า ๆ”

หวงเฉียนจวินรู้สึกหนาวไปถึงสันหลังและรีบขัดจังหวะ “นายน้อยหยวน ท่านน่ารังเกียจเกินไปแล้ว! คอยดูเอาไว้เลย หากใครกล้าทำตัวไร้ยางอายต่อหวงผู้นี้ ข้าจะเตะลูกหลานของมันให้ระเบิด!”

หยวนลั่วอวี่หัวเราะร่าด้วยความเบิกบานยิ่ง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากซูอี้นั้นร่วมโต๊ะ เขาจึงไม่กล้าเผยกิริยาตามปกติยามเที่ยวเล่น ขณะนี้จึงทำได้เพียงแค่แอบลูบไล้บนขาอ่อนที่เรียวยาวของสาวใช้ที่อยู่ถัดเขาจากใต้โต๊ะ

ใบหน้าของสาวใช้นิ่งงันไปชั่วขณะ แต่ทว่านางไม่ได้ขัดขืน

ไม่เพียงแต่เขาที่ลอบกระทำเช่นนี้ แต่หวงเฉียนจวินก็เป็นเช่นกัน

เหตุผลที่พวกเขาสำรวมกิริยานั้นง่ายมาก ซูอี้ผู้ร่วมโต๊ะด้วยสูงส่งจนเกินไป

แม้ว่าพวกเขาจะอายุพอ ๆ กัน แต่โดยจิตใต้สำนึก พวกเขากลับปฏิบัติต่อซูอี้ในฐานะผู้อาวุโสแล้ว

ซูอี้จะไม่รู้ความคิดของสองคนนี้ได้อย่างไร เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

นกที่ขนเหมือนกันย่อมรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน

ไม่นานหลังจากนั้น ฟ่างซิวก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มสตรี

ดวงตาของหวงเฉียนจวินสว่างขึ้นทันใด

สตรีเหล่านี้ที่มาใหม่ล้วนแล้วแต่งามจนน่าตะลึง ไม่ว่ารูปร่าง หน้าตา กิริยา หรือท่าทางล้วนไร้ที่ติ

แม้แต่หยวนลั่วอวี่ยังอดไม่ได้ที่จะสรรเสริญ ความงามระดับนี้แม้แต่เขายังพูดไม่ออก!

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่ซูอี้ เขาเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่แยแสต่อสตรีเหล่านี้แม้แต่น้อย ไร้ซึ่งอาการหวั่นไหวที่บุรุษควรจะมี

ขณะที่หยวนลั่วอวี่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ซูอี้พลันยืนขึ้นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าสนุกกันให้เต็มที่ ข้าจะออกไปหาคนผู้หนึ่ง”

หลังจากนั้น เขามองไปที่ฟ่างซิวและพูดว่า “จงพาข้าไปพบฉาจิ่น”

ฟ่างซิวแต่เดิมซึ่งยิ้มร่า ครั้งได้รับฟังประโยคนี้สีหน้าถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง ถ้อยคำกล่าวออกอย่างกระอักกระอ่วน “ผู้น้อยขออภัยยิ่งต่อคุณชาย ฉาจิ่นหาใช่คณิกาธรรมดาทั่วไปไม่ เราไม่อาจบังคับนางให้รับแขกผู้ใดได้ โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย”

ทว่าซูอี้หาได้สนใจต่อคำกล่าวของนางไม่ เขาขยับก้าวประชิดก่อนจะเอามือขวาโอบไหล่ขาวราวหิมะของฟ่างซิวและกล่าวออก “เพียงนำทางข้าไปเท่านั้นพอ”

การกระทำนี้นับว่ากล้าหาญในสายตาของผู้อื่น

ต้องไม่ลืมเลือนว่า ฟ่างซิวคือนายหญิงแห่งศาลาคลื่นซัดทราย ตัวตนและสถานะของนางนั้นหาใช่ธรรมดาไม่ แม้แต่แขกเหรื่อจากตระกูลอันสูงศักดิ์ยังไม่มีใครกล้าหยาบคายกับนางถึงเช่นนี้

บรรดาสาวงามตะลึงงันไปชั่วขณะ

ฟ่างซิวทั้งรู้สึกเขินอายและบูดบึ้งผสมปนเป แต่เมื่อรู้สึกชัดแจ้งถึงความแข็งแกร่งของมือใหญ่บนไหล่ตน หัวใจของนางพลันแข็งค้างในทันใด

นางเหลือบมองไปยังบุรุษข้างกายโดยไม่รู้ตัว แลเห็นรูม่านตาคู่หนึ่งที่มืดมิดและเฉยเมยประหนึ่งเทพผู้ปกครองสวรรค์บนชั้นฟ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวและหายใจไม่ออก

ความหนาวเย็นที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในหัวใจของนาง มันทำให้ร่างกายของนางเกร็งอย่างประหลาดพร้อมกับสั่นงันงกด้วยความกลัว

“สาวน้อย ตราบใดที่เชื่อฟังข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน”

หลังจากพูดจบประโยค ซูอี้ก็พานางออกไปจากศาลา

ในหัวของฟ่างซิวยุ่งเหยิง จิตใจของนางปั่นป่วน จนลืมที่จะขัดขืน

อันที่จริง ต่อให้มีสติครบถ้วนนางคงไม่กล้าดิ้นรน

สัญชาตญาณบอกกับนางว่าหากนางกล้าที่จะต่อต้าน บุรุษหนุ่มที่อยู่ข้างกายคงไม่รังเกียจจะฆ่านางตามความประสงค์อย่างแน่นอน!

บรรดาสาวงามต่างมองหน้ากันไม่รู้จะทำอย่างไร

หยวนลั่วอวี่เงียบไปครู่หนึ่งและพูดอย่างกล้าหาญ “มาเถิดน้องหวง คุณชายซูกล่าวว่าข้าต้องสร้างความบันเทิงให้แก่เจ้าในคืนนี้ เช่นนั้นข้าขอมอบโอกาสเลือกให้เจ้าก่อน!”

เขาเห็นได้ชัดเจนว่าจุดประสงค์การมาที่นี่ของซูอี้ มีเพียงแค่การพบปะกับฉาจิ่นเท่านั้น ฉะนั้นแล้วเวลาถัดจากนี้ไป พวกเขาสามารถหาความสำราญได้อย่างอิสระ

“เอ่อ…”

หวงเฉียนจวินระงับอารมณ์ภายในของเขา และเริ่มมองไปที่เหล่าสตรีซึ่งยืนเรียงให้เลือกสรร

เมื่อครู่ยามซูอี้ขอพบฉาจิ่น เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นคืนนี้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับซูอี้ แต่เห็นอกเห็นใจฉาจิ่น บนโลกนี้มีผู้คนอยู่มากมาย เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลาล่วงเกินพี่ซูของข้า?

หลังจากนั้นไม่นาน หวงเฉียนจวินหยุดคิดเกี่ยวกับซูอี้ กระแอมคอเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปที่สาวงามสี่คนติดต่อกัน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเลือกพวกเจ้าทั้งหมด”

หยวนลั่วอวี่ตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยคำอย่างประหลาดใจ “สี่?”

หวงเฉียนจวินดื่มสุราจนหมดจอก ก่อนจะเอ่ยเยี่ยงบุรุษผู้กล้าหาญ “แค่สี่เท่านั้น ไม่มากเกินไปไม่ใช่หรือ?”

หยวนลั่วอวี่เลิกคิ้ว เห็นอีกฝ่ายมากประสบการณ์เช่นนี้ความคิดชั่วร้ายในใจบังเกิดออก “คุณชายซูบอกข้าให้สร้างความบันเทิงแก่ตัวเจ้า กระนั้นแล้วสี่คนจะเพียงพอได้อย่างไร?”

เขาโบกมือและสั่งเหล่าสตรีที่เหลืออยู่ทั้งหมด “พวกเจ้าทั้งหมดรั้งอยู่ที่นี่ ราตรีนี้จงปรนนิบัติน้องหวงของข้าอย่าให้บกพร่อง!”

หวงเฉียนจวินตกตะลึง แม้จะมีความสุข แต่ความกังวลในใจเริ่มเบ่งบาน สตรีมากมายขนาดนี้เขาจะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมารับมือ?

Facebook Twitter Telegram Pinterest
บันทึกตำนานราชันอหังการ

บันทึกตำนานราชันอหังการ

First Immortal of The Sword, Fis, Jiandao di yi xian, Supreme sword god (donghua), 剑道第一仙
Score 8.8
สถานะนิยาย: Ongoing ประเภท: , ผู้แต่ง: ,
เสียงคำรามกราดเกรี้ยวดังเลือนลั่นฟ้า การจากไปของผู้ยิ่งใหญ่นำมาซึ่งความโกลาหนทั่วเก้ามหาแดนดิน เหล่าคนละโมบต่างคิดหมายแย่งชิงสิ่งวิเศษที่ผู้เป็นยอดปรมาจารย์เคยปกครองยุคสมัยครอบครอง ทว่านั่นหาใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น! แท้จริงแล้วภายในโลงสัมฤทธิ์ มันว่างเปล่า! ไร้ศพ ไร้คน และไร้ซึ่งดาบเก้าคุมขัง!!.. (อ่านเพิ่มเติม »)

Comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Options (ตั้งค่าการอ่านนิยาย)

not work with dark mode
Reset